เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1383
บทที่1383ถึงเวลาจะไม่ทัน
ตอนที่ไปจากออฟฟิศ สวี่เย็นหวั่นใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
มือของเธอยังถือเอกสารชุดนั้นไว้ ตอนเดินไม่ได้ดูตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ ลิฟต์ขึ้นๆลงๆ ลิฟต์เปิดๆปิดๆเธอก็ไม่ได้สังเกตเห็น ในหัวเหลือแค่คำพูดที่หานชิงให้เธอไปดื่มเหล้ามงคล
ทำไม ทำไมถึงเร็วอย่างนี้?
เธอรับปากว่าจะพลิกฟื้นตระกูลสวี่แล้วแท้ๆ ให้เวลาเธอหน่อยไม่ได้หรือยังไง? พวกเขาเพิ่งจะอยู่ด้วยกันไม่นานเองไม่ใช่เหรอ? ทำไมก็ขอแต่งงานแล้ว?
ในหัวของสวี่เย็นหวั่นยุ่งเหยิงไปหมด นึกถึงวันนั้นเสี่ยวเหยียนมองตัวเองด้วยสีหน้ามีความคับแค้นมาก ก็รู้สึกหายใจลำบาก ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
ถ้าพวกเขาแต่งงานกันจริงๆ งั้นเธอจะทำยังไง?
ต่อไปเธอยังมีอะไรให้อาลัยอาวรณ์อีก?
เสี่ยวเหยียนในช่วงนี้อาศัยแหวนเพชรในมือ ได้โชว์ความหวานใส่พนักงานอย่างแรงหลายครั้ง
อีกอย่าง ตอนที่ลูกค้าประจำมาอุดหนุนร้านราเม็งเห็นเธอมาเสิร์ฟอาหาร แหวนเพชรที่สวมอยู่ในนิ้วมือนั้น ก็อดถามเธอไม่ได้
จากนั้นเสียวเหยียนก็อดหน้าแดงและอดยิ้มทุกครั้งไม่ได้
พนักงานทั้งหลายต่างก็พูดคุยกันด้วยรอยยิ้มอยู่ด้านหลัง
“พวกเธอเห็นหรือเปล่า? ตั้งแต่พี่เสี่ยวเหยียนสวมแหวนเพชร เธอก็ยิ่งอยู่ยิ่งสวยแล้วว่ามั้ย? ต่างก็บอกว่าความรักสามารถชุ่มฉ่ำผู้หญิง ทำให้ผู้หญิงเปลี่ยนมายิ่งสวยขึ้น เมื่อก่อนฉันไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ฉันเชื่อแล้ว! ช่วงนี้พี่เสี่ยวเหยียนดูมีราศีมาก”
“ฮือๆๆแหวนเพชรเม็ดนั้นใหญ่และวิบวับมาก ฉันอิจฉาตาร้อนแล้ว มิหนำซ้ำแฟนของพี่เสี่ยวเหยียนหล่อมาก ได้ยินว่าเป็นประธานของบริษัทด้วย ดวงดีสุดๆเลย”
“อย่าพูดเลย ฉันก็อิจฉาตาร้อนมาก วันนี้เป็นคนขี้อิจฉาอีกวันแล้ว”
“ขืนพวกเธอยังมัวแต่พูดคุยไม่ทำงานอย่างนี้ พี่จะหักเงินเดือนพวกเธอ”
ตอนที่เสี่ยวเหยียนเปิดผ้าม่าน ก็ได้ยินพวกเธอกำลังพูดคุยเรื่องของตัวเองพอดี จึงจงใจกดเสียงต่ำขู่พวกเธออย่างดุ
พนักงานหลายคนนี้ต่างก็มาช่วยงานเธอนานแล้ว รู้ว่าเสี่ยวเหยียนเป็นคนที่เข้าหาได้ง่าย ไม่หักเงินเดือนของพวกเธอจริงๆหรอก
เพราะฉะนั้นเลยไม่กลัวเสี่ยวเหยียนเลย แม้กระทั่งยังแซวเล่นกันต่อหน้าเธอ
“พี่เสี่ยวเหยียน ผู้หญิงที่ตกหลุมรักเจ้าอารมณ์แบบนี้ไม่ได้นะ อีกอย่างพี่ตัดใจหักเงินเดือนพวกเราได้เหรอคะ? พวกเราล้วนอวยพรพี่มากเลยนะ”
“ใช่ค่ะๆ อ้อใช่ พี่เสี่ยวเหยียน แหวนเพชรก็มีแล้ว งานแต่งก็คงไม่ไกลแล้วมั้งคะ? พวกพี่แต่งเมื่อไหร่คะ? ถึงเวลาให้พนักงานของร้านเราหยุดงาน ไปร่วมงานแต่งได้มั้ยคะ?”
เอ่อ ถึงแม้พวกเธอยังไม่ได้พูดถึงเรื่องแต่งงาน แต่เสี่ยวเหยียนก็ยังได้พยักหน้า:“แน่นอนอยู่แล้ว รอหาฤกษ์ได้แล้วพี่ค่อยบอกพวกเธอนะ ถึงเวลาจะให้ทุกคนหยุดงานสามวัน และเรียนเชิญพวกเธอมาร่วมงานแต่ง เป็นไงบ้าง?”
“เย้ๆ พี่เสี่ยวเหยียนจงเจริญ!”
“พี่ขอบค่ะ พี่เสี่ยวเหยียน”
ทั้งหลายส่งเสียงโห่ร้องดีใจขึ้นมา จากนั้นก็ยิ่งทุ่มเทแรงกายทำงานแล้ว
หานมู่จื่อรู้เรื่องที่เสี่ยวเหยียนถูกขอแต่งงานก็หลังจากเรื่องผ่านมาหลายวันแล้ว เพราะเรื่องของคราวก่อน ยังไงในใจเธอก็ค่อนข้างกังวล และเสี่ยวเหยียนก็ไม่ติดต่อเธอสักที ดังนั้นเธอก็เลยมาหาเสี่ยวเหยียนถึงที่ร้านเลย
ตอนที่เห็นหานมู่จื่อ ทันใดนั้นเสี่ยวเหยียนไม่สมเหตุสมผลและกินปูนร้อนท้องจะแย่
ส่วนหานมู่จื่อก็เห็นแหวนเพชรบนนิ้วมือเธอแล้ว จากนั้นได้หรี่ตาขึ้นมา
“เก่งหนิ ตอนนี้แอบดำเนินการเงียบๆแล้ว ฉันที่เป็นน้องสาวและเพื่อนรักไม่มีสิทธิ์จะรู้แล้วใช่มั้ย?”
เสี่ยวเหยียนรีบวิ่งมาจับมือเธอไว้ และพูดคำพูดที่กอบกู้สถานการณ์
“เปล่า ไม่ใช่ๆ แค่ไม่ทันบอกเธอเฉยๆ ฉันลืมไปอ่ะ”
“อ๋อ”หานมู่จื่อพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย“หรือนี่ก็คือที่เรียกกันว่าเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน? มีผู้ชายก็ไม่เอาเพื่อนรักแล้ว?”
“มู่จื่อ!”เสี่ยวเหยียนรีบเรียกชื่อเธอด้วยความใจร้อน:“เธออย่ารังเกียจฉันอีกเลย อีกอย่างก่อนหน้านี้ตอนที่เธออยู่กับคุณชายเย่ ก็เพิกเฉยฉันเป็นประจำเหมือนกันแหละ”
หานมู่จื่อได้ยินคำนี้แล้วขมวดคิ้ว:“เพราะฉะนั้น นี่เธอจงใจแก้แค้นฉัน?”
เสี่ยวเหยียนถูกเธอตอกกลับจนไม่รู้จะพูดอะไร หานมู่จื่อมองเธอที่ร้อนรนใจจนใกล้จะร้องไห้ออกมา ก็ได้ยิ้มและไม่แกล้งเธออีก
“เอาล่ะ ฉันแค่ล้อเล่นกับเธอเฉยๆ เธอจำเป็นต้องขนาดนี้เลยเหรอ? ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้? หรือฉันถูกพี่ชายฉันโอ๋จนเสียคน?”
เสี่ยวเหยียนใบหน้าแดงก่ำ ไม่ได้พูดต่อจากเธอ
ขณะนี้กลับเป็นเสี่ยวโต้วหยาที่อยู่ในอ้อมอกของหานมู่จื่อหัวเราะขึ้นมา มือเล็กๆทั้งสองข้างคอยโบกไปมาอย่างเรื่อยเปื่อย
ไม่นาน ความสนใจของเสี่ยวเหยียนก็ถูกเสี่ยวโต้วหยาดึงดูดไปหมด เสี่ยวโต้วหยาหลายเดือนแล้ว นาทีนี้ทั้งสองสบตากัน ดวงตาแวววาวของเธอจ้องมองเสี่ยวเหยียนไว้ ดูไปครู่นึงก็ได้หัวเราะขึ้นมาอีก
“เด็กคนนี้หนิ”หานมู่จื่อส่ายหัวอย่างจนปัญญา“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าไอคิวทั้งหมดได้ให้เสี่ยวหมี่โต้วไปหมด ถึงเสี่ยวโต้วหยาก็เหลือแค่ความโง่แล้ว”
เสี่ยวเหยียนได้อุ้มเสี่ยวโต้วหยามา เสี่ยวโต้วหยาก็ไม่ร้องโวยวาย หมัดเล็กๆขาวๆที่ฟาดไปที่ทรวงอกของเธอ ทันใดนั้นหัวใจทั้งดวงของเธอได้อ่อนยวบยาบไปหมด
ทำไมถึงได้น่ารักอย่างนี้เนี่ย? ฮือๆ เธอก็อยากมีลูกสาวคนนึงมาก
แต่ว่า รู้สึกเสี่ยวหมี่โต้วก็น่ารักมากเหมือนกัน ทีนี้ก็อยากได้ลูกชายอีกคนอีกแล้ว
เอ่อ คิดๆแล้วเสี่ยวเหยียนรู้สึกเหมือนมู่จื่อดีกว่า คลอดลูกชายก่อนแล้วค่อยคลอดลูกสาว แบบนี้พี่ชายก็จะสามารถดูแลและประคบประหงมน้องสาวแล้ว
ก็ตัดสินใจอย่างรื่นรมย์แบบนี้เลย
เสี่ยวเหยียนตัดสินใจอยู่ในใจลับๆ ลืมไปอย่างสิ้นเชิงว่าคลอดลูกชายหรือคลอดลูกสาวไม่ใช่เรื่องที่เธอจะสามารถตัดสินใจได้
ส่วนหานมู่จื่อพบว่าสีหน้าที่เสี่ยวเหยียนอุ้มเสี่ยวโต้วหยา พอๆกับคนที่เป็นแม่คนเลย จึงอดไม่ได้ที่จะแซว
“เธอชอบเสี่ยวโต้วหยาขนาดนี้ ก็รีบแต่งงานกับพี่ชายฉันเร็ว จากนั้นก็คลอดเองคนนึง”
“ฮึ่มๆ”เสี่ยวเหยียนกระแอมหลายที จากนั้นก็พูด:“ถึงเวลาค่อยดูอีกทีเถอะ เพราะตอนนี้ฉันยังไม่ได้คลอด ฉันก็อุ้มเสี่ยวโต้วหยาของเธอไปก่อน”
“ขืนไม่แต่งอีก ถึงเวลาก็ไม่ทันแล้ว”
หานมู่จื่อเหลือบมองเธอด้วยอารมณ์ขัน และพูดเตือน
อย่างไรก็ตามคราวก่อนไปตรวจเช็คกับเธอที่โรงพยาบาล ตอนนั้นเสี่ยวเหยียนก็ตั้งครรภ์แล้ว ตอนนี้ก็ผ่านไปครึ่งเดือนกว่าแล้ว ถ้าเธอยังไม่รีบจัดงานแต่งอีก ถึงเวลาชุดแต่งงานก็ใส่ไม่ได้แล้ว
เสี่ยวเหยียนหน้าแดงก่ำและพูด:“เธอไม่ต้องพูดแล้ว ถึงเวลาค่อยดูอีกทีเถอะ ถ้าใส่ชุดงานแต่งไม่ได้จริงๆ งั้นก็ไม่ต้องจัดงานแต่งแล้ว”
“คงไม่ใช่ว่าเรื่องที่เธอตั้งครรภ์ยังไม่ได้บอกนะ?”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้า
“เพราะอะไร?”
“ยัง ยังหาโอกาสที่เหมาะสมไม่ได้”
“ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เธอยังหาโอกาสที่เหมาะสมไม่ได้อีก? งั้นเธอคิดว่าโอกาสไหนถึงจะเหมาะสม?”
เสี่ยวเหยียนทรมานหัวใจ เธอก็อยากรู้เหมือนกัน เดิมทีคืออยากบอกกับหานชิงตอนงานวันเกิดเขาถือเป็นของขวัญให้เขา ใครจะไปรู้ว่าเขาไม่จัดงานวันเกิด
งั้นช่วงนี้ก็ไม่มีฤกษ์ดีอะไรแล้ว เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงได้ดัดจริตขึ้นมา
อยากบอกกับเขาในวันพิเศษ แต่ปรากฏไม่สำเร็จ ตอนนี้พูดกะทันหันก็พูดไม่ออก
“เฮ้อ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเธอเป็นแบบนี้ สู้วันที่ได้ผลตรวจก็บอกกับเขาไปเลย ก็ไม่ต้องยืดเยื้อถึงตอนนี้แล้ว พูดไม่ออกแล้วใช่มั้ย? ฉันช่วยเธอพูดเอามั้ย?”
“ไม่ ไม่ได้!”เสี่ยวเหยียนห้ามปรามเธอ“นี่จะได้ยังไงล่ะ? ฉันหาโอกาสพูดเองดีกว่า”
“งั้นเธอเร็วหน่อยนะ แล้วงานแต่งตกลงกันหรือยัง?”