เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1305
บทที่ 1305 พบเจอเพื่อนเก่า
“พี่สวี่ ฉันขอร้องพี่อย่าพูดอีกเลย ถ้ายังพูดต่อไป ฉันอายจนอยากพลิกแผ่นดินหนีแล้วจริงๆ”
เสี่ยวเหยียนคิดไม่ถึงจริงๆว่า ตัวเองแค่ไปร้านขายยาโดยไม่ตั้งใจ ก็จะได้พอกับหลินสวี่เจิ้ง และยังคิดไม่ถึงว่า เขาจะส่งของที่ตัวเองทิ้งไว้ มาให้ที่ร้าน แล้วยังแกล้งเธอด้วย
“ยัยหนูเอ้ย เรื่องแบบนี้มีอะไรกัน ก็แค่แท่งตรวจครรภ์ไม่ใช่หรือ?”
เมื่อได้ยินเขาเอ่ยถึงสามคำนั้น เสี่ยวเหยียนรู้สึกไม่ดีไปทั้งตัว ตกลงเขารู้หรือเปล่าว่าตัวเองเป็นผู้ชายคนหนึ่ง?
ทำไมต้องพูดถึงบ่อยๆต่อหน้าผู้หญิง เขาไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง? เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะบ้าแล้วจริงๆ และไม่รู้ว่า ควรจะหยุดเขาอย่างไร สิ่งที่น่ากังวลที่สุดไม่ใช่เรื่องนี้ แต่คือหลินสวี่เจิ้ง จะไปพูดต่อหน้าหานชิงหรือเปล่า
ถ้าให้หานชิงรู้เรื่องนี้ งั้นถึงเวลานั้นจะต้องถามตัวเองอย่างแน่นอน
เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่า ไม่ว่าจะยังไงแล้ว ก็ต้องพูดกับ หลินสวี่เจิ้งให้ชัดเจน หลังจากครุ่นคิดสักพัก เสี่ยวเหยียนก็เดินไปที่ด้านหน้าของหลินสวี่เจิ้ง แล้วนั่งลง “พี่ใหญ่ ก็ถือว่าพี่ช่วยส่งของเหล่านี้มาให้ฉันในวันนี้ คือความหวังดี แต่ว่า ฉันไม่ค่อยอยากจะให้เรื่องในวันนี้ มีบุคคลที่สามที่รู้เรื่อง พี่เข้าใจความหมายของฉันไหม?”
“มีอะไรเหรอ? เรื่องสำคัญแบบนี้ เธอไม่อยากบอกกับเขาเหรอ?”
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากบอกเขา แต่พี่ใหญ่คงจะไม่รู้ว่า ฉันซื้อของเหล่านี้ ไม่ใช่ว่าตัวฉันจะใช้เอง แต่ช่วยซื้อให้เพื่อนของฉันเท่านั้น” เสี่ยวเหยียนเริ่มปั้นน้ำเป็นตัว พูดโกหกอย่างหน้าตาเฉย ที่จริงเธอรู้สึกว่า แค่ตัวเองตบตาให้ผ่านไปก็พอแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่า พี่สวี่ไม่เชื่อเธอ
“เพื่อนของเธอ? ถ้าอย่างนั้นเธอสามารถบอกฉันได้ไหม ว่าเพื่อนของเธอคนนั้นคือใคร?”
“โอ้ย พี่หลิน พี่จะถามเรื่องนี้ทำไม? ฉันช่วยเพื่อนของฉันซื้อ ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า เธอไม่อยากให้คนอื่นรู้ ถ้าเธออยากให้คนอื่นรู้ เธอก็จะไม่ให้ฉันช่วยซื้อให้เธอแล้ว พี่หลิน คุณว่าเป็นเหตุผลอย่างนี้จริงไหม?”
เมื่อได้ยินเข้า หลินสวี่เจิ้งก็เลิกคิ้วขึ้น “ดูเหมือนเธอ จะพูดถูกต้อง แต่ทำไมฉันฟังแล้ว ถึงรู้สึกเหมือนมีอะไรที่ผิดปกติล่ะ?”
“ผิดปกติตรงไหน ไม่มีตรงไหนที่ผิดปกติเลยนะ พี่หลิน พี่ไม่ต้องถามอีกแล้ว”
เอาล่ะ หลินสวี่เจิ้งดูออกว่า เธอไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนคำพูด “แล้วเธอรู้ไหมว่า เพื่อนของเธอคนนี้ ทำไมถึงไม่อยากให้คนอื่นรู้ล่ะ?”
เสี่ยวเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก นี่หลินสวี่เจิ้งเชื่อแล้วหรือ? มิฉะนั้นเขาจะไม่ถามอย่างนี้ แต่วิธีตั้งคำถามอย่างนี้ เสี่ยวเหยียนไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ พูดได้แค่ว่า “อาจจะเป็นเพราะว่า มีปัจจัยที่ไม่แน่นอนมั้ง หรืออาจจะมีเรื่องบางอย่าง ที่เธอไม่อยากบอกให้คนอื่น ดังนั้นฉันจึงเข้าใจเธอ”
แต่แล้วเมื่อพูดถึงตอนท้ายสุด สิ่งที่เสี่ยวเหยียนใส่ใจมากที่สุด ยังคือหลินสวี่เจิ้งจะบอกเรื่องนี้กับหานชิงไหม ถ้าหากว่าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือฟังไม่เข้าใจความหมายแฝงของตัวเอง ถ้าอย่างนั้นก็หมดกัน
“ฉันสามารถเข้าใจเธอได้ ดังนั้นพี่สวี่จะสามารถเข้าใจได้หรือเปล่า?”
หลินสวี่เจิ้งยิ้มอย่างมีเลศนัยคาดเดาไม่ได้ “ใครจะรู้ล่ะ ก็อาจจะได้เช่นกันมั้ง”
คำตอบนี้ทำให้เสี่ยวเหยียนกังวลเล็กน้อย ได้ก็คือได้ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ มีอาจจะได้ที่ไหนกัน หลินสวี่เจิ้งคนนี้ พูดเช่นนี้ได้อย่างไร?
“น้องสาว ดูเหมือนว่าจะเป็นห่วงเพื่อนคนนี้ของน้องมาก ไม่ต้องกังวล ดูท่าทางที่กระวนกระวายลุกเป็นไฟของน้องแบบนี้ พี่ก็จะต้องเก็บความลับไว้ให้เพื่อนคนนี้ของน้องแน่นอน”
“จริงๆเหรอ?”
เสี่ยวเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็จัดการกับทางหลินสวี่เจิ้งจนสำเร็จ เขาน่าจะไม่พูดอะไรเรื่อยเปื่อยอีกแล้ว
หลังจากคุยตกลงกับหลินสวี่เจิ้งเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเหยียนก็ถือถุงลงไปชั้นล่าง ในตอนที่หลัวหุ้ยเหม่ยขยับเข้ามาใกล้ เธอก็ได้ยัดของเข้าไปในกระเป๋าตัวเองแล้ว แล้วแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ออกไปทำงานต่อ
ตอนที่หลินสวี่เจิ้งทานราเม็งเสร็จ กำลังเตรียมจะออกไป เสี่ยวเหยียนยังคงรู้สึกไม่ไว้วางใจ ไปส่งเขาด้วยตัวเอง กำชับแล้วกำชับอีก หลินสวี่เจิ้งเห็นท่าทางกังวลของเธอ ก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะยื่นมือไปลูบศีรษะของเธอ
“เอาล่ะ เรื่องที่พี่หลินสัญญากับเธอ จะผิดคำสัญญาได้อย่างไร? วางใจเถอะ อย่าว่าเป็นเพื่อนเธอเลย ต่อให้เป็นเธอ พี่ใหญ่ก็จะเก็บความลับให้เธอเหมือนกัน”
เสี่ยวเหยียนหน้าแดงคัดค้านเสียงเบา “ไม่ใช่ฉัน”
“ได้ๆ พี่ใหญ่รู้ว่าไม่ใช่เธอ กลับไปเถอะ ไม่ต้องกังวล”
“งั้น ……”
“จะไม่พูดแน่นอน”
ด้วยคำรับประกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าของหลินสวี่เจิ้ง เสี่ยวเหยียนถึงได้กลับเข้าไปในร้าน ในที่สุดหลินสวี่เจิ้งก็พบโอกาสที่จะออกไปแล้ว เขาไม่การลังเลใดๆ ทันทีที่ขึ้นรถ ก็ขับรถออกจะร้านราเม็งโดยตรงเลย เพราะกลัวว่าช้าอีกหน่อย เสี่ยวเหยียนจะตามออกมาอีก
น้องสาวคนนี้ช่างดื้อรั้นยิ่งนัก ไม่เพียงแต่ดื้อรั้น ยังไร้เดียงสาขนาดนี้ คิดว่าจะสามารถตบตาตัวเองได้ง่ายๆเหรอ? ที่จริงแล้วในใจของทุกคน ชัดเจนยิ่งกว่ากระจกเสียอีก เสี่ยวเหยียนอยากแกล้งโง่ หลินสวี่เจิ้งก็ขี้เกียจเปิดโปงเธออีกแล้ว
แต่ว่า คิดถึงใครบางคน ยังมีตอนที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หลินสวี่เจิ้งก็รู้สึกว่าน่าสนใจเป็นพิเศษ
ดังนั้นเขาจึงขับรถตรงไปที่บริษัทตระกูลหานเลย
แม้ว่าหลินสวี่เจิ้งจะไม่ค่อยมาที่บริษัทตระกูลหาน แต่รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาและชื่อเสียงเลื่องลือของเขา ทำให้ทุกคนต่างก็รู้จักเขา และรู้ความสัมพันธ์ของเขากับประธานหานด้วย ดังนั้นเมื่อหลินสวี่เจิ้งเข้าไป หลังจากที่ไปทักทายกับพนักงานต้อนรับแล้ว ก็ไปขึ้นลิฟท์เลย
เขาไม่ได้ขึ้นลิฟต์ส่วนตัว แค่ไปลิฟต์ที่พนักงานใช้ตามปกติ
เพราะกำลังคิดถึงเรื่องในเมื่อกี้ ดังนั้นมุมปากของหลินสวี่เจิ้งจึงมีรอยยิ้มจางๆ เมื่อลิฟต์เปิดออก มีคนคนหนึ่ง เดินออกมาจากข้างใน
หลินสวี่เจิ้งเหลือบมองโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วชะงักไปชั่วคราว
สวี่เย็นหวั่นถือเอกสารไว้ กำลังเดินออกมา จากนั้น
ก็เงยหน้าขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ได้สบตากับคนที่ยืนอยู่ข้างนอกพอดี
หลังจากสบตากันประมาณสามวินาที ริมฝีปากของ สวี่เย็นหวั่นขยับเล็กน้อย เหมือนจะแปลกใจเล็กน้อย “หลินสวี่เจิ้ง?”
เสียงนี้ ดึงสติของหลินสวี่เจิ้งกลับมา
ในตอนแรกเขายังคิดว่าตัวเองจำคนผิดแล้ว แต่เมื่อ สวี่เย็นหวั่นเรียกคำนี้ หลินสวี่เจิ้งรู้ว่าตัวเองไม่ได้จำคนผิด
“สวี่เย็นหวั่น ใช่คุณจริงๆหรือ?” หลินสวี่เจิ้งหรี่ตามองพิจารณา สวี่เย็นหวั่นที่อยู่ตรงหน้า
ไม่ค่อยได้เห็นเธอแต่งตัวแบบนี้ เป็นทางการ เรียบง่าย และสุภาพเรียบร้อย เมื่อก่อนเห็นเธอ เธอจะสวมใส่ชุดกระโปรงตลอดเวลา อ่อนโยนน่าหลงใหล
สวี่เย็นหวั่นยิ้มให้เขาเล็กน้อย เมื่อกำลังจะเดินออกจากลิฟต์ ประตูลิฟต์กลับกำลังจะปิดลง หลินสวี่เจิ้งยื่นมือออกไปขวางไว้ จากนั้นก็เข้าไปในลิฟต์ด้วย
“ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่? แต่งตัวแบบนี้ คงจะไม่ใช่มาหาหานชิงนะ? คุณทำงานที่นี่หรือ?” หลินสวี่เจิ้งกดชั้นที่เป็นห้องทำงานของท่านประธานในขณะที่พูด
เมื่อเห็นหมายเลขที่หลินสวี่เจิ้งกำลังกด สวี่เย็นหวั่นไม่รู้ว่าในใจของเธอมีความรู้สึกเป็นอย่างไร
ในช่วงเวลาที่เธอมาทำงานที่นี่ ในเวลาขึ้นลิฟท์ อยากจะขึ้นไปชั้นบน เพื่อดูว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ มากเป็นพิเศษ แต่ว่า……เธอก็ไม่กล้า ไม่คาดคิดในวันนี้จะ……
“อืม ฉันทำงานที่นี่”
“โอ้?” หลินสวี่เจิ้งเลิกคิ้วเบาๆ “คุณหนูใหญ่ตระกูลสวี่ ตกอับจนถึงขั้นต้องมาทำงานที่บริษัทตระกูลหานตั้งแต่เมื่อไหร่? สวี่เย็นหวั่น คุณคงไม่ใช่มาเพื่อหานชิงนะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของสวี่เย็นหวั่นเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ไม่ใช่แน่นอน”
“แล้วทำไมคุณถึงปรากฏอยู่ที่นี่ล่ะ?