เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1373
บทที่ 1373 ไม่มีทางให้โอกาสคุณ
ณ ร้านกาแฟ
ก่อนที่สวี่เย็นหวั่นจะเข้ามาก็มองหานชิงอย่างพินิจพิจารณาที่ข้างทางอยู่นาน เวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ไม่เห็นหน้าของเขานี้ดูเหมือนจะซูบผอมกว่าแต่ก่อนมาก บนใบหน้าหล่อเหลามีความเหนื่อยล้า รอบดวงตามีรอยหมองคล้ำอย่างเห็นได้ชัด
เขาเปลี่ยนเป็นแบบนี้ ก็เป็นเพราะแฟนของเขา
พอคิดได้เช่นนี้ ในใจสวี่เย็นหวั่นก็รู้สึกขมขื่นยิ่งขึ้น เธอกล้ำกลืนอารมณ์เศร้าเสียใจและภาระทั้งหมด ให้รอยยิ้มตราตรึงอยู่บน จากนั้นก็เดินเข้าไป
ตอนที่เห็นเธอ สีหน้าหานชิงยังคงไร้ความรู้สึก ได้แต่ถามเธอประโยคหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอื่นอีก
สวี่เย็นหวั่นสั่งกาแฟหนึ่งแก้ว จากนั้นก็นั่งลงเงียบๆ
เธออาจจะเดาได้ว่าหานชิงจะพูดอะไร เธอรู้ว่าหานชิงคิดจะทำอะไร แต่ว่าตอนนี้เธอกลับไม่อยากพูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว
ก็ปล่อยให้หานชิงเปิดฉากก่อน
ที่แท้ รอจนกาแฟของเธอมา หานชิงก็เอ่ยปาก
“เมื่อก่อนตระกูลหานและตระกูลสวี่ ความจริงแล้วผู้ใหญ่ทั้งสองต่างก็มีความคิดที่จะร่วมเป็นร่วมตายกัน ตัวอย่างเช่นหากบริษัทตระกูลหานเกิดเรื่องบริษัทตระกูลสวี่ก็ไม่อาจนั่งดูอย่างเพิกเฉยได้ หากตระกูลสวี่เกิดเรื่อง บริษัทตระกูลหานเองก็ไม่อาจนิ่งนอนใจได้ แต่ต่อมาตระกูลตกต่ำ ตระกูลหานของพวกเรากลับไม่พยายามที่จะรักษาสัญญาและรับผิดชอบในตอนนั้น ข้อนี้เป็นความผิดของผมเอง”
สวี่เย็นหวั่นคนกาแฟในแก้วตรงหน้าอย่างเงียบๆ
“ก่อนหน้านี้คุณไม่ยอมให้ผมยื่นมือเข้าช่วย แต่ตอนนี้กลับไม่ทำแบบนี้ไม่ได้ เย็นหวั่นก่อตั้งบริษัทใหม่เถอะ พนักงานบริหารจัดการของบริษัทตระกูลหานคุณสามารถใช้ได้ตามอำเภอใจ จนกว่าจะตั้งบริษัทสำเร็จ กระทั่งตระกูลสวี่กลับมาฟื้นคืนอีกครั้ง แบบนี้ภารกิจของผมก็เสร็จสิ้น และก็จะไม่รู้สึกผิดต่อคุณลุงสวี่และคุณป้าสวี่”
ความจริงคำพูดพวกนี้ธรรมดามาก เพราะอย่างไรเสียก็เป็นคำสัญญาของผู้ใหญ่ที่จากไปแล้ว และหานชิงก็รับปากแล้ว ดังนั้นเขาจึงช่วยตนเองให้ทำให้ได้
แต่สวี่เย็นหวั่นก็ยังไม่สบายใจ เธอกัดริมฝีปากล่างเงยหน้าขึ้น
“ความจริงที่คุณทำแบบนี้ ก็คืออยากจะกำจัดฉันออกไปล่ะสิ”
รอยยิ้มของเธอขาวซีด “ความจริงแล้วฉันไม่ได้ทำอะไร ฉันเองก็ไม่อยากคิดจะทำอะไรด้วย ก็แค่อยู่ในบริษัททำงาน อย่างนี้ก็ไม่ได้เหรอ”
สีหน้าหานชิงเคร่งเครียดลง
“เย็นหวั่น คุณโตมากับผม ผมไม่อยากจะพูดให้มันน่าเกลียดมากนัก”
“น่าเกลียดเหรอ” สวี่เย็นหวั่นยิ้มอย่างไม่แยแส“อย่างนั้นฉันก็อยากจะฟังจริงๆ ว่าคุณจะพูดอะไรที่น่าเกลียด”
มองสวี่เย็นหวั่นที่อยู่ตรงหน้า หานชิงนึกถึงหญิงสาวที่เศร้าเสียใจคนนั้นของตนเอง ก็คิดขึ้นได้ทันทีว่าไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม เอ่ยถามออกมาตรงๆ:“ระหว่างคุณกับผมเคยมีสัญญาว่าจะแต่งงานกันมั้ย”
สวี่เย็นหวั่นตกตะลึง มองเขาอย่างอึ้งๆ
เธอเดาว่าเขาจะต้องพูด แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะถามตรงๆแบบนี้ ตอนนี้จึงไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่นั่งอึ้งอยู่ที่เดิม
“มีมั้ย” หานชิงถามซ้ำอีกครั้ง
สวี่เย็นหวั่นก็ยังคงไม่ตอบเช่นเดิม เธอกัดริมฝีปากล่าง รู้สึกว่าในใจเหมือนมีอะไรถูกฉีกออกจากกัน
หานชิงเห็นเธอไม่พูดอะไร ก็ไม่บีบบังคับเธอ:“วันนี้ก็คือจะมาพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจน ถ้าผมจำไม่ผิด ระหว่างผมกับคุณไม่ได้มีการเปิดเผยเป็นทางการว่าทั้งสองตระกูลหมั้นหมายกัน แม้กระทั่งแลกเปลี่ยนสิ่งของเป็นการหมั้นหมายแต่อย่างใด”
ตอนนี้สวี่เย็นหวั่นฟังเข้าใจความหมายแล้ว เขากำลังจะตัดสัมพันธ์กับเธอ ไม่ยอมรับสัญญาที่จะแต่งงานในวัยเด็ก!
“อีกทั้งพ่อแม่ผมก็ไม่เคยบอกผมมาก่อนว่าผมมีว่าที่ภรรยา ดังนั้นตอนนี้ผมอยากรู้ ว่าข่าวเรื่องที่ว่าคุณเป็นว่าที่ภรรยาผมนี้ลือออกมาได้ยังไง”
ได้ยินถึงตรงนี้ ในที่สุดสวี่เย็นหวั่นก็นั่งลงไป เธอเงยหน้า ในดวงตามีน้ำตาคลอ “ดังนั้นที่คุณมาวันนี้ ก็คือจะมาตัดความสัมพันธ์กับฉันเหรอ หานชิง ฉันกับคุณเราเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ฉันรู้ว่าคุณชอบเสี่ยวเหยียน แต่ต่อให้คุณชอบเธอ ก็ไม่ควรจะทำกับฉันแบบนี้นะ”
น้ำตาของเธอไม่ได้มีผลใดๆต่อหานชิงเลย เขาเห็นแววตาของเธอก็ยังคงเยือกเย็นอยู่อย่างนั้น เหมือนเช่นในวัยเด็ก เธอหกล้มนั่งร้องเรียกเขาอยู่บนพื้น พี่หานชิง หัวเข่าฉันเจ็บ พี่แบกฉันกลับไปหน่อย
ผลลัพธ์ก็คือหานชิงได้แต่มองเธออย่างเย็นชา บอกว่าขาเธอไม่ได้ขาด เดินกลับไปเอง ไม่อย่างนั้นก็นั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคืนแล้วเขาก็จากไปเลย
ตอนนั้นเย็นหวั่นทั้งโกรธทั้งน้อยใจ สุดท้ายก็ยังเป็นหลินสวี่เจิ้งเดินไปดึงเธอขึ้นมา แต่หลินสวี่เจิ้งก็ไม่ได้แบกเธอไป แล้วพูดกับเธอว่า:“หานชิงคือท่อนไม้ที่ไร้ความรู้สึก เธอจะเรียกใครก็ไม่เรียกจะต้องเรียกเขา ให้เขาแบกเธอ ถ้าเขาตอบตกลงอย่างนั้นฝนคงตกเป็นสีแดงแล้วล่ะ ต่อหน้าเขาอ้อนให้น้อยๆหน่อย ไม่อย่างนั้นสุดท้ายแล้วเธอก็จะไม่ได้อะไร”
ดังนั้นต่อมาสวี่เย็นหวั่นจึงเรียนรู้ที่จะสงบเสงี่ยม เพราะเธอรู้ว่าหานชิงคือน้ำแข็ง ไม่ว่าเธอจะออดอ้อนยังไงก็ไร้ผล ดังนั้นเธอจึงไม่อ้อนหานชิงอีก เป็นเด็กผู้หญิงที่รู้จักคิด อยู่ข้างกายเขา
ก็เหมือนตอนนี้ หานชิงไม่ได้มีความสงสารเห็นใจต่อน้ำตาของเธอเลย ได้แต่ขมวดคิ้วเอ่ยอย่างเย็นยะเยือกว่า:“ผมกับคุณเดิมก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน แล้วจะบอกว่าตัดสัมพันธ์กันได้ยังไง”
ตอนนั้นเองที่สวี่เย็นหวั่นถูกประโยคที่ว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันทำให้ตกใจอยู่ที่เดิม “คุณ คุณพูดอะไร ไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน”
หานชิงเม้มริมฝีปาก ยังคงมองเธออย่างเย็นชา
“ทำไมถึงไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน การหมั้นหมายคือทั้งสองตระกูลเป็นคนกำหนดไว้ คุณไม่รู้ แต่ฉันรู้ ตั้งแต่เด็กฉันก็จำได้ ฉันคิดว่าคุณก็รู้”
ได้ยินเช่นนั้น หานชิงก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น “งั้นคุณควรจะดีใจที่ผมไม่รู้ ถ้าผมรู้เรื่องนี้ ผมก็คงไม่ให้โอกาสคุณได้มาพูดมั่วๆอยู่อย่างตอนนี้หรอก”
ครั้งนี้ เขาพูดอย่างไร้เยื่อใย สวี่เย็นหวั่นถือว่าเข้าใจชัดแล้ว เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับตนเอง เขาสามารถช่วยเหลือเธอเพราะเห็นแก่หน้าตระกูลสวี่ ให้เธอใช้งานพนักงานระดับสูงของบริษัทตระกูลหานได้ และสามารถให้เงินจำนวนมากๆเพื่อมาช่วยเธอ แต่นอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้แล้ว เขาไม่มีสิ่งอื่นใดจะให้เธอได้อีก แม้จะเป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัวเพียงน้อยนิดก็ตาม
ไร้เยื่อใยแบบนี้ เย็นชาแบบนี้
นี่สมกับเป็นหานชิงจริงๆ แต่เขาก็ช่างดีต่อคนที่ตนเองให้ความสำคัญมากขนาดนั้น สวี่เย็นหวั่นกัดริมฝีปากแน่น ไม่นานก็ได้กลิ่นคาวเลือดเข้มข้น
“ต่อไปนี้ผมไม่อยากได้ยินข่าวลือที่ว่าคุณเป็นว่าที่ภรรยาของผมในบริษัทอีก เห็นแก่ความสัมพันธ์กับตระกูลสวี่ ผมจะให้โอกาสคุณได้ชี้แจง แต่ถ้าหากคุณทำไม่ได้ ผมก็จะลงมือด้วยตัวเอง นอกจากนี้ เรื่องฟื้นฟูตระกูลสวี่คุณลองพิจารณาดูก่อน”
เมื่อสิ้นเสียงพูด เสียงโทรศัพท์มือถือของหานชิงก็ดังขึ้นมา
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาดู แววตาที่เย็นชาก่อนหน้านี้แทบจะเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนภายในเสี้ยววินาทีเดียว การเปลี่ยนแปลงอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้ทำให้สวี่เย็นหวั่นตกใจ ยิ่งรู้สึกขื่นขมในใจ
ทำไม ทำไมสิ่งของที่เธออย่างได้มากขนาดนั้น คนอื่นกลับไม่ต้องลงทุนลงแรงก็ได้แล้ว
ส่วนเธอ จนถึงวันนี้กลับไม่มีอะไรเลย
ชอบคนคนหนึ่ง ทำไมถึงทุกข์ขนาดนี้ เธอก็แค่ชอบเขาเท่านั้น หรือว่าเธอจะรักคนผิดแล้ว
ตอนที่หานชิงเตรียมจะรับโทรศัพท์ สวี่เย็นหวั่นที่กัดริมฝีปากแน่นจู่ๆก็คลายออก พูดว่า:“ไม่ต้องพิจารณา ฉันยอมรับที่จะฟื้นฟูตระกูลสวี่”
ตอนนี้เธอไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ หากสุดท้ายแล้วหานชิงไม่ใช่ของเธอ อย่างนั้นเธอจะยังมีอะไรอีก อย่างน้อย เธอก็ต้องคว้าตระกูลสวี่เอาไว้ในมือให้แน่น ไม่ยอมแพ้ง่ายๆอย่างนี้