เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1435
บทที่ 1435 ฉันกำลังบังคับนายอยู่
เดิมทีเจียงเสี่ยวไป๋ยืนอยู่คนเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าหานมู่จื่อจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาคุยกับหล่อนก่อน และยังช่วยพูดปลอบใจให้อีกด้วย
เห็นทีคงเป็นเพราะเห็นหล่อนยืนอยู่คนเดียวดูน่าสงสาร จึงหวังดีเดินเข้ามาหา
หลังจากสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันหวังดีจากหานมู่จื่อ เจียงเสี่ยวไป๋จึงพยายามฝืนยิ้มออกมา ในความหม่นหมองนั้นจึงดูดสดใสขึ้นมาบ้าง
“อืม ฉันรู้ ขอบใจนะ”
เสี่ยวหมี่โต้วกระพริบตามองดูเจียงเสี่ยวไป๋ แม้ว่าตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋อารมณ์ไม่ดีอยู่ แต่ตอนมองหน้าเสี่ยวหมี่โต้ว หล่อนยังอดไม่ได้ที่จะทำท่าทางตื่นเต้นดีใจออกมา เพราะเสี่ยวหมี่โต้วหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูมาก
เด็กน้อยน่ารักแบบนี้ พ่อแม่ต้องมียีนแบบไหนกันนะ
จากนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็เงยหน้ามองหานมู่จื่อ จึงสังเกตเห็นว่าหน้าตาของแม่เสี่ยวหมี่โต้วสวยและมีมิติ ต่างจากเสี่ยวหมี่โต้วโดยสิ้นเชิง แต่ไม่ว่ายังไงสองคนแม่ลูกก็มีหน้าตาที่ดูดีเหมือนกัน
เห็นได้ชัดว่าพื้นฐานของลูกต้องดูจากพ่อแม่จริงๆ
เจียงเสี่ยวไป๋คิดพึมพำภายในใจ จากนั้นก็เบนความสนใจไปที่เรื่องก่อนหน้าต่อ
เวลาค่อยๆเดินผ่านไป ยังไม่มีใครออกมาจากห้องฉุกเฉิน เย่โม่เซินก็จัดการเรื่องทางนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว และรีบตามมา เมื่อเขามาถึงก็รีบหาภรรยาของตัวเองเป็นอันดับแรก
เมื่อเห็นเย่โม่เซิน เจียงเสี่ยวไป๋จึงเหลือบมองดูเสี่ยวหมี่โต้วอีกครั้ง
อืม แบบฉบับผู้ใหญ่หนึ่งหนึ่งคน แบบเด็กน่ารักหนึ่งคน เป็นลูกของเขาแน่นอน
แต่ยีนของพ่อก็เด่นเกินไปรึเปล่า ทำยังไงให้ลูกเหมือนเขาได้มากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าถ้าต่อไปหล่อนตั้งท้อง ลูกที่เกิดออกมาจะเหมือนพ่อกับแม่แบบนี้รึเปล่า?
ถ้าเหมือน คงต้องสนุกมากแน่ๆเลย!
นี่ๆ หยุดก่อน หล่อนจะคิดเรื่องนี้ต่อไม่ได้อีกแล้ว วันนี้โมโหมาทั้งวันแล้ว! เซียวซู่ ไอ้ซื่อบื้อ รอให้เขาตื่นขึ้นมาก่อน หล่อนจะต้องด่าเขาให้สาสม!
…
คนเจ็บสามคนที่ส่งไปรักษา อันที่จริงเสี่ยวเหยียนเป็นคนที่เจ็บน้อยที่สุด เซียวซู่เจ็บหนักสุด และยังถูกส่งไปรักษาช้าที่สุดอีกด้วย เดิมทีทุกคนคิดว่าเขาคงออกมาเป็นคนสุดท้าย
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหานชิงจะฟื้นขึ้นมาแล้ว เซียวซู่ก็ฟื้นขึ้นมาแล้วเช่นกัน แต่เสี่ยวเหยียนกลับยังไม่ฟื้นขึ้นมา
หลังจากที่ฝ่ายชายทั้งสองตื่นขึ้นมาก็ลงเดินทันที ไม่ฟังคำแนะนำของหมอและพยาบาลแม้แต่น้อย เมื่อคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉินได้ยินว่าเสี่ยวเหยียนยังต้องให้การช่วยเหลืออยู่ ทั้งสองจึงเงียบไปทันที
และหลังจากที่หานชิงเจอหน้าเซียวซู่ จึงเพิ่งจะรู้ว่าเขาก็เข้าไปในเพลิงไฟเช่นกัน ไม่ว่ายังไง คนที่มีความกล้าเช่นนี้มีน้อยมากจริงๆ ดังนั้นหานชิงจึงเม้มปากลง และสุดท้ายก็ยังพูด “ขอบคุณ” กับเขา
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวซู่ชะงักไปทันที พูดตอบกลับด้วยท่าทีนิ่งขรึม: “ไม่เป็นไร ยังไงก็ไม่ได้ทำเพื่อคุณ”
เหมือนเป็นการประกาศให้รับรู้ หานชิงกลับพูดต่ออย่างไม่สะทกสะท้านอะไร: “ผมรู้ แต่หล่อนเป็นภรรยาของผม ผมแค่พูดแทนหล่อน”
หลังจากที่พูดออกไปเช่นนี้ เซียวซู่สะอึกไปทันที พูดอะไรไม่ออก
และในขณะเดียวกัน มีเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นมาจากด้านหลัง จากนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ยื่นมือมาหยิกหูของเซียวซู่: “นายกำลังทำอะไรอยู่? เพิ่งรักษาหายก็ลงมาเดินเลยนะ อยากตายหรือไง?”
ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้คบกัน เมื่อหูของเซียวซู่แดงขึ้นมา เจียงเสี่ยวไป๋ก็อยากจะเข้าไปบิดจับ แต่ตอนนั้นเซียวซู่ไม่ยอม เจียงเสี่ยวไป๋จึงทำได้แค่มอง
ต่อมาหลังจากที่คบกันแล้ว หล่อนจึงหาข้ออ้างว่าหล่อนเป็นแฟนของเขา และในฐานะที่เขาเป็นแฟน จึงต้องยอมจำนนเงื่อนไขของตัวเอง และมักจะคอยพูดถึงหูของเขาตลอด
แต่นั่นก็คือตอนไม่มีคนอื่นอยู่ ดังนั้นตอนแรกเขาไม่ค่อยชินเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้เขาปล่อยให้หล่อนบิดจับได้ตามสบายแล้ว
แต่ตอนนี้คนเยอะแยะเต็มไปหมด หล่อนกลับทำแบบนี้ต่อหน้าทุกคน….
เหมือนดังที่คิดไว้ หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดจบ สายตาของทุกคนก็จับจ้องมาทางนี้ทันที
เซียวซู่รู้สึกโมโหเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดุเจียงเสี่ยวไป๋ แค่พูดกับหล่อนด้วยเสียงแผ่วเบา: “เธอปล่อยก่อน”
“ปล่อยทำไมล่ะ นายเจ็บหนักขนาดนี้ กลับไปนอนซะดีๆ นอนแล้วฉันค่อยปล่อยออก”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นว่าหูของเขาแดงมาก รู้ว่าเขาต้องรู้สึกขายหน้า แต่ตอนนี้หล่อนไม่อยากไว้หน้าเขาอีกแล้ว เพราะแฟนของหล่อนเป็นคนบุกฝ่าเพลิงไฟอันลุกโชนเข้าไปช่วยผู้หญิงอีกคนต่อหน้าคนอื่น แค่นี้ก็ถือเป็นการลบล้างศักดิ์ศรีของเธอออกไปหมดแล้ว
หล่อนไม่ได้โมโหอาละวาดใส่ก็ถือว่าใจดีมากแล้ว
เซียวซู่รู้สึกหมดหนทาง แต่ดูเหมือนว่าเจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีท่าทีจะปล่อยมือออก จึงทำได้เพียงจับแขนของเธอไว้ และดึงหล่อนไปที่ซอกมุมหนึ่ง
“ทำอะไร? อยากพูดอะไร? ไม่กล้าให้คนอื่นได้ยินงั้นเหรอ?” เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มเย้ยใส่ “เมื่อครู่นายบุกเข้าไปช่วยผู้หญิงคนอื่นในเพลิงไฟอันลุกโชนต่อหน้าแฟนของตัวเอง ทำไมไม่คิดถึงความรู้สึกของฉันบ้างล่ะ?”
เรื่องนี้ทำให้เซียวซู่ดูเป็นคนไร้เหตุผลมากจริงๆ ทำให้หล่อนต้องขายหน้า
แต่บทที่เห็นไฟที่ลุกโชนนั้น เขาไม่ได้คิดอะไรมากเลย เพียงแค่รู้สึกได้ว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นกับเสี่ยวเหยียนแน่นอน ดังนั้นแม้ว่าสุดท้ายเขาจะเป็นลมหมดสติไป แต่หลังจากเข้ารับการรักษาแล้ว เขาก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว จนลงมาเดินอย่างไม่สนใจอะไร
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋ให้ความสำคัญมาก
เซียวซู่แทบไม่อยากสบตาหล่อน จึงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม: “ขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจกับเรื่องนี้นะ กลับไปฉันจะชดเชยให้เธอนะ”
“ชดเชย?”
เจียงเสี่ยวไป๋เบ้ปากพลางหัวเราะเยาะ จากนั้นสูดหายใจเข้าลึกๆ ยืนพิงกำแพงอยู่ครึ่งตัว น้ำเสียงฟังดูขี้เกียจ: “เซียวซู่ นายจะเอาอะไรมาชดเชยให้ฉัน? ในฐานะที่เป็นแฟนคนหนึ่ง แม้แต่ใจของนายยังมีผู้หญิงคนอื่นอยู่ คนอย่างนาย จะมีอะไรมาชดใช้ให้แฟนอย่างฉันได้?”
เซียวซู่ไม่พูดอะไรต่อ
“ตอนแรก นายเป็นคนเริ่มพูดก่อนใช่ไหม? ฉันบอกว่าฉันไม่ถือ นายบอกนายถือ อยากรับผิดชอบ ให้ฉันให้โอกาสนาย ตอนนี้ฉันก็สามารถให้โอกาสนายได้”
เซียวซู่เงยหน้าขึ้น มองหล่อนโดยไม่พูดอะไร
“กลับไปนอนที่ห้องคนไข้ของนายซะ”
เจียงเสี่ยวไป๋อยู่ในท่าทีที่ไม่สามารถต่อรองอะไรได้ ตอนแรกยังหัวเราะเยาะใส่ ตอนนี้กลับไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลย หล่อนจ้องมองเซียวซู่ด้วยสีหน้าจริงจัง: “จะไปหรือไม่ไป?”
เขาไม่ปฏิเสธ และไม่ได้ตอบตกลง เจียงเสี่ยวไป๋เห็นเขายืนอยู่ตรงนั้นอยู่นานครู่ใหญ่ เม้มริมฝีปากและมองตัวเองด้วยสายตาดำสนิท เพราะบนใบหน้ามีแผลใหม่เพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงทำให้แผลเป็นที่มีก่อนหน้านี้ดูน่าเกลียดมากขึ้นกว่าเดิม
ไม่ น่าจะดูเด่นชัดมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ทำให้ใครเห็นก็ต้องตกใจ
ทั้งสองยืนคุมเชิงกันอยู่นาน จู่ๆเจียงเสี่ยวไป๋ก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมา จึงฉีกยิ้มขึ้น “เห็นที คงเป็นเพราะฉันบังคับนายใช่ไหม?”
“เสี่ยวไป๋ ฉัน…”
“โอเค” เจียงเสี่ยวไป๋ปัดมือ ทำสีหน้าไม่สนใจอะไร: “บทที่นายบุกฝ่ากองไฟเข้าไป ฉันยังห้ามไว้ไม่ได้ ฉันกับนายไม่เหมือนกัน ไม่มีทางวิ่งเข้าไปในกองไฟเพื่อไปหานายโดยไม่สนใจอะไร ขนาดตอนเผชิญหน้ากับเหตุการณ์อันตรายมากเช่นนั้น นายยังไม่สนใจความรู้สึกของฉันเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้?”
เมื่อพูดจบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ลุกขึ้น ค่อยๆจัดเสื้อผ้าของตัวเอง ด้วยสีหน้าอันเย็นชา
“นายจะไปก็ได้ ฉันไม่บังคับให้นายกลับไปที่ห้องคนไข้ แต่ฉันเจียงเสี่ยวไป๋รักศักดิ์ศรี ไม่มีทางอยู่เป็นเพื่อนนายอีกต่อไป”
หล่อนหันไปทางเซียวซู่ทำท่าทางบอกลา เอ่ยปากพูดขึ้น: “ฉันกลับบ้านก่อนนะ ขอให้นายหายไวๆ สู้ๆนะ”