เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1330
บทที่ 1330 ฉวยโอกาส
เจียงเสี่ยวไป๋ง่วงมากจริงๆ
เมื่อคืนกว่าเธอจะได้นอนก็ตีสี่กว่าแล้ว นี่เพิ่งจะเจ็ดโมงกว่า ตอนนี้เธอหนักตาจนลืมตาไม่ขึ้น แค่หลับตาลง เธอก็สามารถนอนหลับฝันหวานได้เลย
สามารถได้ยินเสียงของเซียวซู่และพูดโต้ตอบได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
อีกอย่างตอนที่เธอนอนพิงอยู่ในอ้อมอกของเซียวซู่ รู้สึกว่าอบอุ่นมาก เธอยังออกแรงขยับเข้าไปในอ้อมอกของเขามากขึ้นอีกด้วย
เซียวซู่ตัวเกร็งทื่อขึ้นมาทันที กำลังจะผลักเธอออก แต่เจียงเสี่ยวไป๋กลับยื่นมือออกมาโอบเอวอันเรียวผอมของเขาไว้
เซียวซู่โกรธจนหัวเราะออกมา ก้มหน้ามองคนที่กอดเขาแน่นอยู่ในอ้อมอก
“เจียงเสี่ยวไป๋ ตอนนี้คุณกำลังลวนลามผมโดยอ้างว่านอนหลับอยู่ใช่ไหม?”
จากนั้นคำถามนี้ก็ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ เพราะเจียงเสี่ยวไป๋กำลังหลับอย่างสบาย เมื่อเซียวซู่ก้มมองลงไปดูคนในอ้อมอก เจียงเสี่ยวไป๋ที่หลับตาอยู่ ขนตายาวปกคลุมดวงตาที่ถูกปัดเป็นสีอ่อนๆไว้ ใบหน้าขาวใสสะอาด ริมฝีปากไม่มีสีของลิปสติกแม้แต่นิดเดียว เป็นสีที่ธรรมชาติที่สุด อ่อนๆ เรียบๆ แม้ว่าไม่ได้ดูโดดเด่นสะดุดตา แต่กลับทำให้เขารู้สึกสะอาดและสบาย
ผ่านไปสักพัก เซียวซู่ก็ประคองเธอกลับไปบนโซฟา แต่เมื่อดูสภาพของโซฟาแล้ว รู้สึกทนไม่ได้ จึงตัดสินใจอุ้มเธอขึ้นมา
เจียงเสี่ยวไป๋ที่กำลังหลับสนิทมาก ตอนที่ถูกเขาอุ้มขึ้นมา เธอแค่ตะโกนออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ท่าทางของเธอในตอนนี้ทำให้เซียวซู่รู้สึกว่า ถ้าเธอไปเจอพวกค้ามนุษย์ คงไม่เหลือโอกาสให้เธอได้ร้องโวยวายแน่นอน
เซียวซู่อุ้มเธอเข้าไปในห้อง
หลังจากนั้น เขาก็ออกไปข้างนอก
เจียงเสี่ยวไป๋ตื่นขึ้นมาก็ใกล้เที่ยงแล้ว ตอนแรกเธอยังรู้สึกง่วงมาก แต่เมื่อนอนไปนอนมารู้สึกเหมือนมีแสงอาทิตย์ส่องลงมาตรงหน้าของตัวเอง และส่องมาที่เปลือกตาของเธออีกด้วย ส่องสว่างจนทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัว เมื่อลืมตาขึ้นมา และเห็นห้องที่เต็มไปด้วยแสงอาทิตย์อันเจิดจ้าจนแสบตา จึงบ่นด่าขึ้นมาด้วยความโกรธแค้นว่าใครเปิดหน้าต่างไว้กว้างมากขนาดนี้ จะให้เธอนอนอีกไหม?
เมื่อบ่นเสร็จ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า ทุกอย่างตรงหน้ามืดสนิทเช่นเดิม จากนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็นอนต่อ
แต่ผ่านไปไม่นานนัก ผ้าห่มก็ถูกดึงออกและหัวของเธอก็โผล่ออกมา
เอ๊ะ?
เจียงเสี่ยวไป๋ขยี้ตา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสับสน
รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติไป
เธอจำได้ว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟา เมื่อคืนทำงานจนถึงดึก เธอง่วงมาก จากนั้นจึงเปิดหน้าต่างดูและเห็นว่าบนถนนไม่มีใครแล้ว กลับไปคนเดียวคงอันตราย จึงนอนกอดผ้าห่มหลับไปบนโซฟา
แต่ตอนนี้…ทำไมเธอถึงตื่นขึ้นมาอยู่บนเตียงใหญ่ในห้องนี้ล่ะ?
อีกอย่างกลิ่นของผ้าห่มผืนนี้ ดูเหมือนว่าไม่ใช่ของเธอ
เอ๊ะ?
เจียงเสี่ยวไป๋กุมขมับและลุกขึ้นนั่งค่อยๆนึกย้อนความทรงจำ
ความทรงจำค่อยๆผุดขึ้นมาในหัวทีละเล็กทีละน้อย
เริ่มจากเซียวซู่ปลุกเธอให้ตื่น บอกว่าอยากคุยด้วย แต่คุยเรื่องอะไร พูดอะไรไปบ้าง ตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋นึกไม่ออกเลยสักคำ
แต่เธอมั่นใจว่าตัวเองเจอเซียวซู่ตอนเช้า อีกทั้งตอนที่เซียวซู่ให้เธอลุกขึ้นมาพูด ตัวเองยังนอนอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ทำไมตื่นขึ้นมาถึงมาอยู่ในห้องได้ล่ะ?
ครุ่นคิดอยู่สักพัก เจียงเสี่ยวไป๋คิดว่าตัวเองสามารถมั่นใจได้หนึ่งเรื่องแล้ว นั่นก็คือ…เซียวซู่อุ้มเธอมานอนในห้อง!
ผู้ชายคนนี้…จิตใจดีเหมือนกันนะเนี่ย ปากบอกไม่ให้เธอนอนที่นี่ แต่สุดท้ายกลับเป็นคนอุ้มมาในห้องเอง
หรือว่า เขาคือผู้ชายเย็นชาในตำนาน?
ภายนอกดูเย็นชาราวกับน้ำแข็ง แต่จริงๆแล้วกลับร้อนแรงราวกับไฟ?
เมื่อคิดถึงตอนนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็หัวเราะเย้ยออกมาเสียงดัง จากนั้นกอดผ้าห่มนอนกลิ้งไปมา แม้ว่าผ้าห่มของเซียวซู่จะไม่หอมเหมือนของเธอ แต่กลิ่นของเขาดูสะอาดและสดชื่นมาก เหมือนกลิ่นใบหญ้าหลังตากแดดจนแห้งกรอบ
หอมมาก หอมสดชื่นมากเป็นพิเศษ
ช่วงนี้ที่เจียงเสี่ยวไป๋อยู่กับเขา สังเกตเห็นได้ว่าเซียวซู่เป็นคนรักสะอาดมาก เขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็น่าเบื่อมาก นอกจากทำงานก็ไม่มีกิจกรรมหรือเล่นสนุกอะไรเลย
นอกจากเมื่อก่อนที่เจียงเสี่ยวไป๋เจอเขาตอนไปดื่ม ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยทำเรื่องอย่างอื่นเลยจริงๆ
ทันใดนั้น เจียงเสี่ยวไป๋นึกถึงคำพูดที่ฟางถังถังเคยพูดกับเธอ
“หรือไม่เธอก็เล่นจริงเลยสิ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกใจแทบจะกระโดดออกมา จนเกือบกลิ้งตกลงมาจากเตียง จากนั้นค่อยๆลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก
เมื่อเดินถึงหน้าประตูห้อง เจียงเสี่ยวไป๋ก็หันกลับมามองอีกครั้ง จากนั้นก็ปิดประตูลง
เจียงเสี่ยวไป๋ยังอายุน้อย เป็นคนที่มีอะไรก็บอกเล่าให้เพื่อนฟังเสมอ
ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจว่าทานอาหารเช้าเสร็จจะโทรไปเล่าเรื่องให้ฟางถังถังฟัง
เมื่อฟางถังถังได้ยินเช่นนั้น เธอรีบพูดตัดสินออกมาทันที: “เขาชอบเธอ!”
เจียงเสี่ยวไป๋: “…นี่พวกเราไม่แกล้งกันเองได้ไหม? เขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวจะตัดสินใจได้อย่างไรว่าเขาชอบฉัน?”
“อ๋อ งั้นก็เธอชอบเขาไงล่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋แทบจะลงไปคุกเข่ากราบเธอ หัวเราะเจื่อน จากนั้นพูดขึ้น: “ฟางถังถัง ฉันว่าสมองเธอเริ่มมีปัญหาแล้วนะ”
“หรือว่าไม่ใช่?” ฟางถังถังถูกเธอพูดเหยียดใส่ จึงรีบถามตอกกลับไป : “คนอย่างเธอเนี่ยนะ ฉันบอกว่าเขาชอบเธอ เธอก็คงไม่อยากฟัง พอฉันบอกว่าเธอชอบเขา เธอก็ยิ่งไม่อยากฟังเข้าไปใหญ่ ยังมาบอกว่าสมองฉันมีปัญหา เจียงเสี่ยวไป๋ สมองใครมีปัญหากันแน่? เธอคิดว่าไม่มีอะไร แล้วทำไมเธอต้องตั้งใจโทรมาเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังด้วยล่ะ? ถ้าเธอรู้สึกว่าไม่มีอะไร งั้นเธอก็ไม่ควรที่จะสนใจอะไรกับเรื่องนี้ เธอตั้งใจโทรหาฉันเพื่อเล่าเรื่องพวกนี้ ก็เลยทำให้รู้สึกได้ว่าเธอสนใจเรื่องนี้มากไงล่ะ”
เมื่อถูกอีกฝ่ายพูดกลับมาเช่นนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ตื่นขึ้นมาทันที รู้สึกว่าเธอพูดฟังดูมีเหตุผลมาก
“ไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่ไหม? เธอว่ามา ที่ฉันพูดไปถูกหรือไม่?”
เจียงเสี่ยวไป๋ครุ่นคิดดูสักพัก จากนั้นปฏิเสธทันที: “โอเค เธอไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้ว่าฉันคิดยังไงอีกแล้ว ฉันแค่เบื่อ ก็เลยพูดบ่นกับเธอโอเคไหม? รอบตัวฉันก็มีผู้ชายแค่คนเดียว เขาทำอะไรจะไม่ถูกฉันเอามาพูดให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ยังไงล่ะ?”
“ก็จริงเนอะ รอบตัวเธอมีผู้ชายคนนี้แค่คนเดียวจริงๆ งั้นเธอก็รีบออกมาจากชีวิตเขาสิ ไม่เช่นนั้น ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันรู้สึกว่าทุกเรื่องที่เขาทำ จะถูกเธอทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าวันไหนเธอเกิดชอบเขาขึ้นมาจริงๆจะทำยังไง?”
เจียงเสี่ยวไป๋: “เธอแกล้งฉันอีกแล้วนะ ฉันเจียงเสี่ยวไป๋จะชอบใครก็ไม่มีทางชอบคนที่เขาชอบคนอื่นอยู่แล้ว เข้าใจไหม? ฉันไม่ได้มีนิสัยแย่ขนาดนั้นนะ”
“เขามีคนที่ชอบอยู่แล้วก็จริง แต่ก็ไม่ได้ครอบครองไม่ใช่เหรอ? รอให้เวลาผ่านไปนานกว่านี้หน่อยเดี๋ยวเขาก็ลืมเอง อีกอย่างตอนนี้เธอก็คอยอยู่เคียงข้างเขา เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่แน่นะเธอก็อาจจะฉวยโอกาสตอนนี้เขาไปแทนที่ก็ได้”
“ฉวยโอกาสเข้าไปแทนที่?” เจียงเสี่ยวไป๋ฟังคำนี้แล้วขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “ฉันไม่อยากเป็นคนฉวยโอกาสไปแทนที่ใครหรอกนะ ความรักแบบนั้นได้มาแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
แม้ว่าเธอยังไม่เคยมีแฟน แต่เจียงเสี่ยวไป๋เป็นคนโรแมนติคมาก ความรักที่เฝ้ารอต้องเหมือนกับภาพที่วาดฝันไว้ ดังนั้นเธอจึงไม่เคยมีภาพความฝันกับเซียวซู่เลยแม้แต่น้อย ผู้ชายคนนี้ให้เป็นพี่ชายได้ แต่ไม่สามารถเป็นคู่รักได้