เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1290
บทที่ 1290 เซียวซู่
ความคิดนี้พลุ่งขึ้นมา สะใภ้รองก็รู้สึกราวกับว่าตนเองถูกโจมตีอย่างหนัก
แต่ในไม่ช้า เธอก็มีปฏิกิริยาตอบกลับมา เพียงแค่คำพูดของเธอจะพิสูจน์อะไรได้?
ดังนั้นคุณแม่ของเจียงเหมยจึงตอบสนองอย่างรวดเร็ว และพูดทันทีว่า “เสี่ยวไป๋ คนข้างนอกพวกนี้ไม่ได้มีความขุ่นเคืองอะไรกับเธอ จะทำร้ายเธอได้อย่างไรกัน?เธอมีความคิดที่คิดว่าใครๆจะมาทำร้ายเธอมากเกินไปแล้ว ฉันได้ยินมาว่าการเขียนบทความเนี่ย เขียนเป็นเวลานานก็จะทำให้สมองและความคิดเข้าไปอยู่ในหนังสือ ป้ารองไม่ได้บอกว่าเธอมีปัญหาทางจิตนะ ป้ารองแค่อยากจะถามว่า เธอเหนื่อยมากเกินไปหรือเปล่า?หรือว่ากดดันมากเกินไป?
เจียงเหมยได้ยินคำพูดพวกนี้ ก็รีบพูดคล้อยตามทันทีว่า “ใช่แล้ว เสี่ยวไป๋ เธอมีอาการหวาดระแวงหรือเปล่า?คนอื่นไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรกับเธออย่างชัดเจน ทำไมถึงต้องทำร้ายเธอด้วย?”
“ก็ใช่น่ะสิ” ริมฝีปากของเจียงเสี่ยวไป๋ยกยิ้มจาง ๆ และน้ำเสียงบางเบา “ฉันก็อยากรู้มากๆเหมือนกันว่า ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรกับฉันอย่างชัดเจน ทำไมถึงต้องทำร้ายฉันด้วย?”
ประโยคนี้ ถือได้ว่าพูดถึงคุณแม่ของเจียงเหมยนิดๆแล้ว
และคุณแม่ของเจียงเหมยก็มีปฏิกิริยาตอบกลับมาในเวลานี้ด้วยเช่นกัน
ใช่ ยัยเด็กสองคนนี้ไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์อะไร หากเป็นเพียงการได้รับความโปรดปรานจากคุณหญิงใหญ่เจียงเพียงอย่างเดียว หรือทำให้คุณหญิงใหญ่เจียงเหยียบให้เจียงเสี่ยวไป๋จมลงบ่อยๆละก็ ก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้จริงๆ
เพียงแค่เมื่อก่อนพวกเธอถูกความสบายใจทำลายทางจิต หรือไม่ก็เคยเปรียบเทียบกับครอบครัวของเจียงเสี่ยวไป๋จนชินแล้ว ดังนั้นเมื่อเห็นพวกเธอจึงอดไม่ได้ที่จะเหน็บหนามสองสามคำ
จากนั้นก็ทำให้โกรธ จนเสียสติไปชั่วขณะ …
“ ก็ได้ เนื่องจากคุณป้ารองไม่เต็มใจที่จะพูดชื่อคนคนนี้ งั้นฉันเจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นมาใส่ร้ายฉันลอยๆได้อีกแล้ว วันนี้ฉันพูดต่อหน้าคุณย่าและทุกๆคนอย่างชัดเจนว่า แม้ว่าฉันเจียงเสี่ยวไป๋เรียนจบมาอยู่แต่ในบ้านมาโดยตลอด แต่ทั้งหมดที่ฉันกินและใช้ ล้วนแต่เป็นเงินของฉันเอง อันที่จริง เริ่มตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ฉันก็ไม่เคยใช้เงินที่บ้านอีกเลย “พูดมาถึงท้ายสุด เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยกริมฝีปากขึ้น และสายตามองไปทางเจียงเหมย “เจียงเหมย พวกเราเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันมาโดยตลอด คนอื่นไม่รู้ แต่เธอควรจะรู้ถึงจะถูกสิ?”
“เธอ เธอพูดจามั่วซั่ว ฉันไม่ได้อยู่ในหอเดียวกับเธอสักหน่อย ฉันจะรู้ได้อย่างไร?”
“อ๋อ แท้ที่จริงแล้วเธอไม่รู้หรอกเหรอ?” เจียงเสี่ยวไป๋ยักไหล่อีกครั้ง ราวกับว่าไม่สนใจ “อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉันได้อธิบายอย่างชัดเจนแล้ว ถ้าต่อไปฉันได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับตัวฉันแพร่ออกไปข้างนอกอีกละก็ ฉันจะเอาเธอขึ้นศาลในข้อหาหมิ่นประมาทโดยตรง ไม่ต้องกังวล ฉันเจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีอะไรมากมาย มีแค่เวลาและเงินมากเท่านั้น เพื่อชื่อเสียงของฉัน ฉันจะปกป้องจนถึงที่สุด ”
ปกป้องจนถึงที่สุด!
ในที่สุดทั้งสี่คนนี้ก็จะส่งเสียงพูดกันหมดแล้ว
คุณหญิงใหญ่เจียงมองไปที่หญิงสาวตรงหน้าด้วยความไม่เชื่อ
เธอสวมชุดราตรีกระโปรงทรงสลิม แม้ว่ารูปแบบของกระโปรงจะไม่เด่นชัด แต่ก็ทำให้รูปร่างเพรียวสูงของเธอดูโดดเด่นได้เป็นพิเศษ
เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่? ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น คิดไม่ถึงว่าจะมีวันหนึ่งที่จะเปลี่ยนเป็นมีแสงแวววับจับตาผู้คนได้เช่นนี้?
อย่างไรก็ตามก็ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า ทางเข้าของงานเลี้ยงวันเกิด มีร่างสูงกำลังพิงกำแพงอยู่
เซียวซู่จ้องมองหญิงสาวที่กำลังส่องแสงท่ามกลางฝูงคน
เธอยืนอยู่ตรงนั้น แสงไฟเหนือศีรษะส่องแสงลงบนใบหน้าที่ขาวนวลและสวยงามของเธอ เมื่อเธอกล่าวคำว่าเพื่อปกป้องจนถึงที่สุดนั้น ดูเหมือนว่าแสงทั้งหมดรอบๆตัวเธอได้มาบรรจบกันอย่างรวดเร็ว จากนั้นหมุนไปรอบๆตัวหญิงสาว ทำให้เธอสว่างสดใสแพรวพราว และไม่สามารถทำให้คนละสายตาได้อีกเลย
เขายืนอยู่เงียบๆ ไม่ได้เข้าไป
เดิมทีหลังจากที่เขาได้ยินบทสนทนาระหว่างผู้หญิงทั้งสองคนนั้น ก็อยากที่จะเข้าไปดู ดูว่ายัยเจียงเสี่ยวไป๋จะถูกคิดบัญชีหรือไม่
ตามที่เขาคาดไว้ มีคนต้องการผลักดันให้เจียงเสี่ยวไป๋จะเริ่มต้นริงๆด้วย แต่เธอก็สู้ไม่ถอย
และในเวลานี้เซียวซู่ก็ตระหนักได้ นิสัยของเจียงเสี่ยวไป๋จะให้ใครมาบีบคั้นได้อย่างไร? อยากจะถอนหงอกจากตัวเธอ เพราะฉะนั้นผู้ที่ต้องการถอนหงอกเธออาจจะถูกทำให้วุ่นวายก่อนสินะ
และสถานการณ์ปัจจุบันก็ได้ยืนยันแล้วว่า เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ต้องการให้เขาออกหน้าแทนเธอ
และก็ไม่รู้จริงๆว่า เมื่อเห็นความมั่นใจ และข่มผู้คนทั้งหมดของเจียงเสี่ยวไป๋เช่นนี้ เซียวซู่กลับรู้สึกปลื้มอกปลื้มใจเป็นอย่างมาก?
ยัยผู้หญิงคนนี้ทำให้เขามองผิดหูผิดตาไปจริงๆ
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ เพื่อนที่อยู่ด้านหลังก็สอบถามว่า
“ ผู้ช่วยเซียว คุณกำลังทำอะไรอยู่ครับ?”
คนที่ถามเขาก็คือประธานจ้าวของบริษัทตระกูลจ้าว ประธานจ้าวมองตามสายตาของเซียวซู่ หลังจากเห็นผู้หญิงบนเวทีนั้น เขาก็ยิ้มขึ้นมา และถามอย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า “ผู้ช่วยเซียวรู้จักผู้หญิงคนนั้นเหรอ?”
เซียวซู่เม้มริมฝีปากบาง ไม่ได้ตอบ
ประธานจ้าวหรี่ตา และมองดวงตาของเซียวซู่อย่างละเอียด และรู้สึกได้ทันทีถึงความหมายที่หลากหลายในใจ จากนั้นก็พูดว่า “ผู้หญิงคนนี้สวยมากๆ วันนี้ก่อนที่จะมาผมได้ยินมาว่าคุณหญิงใหญ่เจียงของตระกูลเจียง จัดงานเลี้ยงวันเกิดที่นี่ ดูท่าทางเธอยังเป็นวัยรุ่นคงจะเป็นหลานสาวของคุณหญิงใหญ่เจียง ”
“อืม” เซียวซู่ตอบรับไปหนึ่งคำ
ประธานจ้าวยังกล่าวอีกว่า “บริษัทตระกูลจ้าวของพวกเราได้ทำงานร่วมกับตระกูลเจียง ถ้าหาก ผู้ช่วยเซียวมีสนใจต่อผู้หญิงคนนี้ ให้ผมช่วยสานสัมพันธ์ให้ไหม?ทำความรู้จักสักหน่อย?”
แม้ว่าบริษัทตระกูลจ้าวจะค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ก็เทียบไม่ได้กับบริษัทตระกูลเย่
แม้ว่าเขาจะเป็นประธานบริษัทคนหนึ่ง แต่เขาก็รู้สถานะและตำแหน่งในบริษัทตระกูลเย่ของเซียวซู่ อย่างชัดเจน ตอนที่เขาออกมาพูดคุยเรื่องความร่วมมือกับเขานั้น ก็เป็นประธานจ้าวที่ประคับประคองเซียวซู่
แม้ว่าตัวเซียวซู่เองจะไม่ได้มีความคิดแบบนั้น เขาก็แค่ทำธุรกิจเท่านั้น แต่ประธานจ้าวกลับกลัวที่จะทำให้เขาขุ่นเคือง และสุดท้ายไม่ได้ร่วมมือกัน
ดังนั้นทัศนคติของประธานจ้าวที่มีต่อเซียวซู่เรียกได้ว่าดีมาโดยตลอด
ในแวดวงตอนนี้มีใครไม่รู้บ้างรู้ว่าคุณชายเย่ได้กลายเป็นพ่อคนไปแล้ว วันๆอยู่ล้อมรอบภรรยาและลูก ๆ ตลอดทั้งวัน บวกกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่วุ่นวายดังสะท้าน ดังนั้นทุกคนจึงรู้ว่าคุณชายเย่ เป็นคนที่เอาใจภรรยาอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้ครอบครัวมีความสุขเป็นอย่างมาก ต่อจากนี้ไปแรงใจที่ทุ่มเทให้กับบริษัทจะต้องมีน้อยมากๆ
เซียวซู่อยู่ข้างๆคุณชายเย่มาตั้งหลายปี จนถึงขั้นที่เป็นตายร่วมกันได้
ความสัมพันธ์ระหว่างของทั้งสองคนนี้ เพียงแค่คนฉลาดคิดถึงความซับซ้อนที่แฝงอยู่อย่างละเอียด แลมันก็ค่อนข้างชัดเจนแล้ว
เคยถึงขั้นเกิดและตายด้วยกัน และส่งมอบโครงการทั้งหมดของบริษัทให้เซียวซู่ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ เป็นความไว้วางใจแบบไหนกัน?
ความสัมพันธ์ของพี่น้องเป็นแบบนี้หรือไม่
ตัวอย่างเช่นเย่หลิ่นหานคนนั้น
ทำงานอยู่ในห้องสรรพสินค้าอย่างยากลำบาก สามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งประธานบริษัทได้อย่างมั่นคง คนไหนบ้างที่ไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์ที่ทั้งชั่วร้ายทั้งขี้หลอกลวง ถ้าหากหนึ่งในช่องทาง นั่นมันช่างเป็นเรื่องที่น่าขบขันยิ่งนัก
ดังนั้นที่ทุกคนร่วมมือกับเซียวซู่ ไม่เป็นเพราะเขาเป็นผู้ช่วยคนหนึ่งและละเลยเขา เมื่อก่อนเย่โม่เซินได้รับการปฏิบัติเช่นไร เซียวซู่ก็ได้การปฏิบัติเช่นนั้น
ดังนั้นตอนนี้ที่ประธานจ้าวมองเห็นเซียวซู่มองไปทางหญิงสาวคนนั้น ก็แค่อยากจะผลักเรือไปตามน้ำและเห็นแก่หน้าเขาเท่านั้นเอง
สามารถทำให้บุคคลที่รับผิดชอบบริษัทตระกูลเย่เป็นหนี้บุญคุณเขา เป็นเรื่องที่คุ้มค่ามากขนาดไหนกัน?
ทว่าเซียวซู่กลับขมวดคิ้วอย่างแผ่วเบาขึ้น เขาและเจียงเสี่ยวไป๋รู้จักกันตั้งแต่แรกแล้ว จะต้องให้เขาเชื่อมความสัมพันธ์ทำไม? ดูเหมือนว่าประธานจ้าวคนนี้ต้องการเห็นแก่หน้าเขาแน่ๆ
แต่น่าเสียดายที่ความคิดของเขาใช้ผิดที่
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงประหลาดใจข้างหลังพวกเขาทั้งสองดังขึ้น
“ ประธานจ้าว?”