เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1270
บทที่ 1270 มีคนกินข้าวด้วยก็ดีเหมือนกัน
สาวน้อยคนนี้…
เซียววซู่อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่เคยรู้สึก นิ้วของเขาขยับไปมา จากนั้นตอบข้อความกลับ
“เพิ่งทำงานเสร็จ จะกลับไปเดี๋ยวนี้”
จากนั้นเก็บมือถือ ลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมและกุญแจออกไป
เมื่อกลับถึงบ้าน ตอนแรกเซียวซู่กำลังจะหยิบกุญแจออกมาไขและเปิดเข้าไป แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าในบ้านมีคนอยู่ เขาจึงเปลี่ยนเป็นกดกริ่งแทน
เสียงกริ่งดังอยู่สองสามครั้ง ประตูก็ถูกเปิดออก
เจียงเสี่ยวไป๋ใส่ชุดเสื้อวอร์รูปหมีสีขาว ผมยาวของหล่อนถูกมัดรวบเป็นหางม้า บนหัวยังติดกิ๊ปลายการ์ตูนน่ารัก ดูลักษณะท่าทางสบายๆ
เมื่อเห็นเซียวซู่ เจียงเสี่ยวไป๋รีบยิ้มให้ทันที: “คุณกลับมาแล้วเหรอ? เร็วจังเลย ฉันเห็นคุณส่งข้อความมาเมื่อ20นาทีที่แล้ว จะว่าไปที่ทำงานของคุณก็อยู่ห่างจากบ้านไม่ไกลนะ!”
เมื่อพูดจบ ไม่รอให้เซียวซู่ได้พูดอะไร รีบยื่นมือออกมาดึงเขาเข้าไปด้านใน จากนั้นปิดประตูดังปั้ง ท่าทางทั้งหมดนี้ช่างดูเป็นผู้หญิงที่แมนเหลือเกิน
“ทำอาหารครั้งแรก ฉันไม่รู้ว่าคุณชอบกินรสชาติแบบไหน ดังนั้นฉันก็เลยทำอาหารออกมาเยอะหน่อย ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆ ถ้าไม่อร่อยๆก็กินน้อยหน่อย ไม่ต้องเสียดาย ฉันเลี้ยงเอง”
สาวน้อยพูดจาจอแจข้างหูของเขาไม่หยุด เซียวซู่ยังเห็นว่าหล่อนใส่รองเท้าแตะลายการ์ตูนอีกด้วย เวลาเดินมีเสียงปิ๊บๆ ดูเหมือนว่าหล่อนชอบของน่ารักพวกนี้มาก ทุกอย่างเป็นลายการ์ตูนหมดเลย ดูมีชีวิตชีวามาก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จู่ๆเซียวซู่ก็มีความคิดเหมือน สามีกลับบ้าน ภรรยาก็ออกมาคอยรอรับ
ไม่นานนัก ความคิดนี้ก็ถูกเขาสะบัดทิ้งไปทันที เขากำลังคิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่ เขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับหล่อนก็เป็นแค่แฟนกำมะลอเท่านั้น
เขาวางเสื้อคลุมลง เมื่อเห็นอาหารละลานตาเต็มโต้ เขาตกตะลึงทันที: “นี่คุณทำเองหมดเลยเหรอ?”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นสีหน้าของเขา ก็เดาออกว่าเขาตกใจ สองมือท้าวสะเอว “เป็นยังไงบ้าง? ฉันเก่งใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องชมพี่เยอะนะน้อง พี่ก็เก่งแบบนี้แหละ!”
“พี่?” เซียวซู่เลิกคิ้วขึ้น เหลือบมองหล่อน
เจียงเสี่ยวไป๋รีบเปลี่ยนคำพูด: “ฉันแค่พูดเล่น! กินข้าวไหม? ฉันตักให้คุณ!”
เซียวซู่ตอบกลับ “ผมจัดการเอง”
จากนั้นก็ยื่นมือออกไปหยิบถ้วย เพี้ยะ เสียงดังขึ้น ทันใดนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ตีไปทีหลังมือของเขา
เซียวซู่ตกใจตะลึง จากนั้นก็ได้ยินเสียงบ่นด่าของเจียงเสี่ยวไป๋: “นี่คุณเป็นคนยังไง? กินข้าวไม่ล้างมือก่อนหรือไง? ทำงานมาทั้งวันแล้ว จะปล่อยตัวทำอะไรตามใจแบบนี้ไม่ได้นะ”
เซียวซู่: “…”
เขาลืมจริงๆ
เขาลูบจมูกตัวเองไปมา จากนั้นก็หันหลังเดินไปล้างมือที่ห้องครัว
ตอนที่เข้าไปในห้องครัว เซียวซู่คิดว่าตัวเองเดินมาผิดที่ เขายืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้นนานสักพักใหญ่ จึงจะแน่ใจว่านี่คือห้องครัวของตัวเอง เพียงแต่มีของเพิ่มขึ้นมากมาย
มีเครื่องใช้ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน และยังมีถ้วยและอุปกรณ์ทานอาหารชุดใหม่อีกด้วย อีกอย่างของพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นลายการ์ตูน นี่เป็นสัญลักษณ์พิเศษของเจียงเสี่ยวไป๋ เป็นของหล่อนหมดเลย?
เพียงแค่ผ่านไปแค่ช่วงเช้าเท่านั้น หล่อนก็สามารถย้ายของมากมายเหล่านี้มาที่นี่ได้? ทำได้ยังไงกัน?
เซียวซู่สังเกตมองไปรอบๆ ล้างมือเสร็จก็ออกมา
“ของในห้องครัวพวกนั้น เธอซื้อมาเหรอ?” เจียงเสี่ยวไป๋ตักข้าววางไว้ด้านหน้าเขาเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินเขาถามก็พยักหน้าตกลง: “ใช่สิ ฉันเอามาเอง เป็นไงล่ะ? รู้สึกว่าห้องครัวของคุณไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้วใช่ไหมล่ะ เปลี่ยนโฉมไปหมดเลย”
ย้ายของเข้าไปมากขนาดนั้น แน่นอนว่าไม่เหมือนห้องครัวแบบเดิมอยู่แล้ว เพียงแต่…
เซียวซู่ขมวดคิ้วขึ้น หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“ของพวกนั้นราคาเท่าไหร่?”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นเช่นนั้นตกใจตะลึง จากนั้นถามขึ้น: “นี่คุณจะออกเงินให้งั้นเหรอ?”
ซื้อของมาแล้วก็วางไว้ที่บ้านเขา เขาไม่ออกเงินแล้วใครออกล่ะ? เดิมทีให้ผู้หญิงมาทำกับข้าวให้ที่บ้านเซียวซู่ก็รู้สึกเกรงใจมากอยู่แล้ว เพียงแต่เขาเห็นแก่สัญญาแลกเปลี่ยนที่ตกลงกันไว้ เขาจึงยอมตกลง ตอนนี้หล่อนซื้อของพวกนี้มาให้เขา ถ้าเขายังไม่ให้เงิน ยังจะถือว่าเขาเป็นลูกผู้ชายอีกรึเปล่า?
“อื้ม”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เจียงเสี่ยวไป๋ปัดมือบอกไม่เป็นไร: “ของพวกนี้ย้ายมาจากบ้านของฉันทั้งนั้น ยังไม่ถึงเวลาต้องใช้เงินของคุณ แค่ตอนที่หาคนมาช่วยย้าย ก็ออกเงินค่าแรกไปนิดหน่อย ถ้าคุณต้องให้จริงๆ ฉันก็ไม่ถือสาอะไร”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวซู่ตกตะลึงไปทันที ของพวกนี้ย้ายมาจากบ้านหล่อนเหรอ?
เขาแทบไม่อยากเชื่อ ดังนั้น หลังจากที่เซียวซู่เงียบไปสักพัก จึงถามขึ้น: “คุณย้ายของพวกนี้มาที่นี่แล้ว ต่อไปคุณจะทำยังไงล่ะ?”
ต่อไปหล่อนจะทำยังไง? เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างสมเหตุสมผล: “ฉันก็ต้องมีกินข้าวกับคุณไงล่ะ”
เมื่อพูดจบ ไม่รีรอให้เซียวซู่ได้ตอบอะไร หล่อนก็พูดด้วยความตื่นเต้นขึ้นมา: “เป็นไงล่ะ? ฉันเป็นคนดีมากเลยใช่ไหม ย้ายของมาที่นี่ให้คุณใช้ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ต่อจากนี้ทุกวันจะมีคนทำอาหารให้ และยังมีคนกินข้าวเป็นเพื่อนด้วย มีความสุขมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
เซียวซู่: “….”
“ฉันจะบอกคุณให้นะ ฝีมือการทำอาหารของฉันเป็นถึงฝีมือเชฟระดับสูงเลยนะ ใครอยากเชิญฉันไป ก็ไม่มีเคยเชิญได้เลย แต่คุณได้สิทธิ์นี้แล้ว”
“รีบกินๆ”
เจียงเสี่ยวไป๋เร่งให้เขากิน พลางพูดขึ้น: “ที่กินไม่หมด ฉันจะจัดการเอง อย่ากินอาหารรสเลิศที่ฉันอุตส่าห์ทำให้เหลือทิ้งล่ะ”
เซียวซู่มองดูอาหารที่หล่อนทำให้ด้วยความตั้งใจมาก เมื่อเห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็นผู้หญิงที่ชอบเรื่องอาหารมาก และเขาก็ไม่ได้เป็นคนเลือกกินด้วย ดังนั้นจึงก้มหน้ากินทันที
ตอนแรก เจียงเสี่ยวไป๋ยังคิดว่าอาหารมื้อนี้ที่ทำจะสิ้นเปลืองเหลือทิ้ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเซียวซู่ ไม่เลือกกินเลย และไม่ติดกับรสชาติเปรี้ยวหรือเผ็ดด้วย โดยรวมแล้วเป็นคนที่มีอะไรก็กินอย่างนั้น ทั้งสองกินข้าวกันอย่างตั้งใจ และสงบเงียบมาก
ไม่นานนัก ทั้งสองก็กินอาหารทั้งหมดบนโต๊ะหมดเกลี้ยง
เจียงเสี่ยวไป๋ลูบท้องของตัวเอง ขมวดคิ้วขึ้น รู้สึกอิ่มเกินไป ครั้งหน้าต้องทำให้น้อยกว่านี้หน่อย
“คุณนี่กินเก่งเหมือนกันนะ”
จู่ๆเซียวซู่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามพูดขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงเสี่ยวไป๋แทบจะกระอักเลือด ชักสีหน้าพูดโต้กลับ: “กินได้เยอะก็มีวาสนาดีไงล่ะ”
เซียวซู่ไม่พูดอะไรต่อ ลุกขึ้นเอาจานชานไปล้างและจัดเก็บ
ตอนแรกเจียงเสี่ยวไป๋กำลังจะพูดว่าตัวเองจัดการเองได้ แต่เมื่อคิดไปคิดมา ตัวเองทำอาหารเหนื่อยมาขนาดนั้นแล้ว ให้เขาเก็บจานแค่นี้คงไม่เป็นอะไร
ฉันทำอาหารคุณล้างจาน ต้องแบ่งงานกันให้ดี สองฝ่ายจะได้ไม่ต้องบ่นอะไรกัน
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มให้เซียวซู่ด้วยความเต็มใจ: “คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะมีสำนึกที่ดีเช่นนี้ ฉันยังคิดว่าคุณจะวางชามกับตะเกียบลงแล้วไปเลย”
เซียวซู่ไม่ตอบอะไรหล่อน ไม่นานนักก็เก็บทุกอย่างไปที่ห้องครัวเสร็จเรียบร้อย เมื่อมองดูของเหล่านั้นที่อยู่ในห้องครัว เขาเม้มปาก คำพูดบางคำเก็บไว้ไม่ต้องพูดดีกว่า
ผู้หญิงคนเดียวย้ายของพวกนี้มา คงลำบากไม่น้อย ถ้าเขาให้หล่อนย้ายกลับไปอีก คงใจร้ายเกินไป?
ยิ่งไปกว่านั้น…หล่อนทำอาหาร…อร่อยมากจริงๆ
เมื่อก่อนเซียวซู่กินข้าวก็คือการกินข้าวธรรมดาทั่วไป แค่กินให้อิ่มก็พอแล้ว
แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าอารมณ์ตอนกินข้าวไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
มีคนมาตั้งใจกินข้าวเป็นเพื่อนด้วย ทั้งสองต่างตั้งใจและมุ่งมั่นมาก ก็ไม่ถือเป็นเรื่องน่ารำคาญอะไร