เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1253
บทที่ 1253 แถมยังรังจะรังแกคุณด้วย
จนสุดท้าย เย่โม่เซินทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ได้รับเสี่ยวโต้วหยามาจากอ้อมอกของเธอโดยตรง
ตอนแรกหานมู่จื่อยังไม่ยอม แต่ปกติเย่โม่เซินอุ้มเสี่ยวโต้วหยาอยู่เป็นประจำ ดังนั้นตอนที่เย๋โม่เซินยื่นมือมาอยากอุ้มเธอ ไม่นึกเลยว่าเสี่ยวโต้วหยาจะหัวเราะคิๆไปด้วย และยื่นหมัดน้อยๆไปหาเย่โม่เซินด้วย
หานมู่จื่อที่อยากเอาเสี่ยวโต้วหยามาครอบครองเอง “…….”
นี่คือลูกแท้ๆของเธอเหรอเนี่ย? เห็นแด๊ดดี้ก็ไม่เอาแม่แท้ๆคนนี้แล้ว!
ต่างก็บอกว่าลูกพึ่งพาแม่แท้ๆที่สุดไม่ใช่เหรอ?
ถึงแม้กำลังพ่อแม่แม่งอนกันอยู่ แต่ในเมื่อเสี่ยวโต้วหยาอยากให้แด๊ดดี้ของเธออุ้ม หานมู่จื่อย่อมไม่ปฎิอสธอยู่แล้ว ปล่อยให้เย่โม่เซินอุ้มเสี่ยวโต้วหยาไป
“งั้นคุณอุ้มไว้เถอะ ฉันไปพักผ่อนที่ห้องสักพัก”พอพูดจบ หานมู่หันหลังจะไป ข้อมือกลับถูกเย่โม่เซินใช้แรงจับเอาไว้
“คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่าเกิดอะไรขึ้น?”
เย่โม่เซินอุ้มเสี่ยวโต้วหยาด้วยมือข้างเดียวอย่างชิวๆ
เขาจากที่ตอนแรกไม่รู้จะใช้ท่าทางอะไรอุ้มเสี่ยวโต้วหยา ระมัดระวังก็สามารถทำให้เสี่ยวโต้วหยาไม่สบาย มาจนถึงตอนนี้แค่อุ้มเสี่ยวโต้วหยาอย่างลวกๆ เสี่ยวโต้วหยาก็ไม่ร้องไห้เลย ขั้นตอนนี้ก็ใช้เวลายาวนานพอสมควร
ตอนนี้สามารถบอกได้ว่าเย่โม่เซินเป็นซุปเปอร์แด๊ดดี้คนนึงแล้ว
ขอแค่มีเย่โม่เซินอยู่ หานมู่จื่อก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น
ถูกเขาจับมือเอาไว้ หานมู่จื่อเม้มปากแดงๆของตัวเองไว้ ก็ไม่รู้ควรจะพูดอะไร เพราะยังไงซะขุดคุ้ยเรื่องเก่าแบบนี้เหมือนไม่ใช่สไตล์การทำงานของเธอเลย
พูดออกมายิ่งทำให้ดูใจแคบ
เพราะฉะนั้นเธอจะพูดยังไง?แต่ถ้าไม่พูดก็หดหู่จะแย่ ได้แต่พูดคำนึงด้วยความอัดอั้นว่าไม่มีอะไร
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เย่โม่เซินก็หัวเราะอย่างจนปัญญา น้ำเสียงทุ้มต่ำ ปลายลิ้นของเขายันฟันกรามหลังตัวเองไว้ น้ำเสียงต่ำลงหลายโทน
“นี่ยังเรียกว่าไม่มีอีก? ผมกลับมาก็ใส่สีหน้าให้ผมดูเลย ไม่ให้ผมจูบก็แล้วไป แถมยังไม่ให้ผมเดินตามคุณด้วย ผมเพิ่งประชุมกลับมา ไม่รู้ว่าที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้น มีเรื่องอะไรที่ไม่สบอารมณ์หรือเปล่า?”
หานมู่จื่อขมวดคิ้ว มองเขาอย่างจริงจัง
“เพราะฉะนั้นความหมายของคุณคือ คุณประชุมกลับมาที่บ้านก็เหนื่อยมากแล้ว ปรากฏกลับยังเห็นฉันกำลังเอะอะไร้เหตุผลอีกใช่มั้ยคะ?”
เย่โม่เซิน “…….”
เขารู้สึกหานมู่จื่อของวันนี้ไม่เข้าใจเหตุผลเลย ตอนพูดตอนจาก็จ้องจับผิดเขาอยู่เรื่อย เขาใจสั่นไปสักพักถึงพูด “คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
หานมู่จื่อ “งั้นคุณหมายความว่ายังไง?”
เรื่องนี้ ที่จริงขอแค่เย่โม่เซินไม่เดินตามเธอ พอตกดึกหานมู่จื่อก็ย่อมปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้เองแล้ว ดันตอนที่เธอหดหู่กับเรื่องนี้ เขาก็ยังมาซ้ำเติมอีก แถมยังมาพูดคำพูดเหล่านี้ หานมู่จื่อควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ต่อว่าเขาไปสองคำ บรรยากาศระหว่างทั้งสองก็กลายเป็นตึงเครียดขึ้นมา
บรรยากาศตึงเครียด เย่โม่เซินใช่ว่าจะสังเกตไม่เห็น
เขาเพ่งมองหานมู่จื่อไว้ เสี่ยวโต้วหยาที่อยู่ในอ้อมอกเหมือนก็รู้สึกได้ เธอก็ไม่หัวเราะแล้ว ดวงตากลมโตแวววาวกลอกตาไปมา มองแด๊ดดี้และหม่ามี๊ของเธอ
หานมู่จื่อก็ตระหนักได้แล้ว เธอเก็บสีหน้าไว้ และหลุบตาลง
“ขอโทษค่ะ วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีค่ะ”พอพูดจบ เธอเตรียมตัวหันหลังจากไป
เป็นไปได้ยังไงที่เย่โม่เซินจะให้เธอไป?
เดิมทีทั้งสองก็ยังเจรจากันไม่ได้ อีกอย่างอยู่ภายใต้สถานการณ์ตึงเครียดขนาดนี้ นาทีนี้ถ้าให้เธอจากไปคนเดียว ไม่แน่เธออาจจะคิดฟุ้งซ่านได้
ดังนั้นเขาใช้แรงดึงหานมู่จื่อที่กำลังอยากจากไปเข้ามาในอ้อมอก
หานมู่จื่อคาดคิดไม่ถึง หน้าผากชนเข้าไปในหน้าอกของเขา ตอนที่เงยหน้าเผชิญกับเสี่ยวโต้วหยาที่อยู่ในอ้อมอกเขาที่ไร้เดียงสาและแปลกใจ
“นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ?”
หลังจากดึงสติกลับมา หานมู่จื่อต่อว่าเขาคำนึง“ดึงฉันมาแบบนี้ ถ้าเกิดควบคุมแรงได้ไม่ดี ฉันชนเสี่ยวโต้วหยาจะทำยังไงคะ?”
“ไม่หรอกครับ”
“ผมจะควบคุมแรงดีๆ ไม่ให้คุณสองคนได้รับบาดเจ็บแน่นอนครับ”
หานมู่จื่ออึ้ง และเงยหน้ามองเขา
เย่โม่เซินเม้มปาก ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม เขามองเธออย่างจริงจัง“ไหนบอกผมซิว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
พอพูดจบ เย่โม่เซินโน้มตัวยันหน้าผากเนียนใสของเธอไว้ ปลายจมูกของทั้งสองสัมผัสกัน ลมหายใจเข้ากันเป็นหนึ่งเดียว
“หืม?”
ท่ามกลางการปฏิบัติที่อ่อนโยนกับเธอแบบนี้ หานมู่จื่อไม่มีไฟแห่งความโกรธอีก ถูกเขาดับสนิทแล้ว
เธอกัดริมฝีปากล่าง และพูดเสียงเบา “พูดออกมา………..คุณอาจจะหัวเราะเยาะฉันได้”
ทั้งๆที่ทั้งสองประสบพบเจออะไรมาเยอะขนาดนั้น หานมู่จื่อเองก็เป็นแม่ลูกสองแล้ว แต่ว่าอยู่ตรงหน้าของเย่โม่เซิน เธอก็ยังกลายเป็นวัยรุ่นที่ความคิดละเอียดอ่อนอย่างห้ามใจไม่ได้
ปรารถนาอยากให้คนเป็นห่วง ปรารถนาอยากมีคนเก็บรักษาและปกปักรักษาเธออย่างละเอียด อย่าให้เธอต้องตกใจอย่าให้เธอต้องลำบาก
คนๆนี้ ต้องเป็นเย่โม่เซินอยู่แล้ว
“ระหว่างเรา ยังมีอะไรที่พูดไม่ได้อีก?”เย่โม่เซินชนหน้าผากเธอเบาๆทีนึง จู่ๆน้ำเสียงเปลี่ยนมาจริงจังขึ้นเยอะ “รีบพูดมา”
หานมู่จื่อเม้มปากอย่างไม่พอใจ “นี่คุณดุฉันเหรอ?”
“อืม”เย่โม่เซินสีหน้าลุ่มลึก แววตาดำเข้ม “ถ้าคุณไม่พูด ผมไม่เพียงแต่จะดุคุณ แต่ยังจะรังแกคุณด้วย”
“อะไรนะ?”
“ก็เหมือนแบบนี้………..”
จู่ๆเย่โม่เซินกัดริมฝีปากเธอไว้ หานมู่จื่อดึงสติกลับมาไม่ได้ในชั่วขณะ ยืนเซ่ออยู่ตรงนั้น มองดูดวงตาของเย่โม่เซิน ชัดเจนมากว่าเห็นรอยยิ้มอ่อนๆและหัวใจหวั่นไหวอยู่ในแววตาลึกๆของเขา
เขาถอยออกไปครึ่งคืบและหรี่ตาไว้ “ถ้าไม่พูดอีก ก็รังแกให้ถึงที่สุด”
หานมู่จื่อ “……..”
หลังจากเธออึ้งไปหลายวิ ยื่นมือแตะริมฝีปากของตัวเอง และแขวะเขา “ไปฝึกพฤติกรรมที่น่าเกลียดมาจากไหน เสี่ยวโต้วหยา…..ยังอยู่ที่นี่นะคะ”
เขาจูบเธอต่อหน้าลูกตัวเองได้ยังไง! ไอ้สารเลว!
“แล้วจะทำไม อย่างไรก็ตามเธอยังเด็กอยู่ ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก”
พอพูดจบ ฝ่ามือใหญ่ของเย่โม่เซินโอบเอวเธอไว้ ดึงเธอเข้าหาตัวเอง แนบชิดตัวเอง
“จะพูดไม่พูด?”
หานมู่จื่อส่ายหัว“ก็ไม่พูดอยู่ดี……อืมมม……”
เธอยังพูดไม่จบ เย่โม่เซินก็โน้มตัวจูบเธออีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ ก็ไม่ได้ธรรมดาเหมือนเมื่อกี๊แล้ว เมื่อกี๊เห็นได้ชัดว่าเย่โม่เซินแค่สั่งสอนเธอเล็กน้อย เทียบเท่ากับอาหารเรียกน้ำย่อยเฉยๆ ส่วนตอนนี้………..
เพิ่งจะเริ่มต้นเอง
เขากัดริมฝีปากของเธอไว้ พลิกไปพลิกมา
เมื่อกี๊หานมู่จื่อยังคิดเรื่องของก่อนหน้านั้นอยู่ ตอนนี้ถูกเขาเล้าโลมจนลมหายใจวุ่นวายไปหมด พอนึกอะไรได้ก็ใช้แรงผลักเขา แต่เย่โม่เซินแรงเยอะมาก ถึงใช้มือข้างเดียวกอดเธอไว้ เธอก็ผลักเขาไม่ออก
เวลาผ่านไปทุกวินาที
ก็ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดเย่โม่เซินก็ได้ปล่อยเธอ
“ตอนนี้จะพูดหรือยัง?”เขาถาม
หานมู่จื่อกล้าที่จะไม่พูดเหรอ?
ถ้าเธอยังบอกว่าไม่อีก คาดว่าเย่โม่เซินก็จะจับเธอมาจูบต่อหน้าเสี่ยวโต้วหยาอีกครั้งแล้ว
เธอจ้องเขาทีนึง จากนั้นถึงพูดความคิดของตัวเองออกมาด้วยความเก้อเขิน
หลังจากเย่โม่เซินรู้ว่าเธอโกรธเพราะเรื่องอะไร ก่อนอื่นคือตะลึงก่อน จากนั้นแววตาก็มีรอยยิ้มที่ดีใจโผล่ขึ้นมา
“ที่คุณไม่แยแสผม ก็เพราะเรื่องนี้?”