เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1486
บทที่1486 โต้เถียงกัน
ฟังซิ?
นี่เป็นคำพูดของคนเหรอ?
เธอหลงตัวเองที่ไหน? อีกอย่างผู้หญิงรักสวยรักงามมีปัญหาอะไร? ของประเภทบำรุงผิวจะขาดไม่ได้แน่นอน แต่เจียงเสี่ยวไป๋กวาดสายตาไปที่เคาน์เตอร์ล้างหน้าทีหนึ่ง รู้สึกกินปูนร้อนท้องนิดจริงๆ
เพราะบนเคาน์เตอร์ล้างหน้าเต็มไปด้วยอุปกรณ์ล้างหน้าต่างๆของตัวเอง แผ่นมาร์คหน้าประเภททำความสะอาดผิว อุปกรณ์อาบน้ำ น้ำตบที่บำรุงผิวและน้ำมันสปา แผ่นมาร์คหน้ามีชนิดที่ให้ผิวขาวใส ชนิดที่เพิ่มความชุ่มชื้น และชนิดที่ต้านริ้วรอย และยังมีครีมบำรุงผิวหน้า ครีมกันแดดและอื่นๆ ส่วนเซียวซู่มีแค่โฟมล้างหน้าของผู้ชายหลอดเดียว ถูกผลักไปไว้ที่มุมสุดอย่างน่าสงสาร
อืม เซียวซู่คงไม่เข้าใจตัวเองจุดของตัวเอง?
ช่างเหอะๆ เจียงเสี่ยวไป๋ขี้เกียจพูดมากกับเขา เธอได้มาร์คหน้าและไปนอนโดยตรง
งานแต่งจัดขึ้นที่บ้านเกิดของเซียวซู่ แถมยังได้หาโรงแรมที่ดีที่สุดในระแวกนั้น และเหมาโดยตรง ได้เรียนเชิญคนสนิทมามากมาย
คู่นี้คึกคักมาก เพราะพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายต่างก็ยังมีชีวิตอยู่ อีกอย่างเฉพาะตระกูลเจียงก็มีญาติทางสายเลือดมากมาย บวกกับญาติต่างๆของตระกูลเซียว ในวันงานแต่งมีแขกมาเยอะมาก คนที่มีครอบครัวแล้วก็ลากคนในครอบครัวมา คนที่โสดก็ลากเพื่อนมาด้วย ก็ได้รวมตัวเป็นความคึกคักนี้ขึ้นมา
เจียงเหมยเห็นรูปถ่ายของเซียวซู่ทั้งสูงทั้งหล่อ แถมงานแต่งยังจัดได้ใหญ่โตมาก อย่าบอกเลยว่าอิจฉาตาร้อนมากแค่ไหน แต่ก็ยังเยาะเย้ยอย่างตกใจ: “เสี่ยวไป๋ของตระกูลเราว่าไปแล้วหน้าตาก็ไม่เลว หาคนที่โครงหน้าสมส่วนก็พอได้อยู่ ทำไมไปเลือกคนที่ใบหน้ามีรอยแผลเป็น ผู้ชายแบบนี้ พวกเธอว่าเสี่ยวไป๋ชอบเขาที่ตรงไหน? หรือจะชอบที่เขามีเงิน?”
ตอนที่เธอพูดคำนี้ เจียงโย่ว ลูกชายของคุณนายใหญ่ที่อยู่ข้างๆฟังแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เขาได้ตอกกลับเธอ: “เจียงเหมย ตั้งแต่เธอเรียนประถมก็ไม่ถูกชะตากับเสี่ยวไป๋ วันนี้เป็นวันมงคล เธออย่าพูดจาบาดลึกเสียดแทนขนาดนี้ได้มั้ย?”
เจียงเหมยฟังแล้วสีหน้าเปลี่ยน และพูดแก้ตัว: “พี่เจียงโย่ว ฉันพูดจาบาดลึกเสียดแทนที่ไหนคะ? ฉันไม่ได้ว่าเสี่ยวไป๋เสียๆหายๆสักหน่อย ไม่ได้ยินเหรอว่าฉันชมเธอหน้าตาไม่เลว? ฉันแค่รู้สึกแผลเป็นบนใบหน้าของเจ้าบ่าวเธอน่ากลัวเฉยๆ”
เจียงโย่ว:“พอเหอะ หรือคำสุดท้ายของเธอไม่ใช่จงใจถากถาง? อีกอย่าง ถ้าเธอรังเกียจเจ้าบ่าวจริงๆ ดึงสายตาตัวเองกลับมาก่อนแล้วค่อยพูดได้มั้ย ตั้งแต่เธอเข้ามาในงานตาก็ติดหนึบอยู่ที่บนรูปถ่ายของเจ้าบ่าวตลอด คนที่ไม่รู้ยังนึกว่าเธออยากแย่งเจ้าบ่าวมาเสียอีก”
“พี่เจียงโย่ว พี่พูดอะไรคะ? เป็นไปได้ยังไงที่ฉันจะ……”เจียงเหมยคิดไม่ถึงว่าเจียงโย่วจะพูดจาตรงขนาดนี้ ทันใดนั้นใบหน้าของเธอหงิกงอขึ้นมาทันที
“อาโย่ว”คุณนายใหญ่ของตระกูลเจียงยื่นมือกระชากลูกชายตัวเอง“พูดจามีขอบเขตหน่อย ไม่ว่ายังไงเจียงเหมยก็คือน้องสาว”
เจียงโย่วเชอะเสียงหนึ่ง สีหน้าไม่อยากรับคนนี้เป็นน้องสาว: “แค่กำลังที่พูดจาบาดลึกเสียดแทนของเธอ ลับหลังไม่ยังไม่รู้จะตำหนิผมยังไงเลย”
วันนี้คุณนายทั้งสามของตระกูลเจียงล้วนมาหมด ตอนที่เจียงเหมยพูดพ่อแม่ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกัน แม่ของเจียงเหมยได้ยินคำนี้ สีหน้าก็ดูแย่ขึ้นมา แต่ใครๆก็รู้คุณนายใหญ่ของตระกูลเจียงหาเงินได้เยอะ ส่วนคุณนายรองก็เป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์
เพราะฉะนั้นถึงแม่ของเจียงเหมยจะโกรธ แต่ก็ไม่กล้าใส่อารมณ์ให้เจียงโย่วโดยตรง ได้แต่พูดอย่างอึดอัด: “อาโย่ว เหมยเหมยก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร แค่พูดความคิดจากใจจริงของตัวเอง พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ย่อมมุ่งหวังให้เสี่ยวไป๋ดียู่แล้ว”
เพราะคำพูดเหล่านั้นของเจียงโย่ว ทำให้เจียงเหมยตาแดงก่ำโดยตรง พี่ชายเธอเจียงเส้าเฟิงก็แบะปาก “พี่เจียงโย่ว น้องสาวผมไม่ได้มีความหมายแบบนั้นจริงๆครับ พี่อย่าเข้าใจเธอผิดนะครับ”
เจียงโย่วกวาดสายตาไปที่ทั้งสองทีหนึ่ง ดื่มเหล้าไปแก้วหนึ่งอย่างเกียจคร้าน และพูดอย่างไม่แยแส: “มีความหมายอย่างนั้นหรือเปล่า พี่ไม่รู้จริงๆ พี่รู้แค่เรื่องเดียว อยู่ในงานแต่งของคนอื่นไม่พูดคำอวยพรก็แล้วไป ยังพูดจาบาดลึกเสียดแทนสามีคนอื่น หลังจากโจมตีคนอื่นยังมาแสร้งเป็นผู้บริสุทธิ์อีก”
พอพูดจบ เจียงโย่วหันหน้าเล็กน้อย:“ในเมื่อพูดจาไม่เป็น งั้นก็เรียนหุบปาก อันนี้เรียนง่ายมั้ย?”
คำพูดนี้พูดออกมาปุ๊บ คนของคุณนายรองก็สีหน้าดูแย่มาก
แว๊บเดียวตาของเจียงเหมยก็แดงก่ำ “แม่คะ……”
แม่ของเจียงเหมยได้แต่มองไปที่คุณนายใหญ่
“พี่สะใภ้คะ เจียงเหมยไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นจริงๆนะคะ เธอเป็นคนพูดจาตรงๆ ไม่มีเจตนาร้ายจริงๆค่ะ”
คุณนายใหญ่ตระกูลเจียงยิ้มอย่างจนปัญญา: “เอาล่ะๆ อาโย่ว ลูกพูดจาระวังหน่อย เป็นครอบครัวเดียวกันอย่าทำลายความสัมพันธ์กัน แต่มีคำหนึ่งพูดถูก วันนี้เป็นวันมงคล ในเมื่อพวกเรามาร่วมงาน งั้นก็ต้องพูดคำพูดสวยหรู เพราะยังไงวันมงคลแบบนี้ พูดคำพูดที่ไม่รื่นหู ใครก็ไม่ชอบฟังหรอก เจียงเหมย หนูอายุยังน้อย คำพูดที่ผู้ใหญ่พูดกับหนูไม่มีทางทำร้ายหนูแน่นอน”
คำพูดข้างหน้าของคุณนายใหญ่ตระกูลเจียงมีเจตนาอย่างกลมกลืนบรรยากาศ แต่คำข้างหลังก็คือกดดันเจียงเหมย สันดานของคุณนายรองเธอรู้มาโดยตลอด แต่แค่คุณหญิงใหญ่เจียงอายุเยอะแล้ว ดูไม่ออกเฉยๆ
แต่เธอกลับมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
ลูกสาวของคุณนายรองหน้าตาไม่เลว แต่นิสัยบ้าอำนาจเกิน และใจดำไปหน่อย ตั้งแต่เล็กจนโตจะต้องแข่งกับเจียงเสี่ยวไป๋ทุกอย่าง อีกอย่างชอบว่าเจียงเสี่ยวไป๋เสียๆหายๆต่อหน้าคุณหญิงใหญ่เจียง
ถึงแม้เธอไม่ได้เข้าข้างเจียงเสี่ยวไป๋ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ชอบเจียงเหมยคนนี้
เด็กผู้หญิงแบบนี้ ร้ายกาจเกินไป ส่วนสาเหตุที่เธอไม่ชอบเจียงเสี่ยวไป๋คือ เพราะเด็กคนนี้ปล่อยให้คนอื่นคอยวิจารณ์อยู่ลับหลัง ตัวเองก็ไม่โต้กลับสักคำ
แต่งานเลี้ยงวันเกิดของคราวก่อน เจียงเสี่ยวไป๋ทำให้เธอคาดไม่ถึงจริงๆ
คุณนายใหญ่ของตระกูลเจียงก็พูดแบบนี้แล้ว คนของคุณนายรองก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
เจียงเสี่ยวไป๋ที่อยู่บ้านได้เปลี่ยนชุดและแต่งหน้าเรียบร้อยแล้ว เพื่อนเจ้าสาวของเธอคือฟางถังถัง และบรรณาธิการอย่างสวี่ยี่เฟยที่รีบมาร่วมงาน ทั้งสองได้สวมใส่กี่เพ้าสีชมพูอ่อน
ก่อนรถแห่กระบวนขันหมากมา เพื่อนเจ้าสาวทั้งสองต้องซ่อนรองเท้าของเจ้าสาวไว้ ไม่ให้เจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าบ่าวหาเจอ ฟางถังถังกับสวี่ยี่เฟยล้วนเป็นคนที่ร่าเริงแจ่มใสมากเป็นพิเศษ เดี๋ยวจะรับผิดชอบสร้างบรรยากาศ
แต่นาทีนี้เจียงเสี่ยวไป๋กลับเหนื่อยจนอยากนอนอยู่บนเตียงเหมือนรูปทรงA
ฟางถังถังกับสวี่ยี่เฟยรีบขึ้นไปประคองเธอไว้
“เจ้าสาวสุดสวยของฉัน ผมทรงนี้กว่าจะทำเสร็จไม่ใช่ง่ายๆ เธออย่านอนลงไปเชียวนะ ขืนนอนลงไปผมก็ยุ่งหมดแล้ว รถแห่ขบวนขันหมากจะมาอยู่แล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ฟังแล้วเหนื่อยจนหลับตาลง“แต่งงานช่างเหนื่อยจังเลย”
โดยเฉพาะชุดเครื่องยศสตรีที่เธอใส่อยู่บนตัว ชุดนี้เป็นงานฝีมือ ทุกขั้นตอนล้วนสลับซับซ้อนมาก พอใส่แล้วเผยทรวดทรงองค์เอวของเจียงเสี่ยวไป๋ออกมาได้ดีมาก สีแดงสดกับสีทองรวมอยู่ด้วยกันก็สะท้อนถึงความและสง่างามที่สาวจีนมีโดยเฉพาะ
นี่เป็นความงามดั้งเดิมแบบหนึ่งที่เป็นของจีน
ความรู้สึกแรกที่เจียงเสี่ยวไป๋สวมใส่คือ หนักมาก ใส่แล้วรู้สึกเหนื่อยมาก
แต่พอยืนไปที่หน้ากระจก เจียงเสี่ยวไป๋ไม่กล้าเชื่อตัวเองเลยชัดๆ คนสมัยใหม่มักจะใส่ชุดที่ทันสมัยของสมัยนี้ ปกติเธอล้วนใส่เสื้อทีเชิ้ตกับกางเกงตัวใหญ่ แบบไหนสบายก็ใส่แบบนั้น บางครั้งถ้าจำเป็นก็ใส่กระโปรง
แต่ไม่เคยใส่กระโปรงที่มีความหมายทางวัฒนธรรมขนาดนี้มาก่อน
เครื่องยศสตรี สวยกว่าที่เธอคิดเยอะเลย!