เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1256
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 1256 ฉันรู้สึกฉันยังสามารถอดทนได้อีกหน่อย
ยัยบ๊องคนนี้………..
ฝ่ามือใหญ่ของหานชิงปกคลุมอยู่ที่ศีรษะเธอ พร้อมทั้งหรี่ตาเล็กน้อย
“ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วเหรอ?”
เสี่ยวเหยียนกัดริมฝีปากล่างของตัวเองไว้อย่างไม่สมเหตุผล เมื่อคืนตอนที่เธอมีปณิธานอันสะเทือนเลือนลั่นไม่ได้คิดถึงปัญหานี้เลย ตอนนั้นแค่อยากนอนกับเทพบุตร ใครจะไปรู้ว่ายังมีเรื่องมากมายขนาดนี้ตามมา ฮือๆ……….
ถ้ารู้ตั้งแต่แรก……..
ไม่ถูก ถึงรู้ตั้งแต่แรก คาดว่าเมื่อคืนเธอก็คงทำเรื่องแบบนี้เหมือนกัน
เธอชอบหานชิงขนาดนั้น ถ้าสามารถตั้งครรภ์ลูกของเขา สำหรับเธอแล้วมีแต่จะเป็นเรื่องโชคดี ไม่ใช่เรื่องลำบาก ดังนั้นเธอกำลังลังเลอะไรอยู่
ไม่มีอะไรมากไปกว่าเธอกลัวหานชิงมีแรงกดดัน เพราะยังไงซะเมื่อคืนเขาอดทนได้ยากลำบากขนาดนั้น ยามวิกาลยังถามเธอว่าจะเสียใจหรือเปล่า ดังนั้นเสี่ยวเหยียนก็ไม่อยากเพิ่มแรงกดดันให้เขาแล้ว
คิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนชูมือทั้งสองข้างขึ้นมารับประกัน “เราไปจากเกาะตอนนี้เถอะค่ะ หลังไปจากเกาะฉันจะรีบไปซื้อยาคุมฉุกเฉินทาน รับรองไม่ตั้งครรภ์แน่นอนค่ะ ถ้าฉันไม่ระวังตั้งครรภ์ขึ้นมาจริงๆ งั้นฉันจะไม่สร้างแรงกดดันให้คุณแน่นอนค่ะฉัน…….เตาะ”
คำพูดเธอยังพูดไม่จบ หานชิงก็ขมวดคิ้วดีดหน้าผากเธอทีนึง
“คิดฟุ้งซ่านอะไรอีกแล้ว?อะไรเรียกว่าไม่สร้างแรงกดดันให้ผม เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ คุณยังคิดแทนผมอีก?”
เสี่ยวเหยียนมองเขาด้วยหน้าตาเซ่อๆ
หานชิงโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด นิ้วมือถูไถหูของเธอเบาๆ และพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องกลัว ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ มีผมอยู่”
เสี่ยวเหยียนไม่แน่ใจว่าเขาหมายความว่ายังไง แต่สามารถเข้าใจได้ว่าเขาให้เธอไม่ต้องใจร้อน เธอได้แต่ถามด้วยความระมัดระวัง “แล้ว…..เรายังจะไปจากเกาะมั้ยคะ?”
“มาก็มาแล้ว เล่นหนำใจแล้วค่อยกลับ โอเคมั้ย?”เขาบีบจับหูของเธอไว้เบาๆ“หรือคุณอยากไปจากเกาะ?”
เสี่ยวเหยียนกลืนน้ำลายอย่างแรงคำนึง ผ่านไปหลายวิเธอได้ส่ายหัวเบาๆ
เธอไม่อยากไปจากเกาะ
เธอชอบหานชิง เธออยากมีลูกให้เขา
ถ้าเขายินยอมล่ะก็……….
“ไม่อยาก งั้นก็อยู่ที่นี่ต่อนะ”
“ค่ะ……”
เรื่องนี้ก็ทิ้งไว้แบบนี้เฉยเลย เสี่ยวเหยียนรู้สึกในใจหวานชื่นจะแย่อยู่แล้ว แม้แต่ตอนที่ทานข้าวก็ยังรู้สึกอร่อยมากเป็นพิเศษ
สองวันต่อมาได้จากไปเกาะ เสี่ยวเหยียนถึงรู้ว่าวันนั้นหานชิงจากไปคือไปจัดการเรื่องของหลินชิ่นเอ๋อวันนั้นหลินชิ่นเอ๋อถูกส่งออกไปจากเกาะโดยตรง อีกอย่างสิ่งที่เธอกระทำในคืนวันก่อนถูกแจ้งให้ตำรวจทราบ หลังจากถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจ ถึงรู้ว่าหลินชิ่นเอ๋อไม่ได้ก่ออาชญากรรมแค่ครั้งแรก แต่ก่ออาชญากรรมมาหลายครั้งแล้ว
เพราะไม่พอใจสามีตัวเอง แต่ก็ไม่กล้าหย่ากับสามีตัวเอง ดังนั้นจึงได้แต่ไปยุ่งผู้ชายที่มีเมียอย่างไม่ขาดสาย หวังมีผู้ชายคนนึงสามารถช่วยเธอเหมือนซุนหงอคงเหยียบเมฆเจ็ดสีช่วยเทพธิดาจื่อเสีย
แต่หาไม่ได้สักที
เพราะยังไงซะใครจะไปพยายามสู้สุดชีวิตเพื่อผู้หญิงที่มีสามีแล้ว?
อีกอย่าง สิ่งที่แลกมาด้วยเนื้อหนังมังสา จะเป็นผู้ชายที่ดีได้ยังไง? แค่พวกที่ชอบแต่รูปลักษณ์เท่านั้นแหละ
เดิมทีสามีของเธอแค่ด่าว่าตบตีเป็นบางครั้ง เธอก็ไม่กล้าหย่า ก็เลยไปหาผู้ชายไปทั่ว
หลังจากเรื่องนี้ถูกสามีรู้ สามีของเธอยิ่งเห็นเธอเป็นสินค้าขยะ ด่าทอตบตีตามใจชอบ แววตานึง คำพูดนึง ขอแค่ไม่ได้ดั่งใจ ก็ลงไม้ลงมือตบตีเลย
ตอนนั้นเสี่ยวเหยียนเคยเห็นบาดแผลบนตัวเธอเองกับตา น่าสะพรึงกลัวจริงๆ
แต่ว่า……….
เสี่ยวเหยียนพูดอย่างทอดถอนใจ “ที่จริงเธอเดินทางผิดตั้งแต่แรกแล้วมั้งคะ เผชิญหน้ากับผู้ชายที่ใช้ความรุนแรงแบบนี้ เธอน่าจะขอความช่วยเหลือกับทางตำรวจและทนายความ ใช้หนทางของทนายมาช่วยตัวเองไขว่คว้า แต่ไม่ใช่เอาความหวังฝากไว้กับผู้ชายที่ชอบแต่ความสวยภายนอก ลองคิดดูสิผู้ชายคนนึงราวีไม่เลิกกับผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ตัวเขาเองจะเป็นคนดีอะไรได้? เธอยังคาดหวังอะไรได้อีก?
เพราะฉะนั้น คนที่น่าสงสารย่อมมีจุดที่น่ารังเกียจ คำนี้พูดถูกอยู่
โชคลาภและความโชคร้ายมักจะมาพร้อมกันเสมอ
ถ้าตอนแรกเธอใช้วิธีแข็งข้อหย่ากัน ถึงถูกข่มขู่ ก็ดื้อด้านจะหย่ากัน
บนโลกใบนี้มีคนกลัวตายมากมาย แต่ถ้ามีชีวิตอยู่อย่างทรมานขนาดนั้นล่ะก็ สู้ๆให้ตายกันไปข้างกับฝ่ายตรงข้ามดีกว่า ยังสามารถไขว่คว้าโอกาสรอดชีวิตได้เสี้ยวนึง
แต่ไม่ใช่เหมือนแบบนี้ ยิ่งจมปลักยิ่งลึก สุดท้ายพลอยเดือดร้อนตัวเองด้วย ส่วนผู้ชายคนนั้น…….กลับไม่ถูกลงโทษอะไรเลย
แต่ว่าเรื่องนี้ก็ยังได้เขียนเป็นเครื่องหมายคำถามไว้อย่างนี้ ต่อจากนี้เธอจะเลือกยังไง เสี่ยวเหยียนก็ไม่รู้แล้ว
สำหรับเธอแล้ว หลินชิ่นเอ๋อก็คือคนที่พบกันโดยบังเอิญ
ถึงแม้ต่อมาเธอได้ทำเรื่องที่ทำให้คนเกลียดไม่น้อย แต่เธอก็ถือว่าได้นำไปสู่เรื่องดีๆของเธอกับหานชิงทางอ้อม เพราะฉะนั้นเสี่ยวเหยียน……ไม่โทษเธอแล้วสักนิด
ถ้าไม่ใช่หลินชิ่นเอ๋อล่ะก็ เธอกับหานชิงก็ไม่มีทางพัฒนาได้เร็วขนาดนี้
ระหว่างทางกลับ เสี่ยวเหยียนยังคิดอยู่ หานมู่จื่อบอกมีเรื่องจะคุยกับตัวเอง ปรากฏว่าอัดมานานหลายวัน เธอดันไม่ยอมพูด พูดแค่คำเดียวว่ารอเธอกลับไปค่อยว่ากัน
ทำเอาเสี่ยวเหยียนหัวใจทั้งดวงคันยุบยิบ ความอยากรู้อยากเห็นถูกปลุกขึ้นมา
ก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรกันแน่ สำคัญขนาดนี้เลยเหรอ? ดันต้องรอให้เธอกลับไปแล้วค่อยว่ากัน?
==
ในประเทศในนาทีนี้ มือถือของเจียงเสี่ยวไป๋ถูกแม่โทรจนสายจะไหม้อยู่แล้ว
เธอหมอบอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์หลับตาแกล้งตาย เหมือนแบบนี้ก็จะไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้ายังไงอย่างงั้น
ตั้งแต่เธอบอกว่าตัวเองมีแฟน และหลังจากพาเซียวซู่กลับบ้าน แม่ก็โทรหาเธอทุกวัน ถามเธอว่าความสัมพันธ์ของเธอกับแฟนเป็นยังไงบ้าง จะกลับไปเป็นแขกที่บ้านอีกเมื่อไหร่
ตอนแรกเจียงเสี่ยวไป๋ยังมีความอดทนรับมืออยู่ ต่อมาพอจำนวนครั้งเยอะเข้า เธอค่อยๆรู้สึกเบื่อขึ้นมา ถึงตอนนี้พอได้ยินเสียงโทรศัพท์ แค่อยากแกล้งตายอย่างเดียว
ในที่สุดเธอก็รู้ อะไรเรียกว่าคิดทำร้ายคนอื่น แต่ผลร้ายนั้นกลับย้อนมาหาตัวเองแล้ว
ตอนนั้นสิ่งที่เธอคิดคือ แก้ไขสถานการณ์ลำบากยากแค้นของตรงหน้าก่อน เรื่องของภายหลังค่อยว่ากันอีกที
เธอนึกว่าหลังจากแม่รู้ว่าตัวเองมีแฟน น่าจะหยุดพักอย่างน้อยหนึ่งเดือน ถึงไม่หยุดหนึ่งเดือน ก็คงจะหยุดหนึ่งสัปดาห์อยู่มั้ง? ? ?
ใครจะไปรู้ว่า…….ท่านจะโทรศัพท์มาก่อกวนตัวเองทุกวัน?
เจียงเสี่ยวไป๋จะบ้าแล้วจริงๆ ถูกแม่ก่อกวน งานก็เขียนไม่ได้แล้ว ที่ยิ่งกว่าคือบทเขียนได้ยุ่งเหยิงไปหมด คนอ่านได้แขวะเธอสารพัดที่โซนคอมเม้นท์ สอบถามว่าเธอเป็นอะไร ถามเสี่ยวไป๋เบบี้อย่างใกล้ชิดสนิทสนมว่าช่วงนี้อารมณ์ไม่ดีหรือเปล่า ตั๋วของขวัญเริ่มแจกขึ้นมา หวังให้เธอมีอารมณ์ดีหน่อย รีบกลับมามีจิตวิญญาณในการต่อสู้ในเร็ววันอะไรประมาณนั้น
เจียงเสี่ยวไป๋จะบ้าตายอยู่แล้ว ใครจะสามารถคิดได้ว่าเธอถูกแม่บีบ?
เฮ้อ!!!
ฟางถังถังเดินออกมาจากห้องครัว ในปากยังกัดขนมปังไว้แผ่นนึง เยาะเย้ยเธอ
“เสี่ยวไป๋ คนเร่งรัดมาอีกแล้ว~รีบรับสายเร็ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่พูดจา
ฟางถังถังยิ้มแก้มปริและนั่งลงมาที่ข้างกายเธอ ตบไหล่เธอเหมือนกับแม่คนนึงยังไงอย่างงั้น “การหนี ไม่ใช่วิธีแก้ไขปัญหานะ”
“ใครจะรับก็รับ ฉันไม่รับ ฉันแค่อยากอยู่อย่างสงบ ฟางถังถัง เธอว่าถ้าฉันคิดไม่ตกแล้วหนีไปบวชขึ้นมา แม่ฉันก็จะไม่บังคับฉันแล้วหรือเปล่า?”
“หืม?”ฟางถังถังตื่นตกใจ “บวช? เธอวางแผนจะไปเป็นแม่ชี ไม่ใช่มั้ง? ? เธอยังตัดอารมณ์ความรู้สึกความปรารถนาแบบปุถุชนทั่วไปไม่ได้เลย จะบวชได้ยังไง? เธอตัดใจละทิ้งผู้อ่านพวกนั้นที่รอชมผลงานเธอได้เหรอ แล้วก็วิวทิวทัศน์และอาหารอันโอชะมากมายของโลกใบนี้? ? แถมยังมีเงินที่เธอหามาได้อีก………”
“เฮ้อ”เจียงเสี่ยวไป๋โขกศีรษะไปที่โต๊ะ กัดฟันแล้วพูด “ถ้าพูดแบบนี้ล่ะก็ ฉันรู้สึกฉันยังสามารถอดทนได้อีกหน่อย”