เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1404
บทที่ 1404 คำเชิญ
“ขอบคุณค่ะแม่” เสี่ยวเหยียนรู้สึกซาบซึ้งจนอ้าแขนออกไปกอดหลัวหุ้ยเหม่ย “แม่ หนูมีความสุขมากเลย แต่ทุกอย่างในตอนนี้มันคือเรื่องจริงเหรอคะ? ทำไมหนูถึงรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน? หานชิง มาสู่ขอหนูแล้วจริงๆเหรอ? แม่คิดว่าถึงตอนนั้นเขาจะเสียใจภายหลังไหมคะ?”
“เจ้าเด็กโง่ ลูกกับเขาอยู่ด้วยกันทุกวัน ลูกคิดว่าเขาจะเสียใจไหมล่ะ?”
เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าหานชิงไม่มีทางเป็นแบบนั้น เขาดีกับตัวเองมาก เพราะแม้แต่สวี่เย็นหวั่น ที่เป็นเพื่อนเล่นของเขาตั้งแต่เด็ก เขายังไม่ทำตัวพิเศษด้วย
มีเพียงแค่ตัวเองเท่านั้น
“โอเค ไม่ต้องคิดมากแล้ว ในเมื่อลูกคิดดีแล้ว งั้นพวกเราก็ออกไปกันเถอะ อย่าให้เขาต้องรอนานเกินไป”
“อืมๆ”
งานแต่งงานถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายปรึกษาหารือกันเสร็จ หลัวหุ้ยเหม่ยยังเชิญคนมาดูฤกษ์ให้อีกด้วย จากนั้นก็กำหนดวัน ต่อจากนี้ก็ต้องยุ่งกับการเตรียมงานมากมาย
หานมู่จื่อกับเสี่ยวเหยียนแอบนัดคุยกัน
“ยินดีด้วยนะ สมใจปรารถนาแล้ว”
เสี่ยวเหยียนหน้าแดง “ขอบใจนะ”
“เตรียมจะบอกเรื่องท้องกับพี่ชายฉันเมื่อไหร่ล่ะ?”
“อีกสักสองสามวัน ยังไงเรื่องนี้ต้องบอกเขาก่อนแต่งงานอยู่แล้ว หรือว่ามู่จื่อ ถ้าฉันบอกเรื่องนี้กับเขาตอนแต่งงาน เธอคิดว่าเป็นยังไง? จะทำให้เขามีความสุขมากกว่าเดิมรึเปล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หานมู่จื่อตกตะลึงไปทันที “บอกตอนวันแต่งงาน?”
“อืม วันแต่งงานควรจะมีความสุขไม่ใช่เหรอ? ฉันกำลังคิดว่า รอให้ถึงวันงานแล้วค่อยบอกเขาว่าฉันท้อง ถึงตอนนั้นเขาจะได้มีความสุขมากขึ้น อีกอย่างฉันรู้สึกว่าบอกตอนนี้ยังเร็วเกินไป ถ้ารอพูดตอนนั้น เขาคงยังมองไม่ออก อย่างมากคงคิดว่าฉันอ้วน”
“เธอคิดแบบนี้ก็ได้ ยังไงอีกไม่กี่วันก็ถึงงานแต่งแล้ว อีกอย่างนี่ก็เป็นเรื่องของพวกเธอสองคน ถ้าเธอตัดสินใจเอง ฉันก็คิดว่าดีอยู่แล้ว”
หานมู่จื่อไม่อยากยุ่งอะไรมาก เพราะทุกคนต่างมีความคิดที่ไม่เหมือนกัน ขอเพียงแค่ไม่ทำให้ตัวเองรู้สึกว่ามีปัญหาอะไร และไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ได้ทั้งนั้น
เริ่มเข้าสู่ช่วงเตรียมงานแต่งงาน เสี่ยวเหยียนจึงมีเวลาอยู่ในร้านราเม็งน้อยลงทุกวัน หานชิงก็ไม่ได้ยุ่งทำงานที่บริษัทเหมือนเมื่อก่อน เพราะต้องตกแต่งห้องใหม่ที่ใช้ในงานแต่งงาน และยังมีเรื่องจุกจิกอีกมากมาย
ไปนู่นทีนี่ที
ไม่นานนัก การ์ดเชิญก็ทำเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็ส่งไปถึงมือของเพื่อนสนิททุกคน
เซียวซู่ได้รับหนึ่งใบ
เพราะความจริงใจ เสี่ยวเหยียนจึงไปส่งการ์ดเชิญถึงบ้านด้วยตัวเอง ตอนที่หล่อนไป เจียงเสี่ยวไป๋อยู่ที่บ้านพอดี เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เปิดประตูออกไปเห็นว่ามีคนยืนอยู่ และยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย
หล่อนจึงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “ไม่ทราบว่าคุณคือ?”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เสี่ยวเหยียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หล่อนมองดูแวดล้อมโดยรอบภายในห้อง จากนั้นพูดด้วยความเคอะเขิน: “ขอโทษนะคะ ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองมาผิดที่รึเปล่า”
“คุณมาหาใครคะ?”
“ฉันมาหาเซียวซู่ค่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋อยู่ที่นี่มานานมากขนาดนี้ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงมาหาเซียวซู่ ดังนั้นหล่อนจึงรู้สึกประหลาดใจ อีกอย่างหล่อนเพิ่งเป็นแฟนกับเซียวซู่ได้เพียงไม่กี่วัน ก็มีคนมาหาเขาแล้ว
หรือเป็นรักเก่าของเซียวซู่?
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดอันเพ้อฝันของเจียงเสี่ยวไป๋ หล่อนไม่แสดงอารมณ์ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่หันข้างเล็กน้อย: “งั้นคุณไม่ได้มาผิดที่ค่ะ ที่นี่คือบ้านของเซียวซู่”
เสี่ยวเหยียนไม่เคยมาบ้านเซียวซู่ เมื่อเดินเข้ามา เห็นห้องที่เต็มไปด้วยของใช้ของผู้หญิง จึงรู้สึกทอดถอนใจขึ้นมา
อันที่จริงตอนแรกเธอไม่ได้ตั้งใจจะมาส่งการ์ดเชิญเอง แต่คิดไปคิดมา เมื่อก่อนเซียวซู่ช่วยเหลือตัวเองเยอะมาก จึงตัดสินใจเอามาให้ด้วยตัวเอง
แม้ว่าหล่อนไม่มีวิธีตอบแทนบุญคุณเขา แต่อย่างน้อยต้องมีความจริงใจ
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเข้ามาแล้วจะเห็นของใช้ผู้หญิงเต็มห้องมากขนาดนี้ ดังนั้นตอนนี้เสี่ยวเหยียนจึงกำลังคาดเดาที่สถานะของเจียงเสี่ยวไป๋อยู่
“เชิญนั่งตามสบายเลยค่ะ คุณอยากดื่มอะไรไหมคะ? ฉันจะไปเอามาให้ค่ะ”
เสี่ยวเหยียนตั้งสติขึ้นมา ยิ้มเล็กน้อยและพูดขึ้น: “น้ำอุ่นก็พอค่ะ”
“น้ำอุ่น?” เจียงเสี่ยวไป๋เลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ สุดท้ายก็พยักหน้าลง และเดินไปรินน้ำเปล่าที่ห้องครัวให้
เสี่ยวเหยียนรับแก้วน้ำมาและยกขึ้นดื่มให้ร่างกายอบอุ่น จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองเจียงเสี่ยวไป๋ ยิ้มและพูดขึ้น: “ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณมาหาเซียวซู่มีธุระอะไรรึเปล่าคะ? แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันอาทิตย์ แต่เขาเพิ่งออกไปข้างนอกพอดีค่ะ”
ตั้งแต่เจียงเสี่ยวไป๋เป็นแฟนกับเขา หล่อนก็ไม่เกรงใจอะไรต่อเซียวซู่อีกเลย ที่เซียวซู่ไม่อยู่บ้านตอนนี้เพราะถูกเจียงเสี่ยวไป๋สั่งให้ไปซื้อผักที่ตลาด ตอนแรกหล่อนคิดจะไปด้วย คู่รักสองคนเดินไปตลาดด้วยกันจะได้สร้างความรู้สึกที่ดีให้กันและกันด้วย แต่เจียงเสี่ยวไป๋กลับรู้สึกขี้เกียจ เมื่อคิดว่าเดี๋ยวต้องทำกับข้าวอีก ก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว จึงให้เซียวซู่ไปซื้อคนเดียว
คิดไม่ถึงว่าพอเขาออกไป เพื่อนของเขาก็มาหาพอดี
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” เสี่ยวเหยียนพูดพลางหยิบการ์ดเชิญออกมาจากกระเป๋ายื่นให้เจียงเสี่ยวไป๋: “ฉันแค่มาส่งการ์ดเชิญงานแต่งงาน เขาไม่อยู่ไม่เป็นไร คุณเป็นแฟนของเขาใช่ไหม? งั้นรบกวนฝากให้เขาด้วยนะคะ”
“การ์ดเชิญ?”
เจียงเสี่ยวไป๋รับการ์ดเชิญมา จากนั้นเปิดออกดู และพยักหน้าลง: “ค่ะ ฉันเป็นแฟนของเขา”
เป็นแฟนของเซียวซู่จริงด้วย เสี่ยวเหยียนจึงถอนหายใจโล่งอก เมื่อก่อนหล่อนกลัวว่าเซียวซู่จะดื้อรั้นมากเหมือนตัวเอง คนหัวดื้อสองคนจะมีโอกาสคบกันได้อย่างไร ตอนนี้เขามีแฟนแล้ว อีกทั้งแฟนของเขายังสวยอีกด้วย เสี่ยวเหยียนรู้สึกดีใจแทนเขามาก
“เป็นแฟนของเขาจริงเหรอ? ยินดีกับพวกเธอด้วยนะ ตอนฉันแต่งงาน เธอไปร่วมงานกับเขานะ”
“โอเคค่ะ”
เมื่อมั่นใจแล้วว่าเสี่ยวเหยียนไม่ใช่หนี้รักเก่าของเขา เจียงเสี่ยวไป๋จึงอัธยาศัยดีต่อเสี่ยวเหยียนเพิ่มขึ้นมาก ทั้งสองอายุเท่าๆกัน ดังนั้น ไม่นานนักจึงพูดคุยกันอย่างสนิทสนมเหมือนพี่น้อง
พูดคุยกันประมาณสิบนาที เสี่ยวเหยียนก็จะกลับไปแล้ว
“ฉันยังต้องไปการ์ดเชิญต่อ คงอยู่นานกว่านี้ไม่ได้แล้วค่ะ วันงานแต่งงาน อย่าลืมควงคู่ไปกับเซียวซู่นะ ฉันไปก่อนล่ะ”
“โอเคค่ะ ไม่มีปัญหา”
ผ่านไปไม่นาน เจียงเสี่ยวไป๋ก็ออกไปส่งเสี่ยวเหยียน หลังจากที่หล่อนปิดประตูลง จึงหยิบการ์ดเชิญออกมาบิดตัวไปมา คิดในใจว่า ถ้าไปร่วมงานแต่งงานกับเซียวซู่ หล่อนห้ามดื่มเยอะเด็ดขาด!
ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำร้ายคนได้!
ครั้งนี้หล่อนต้องควบคุมตัวเองให้ดี
เจียงเสี่ยวไป๋วางการ์ดเชิญไว้บนโต๊ะ รอให้เซียวซู่กลับมาก่อนแล้วค่อยให้เขา
ไม่นานนัก ประตูก็ถูกเปิดออก เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เห็นเซียวซู่ถือถุงเดินเข้ามา จึงยิ้มขึ้นทันที ทักทายเขาด้วยความร่าเริงสดใส
“กลับมาแล้วเหรอคะ? เหนื่อยไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวซู่จึงเหลือบมองดูหล่อน พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ไม่เหนื่อย”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “จริงสิ เมื่อครู่เพื่อนของนายมาหา เอาการ์ดเชิญมาให้ เชิญคุณไปร่วมงานแต่งเดือนหน้า”
เซียวซู่ที่กำลังถือถุงเดินตรงไปที่ห้องครัว เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงหยุดชะงักไปทันที จากนั้นหรี่ตามองไปหาหล่อน
“เธอพูดว่าอะไรนะ?”
“ไปร่วมงานแต่งงาน การ์ดเชิญ!”
เจียงเสี่ยวไปหยิบการ์ดขึ้นมาแกว่งไปมา สีหน้าของเซียวซู่นิ่งขรึมไปทันที จากนั้นหยิบการ์ดเชิญออกมา สีหน้าของเขาแย่ลงอย่างมาก