เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1662
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่1662 มีความกังวล
“ยังไม่ขึ้นมหาลัยแล้วทำไมล่ะ? แค่หมั้นไม่ได้แต่งงานสักหน่อย ก็แค่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างพวกลูกทั้งสองคนเอาไว้ก็เท่านั้นเอง ตราบใดที่พวกลูกเป็นคู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงาน จนถึงตอนนั้นจะออกไปเล่นอะไรกัน เธอจะได้ไม่โดนคนอื่นนินทาได้ รอให้เธอเรียนจบมหาลัยเมื่อไหร่ พวกลูกก็ค่อยแต่งงานกัน มีอะไรที่ไม่ดีเหรอ? ”
ยู่ฉือยี่ซูได้ยินดังนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“ชีวิตแบบนี้ แม่แน่ใจเหรอว่าเธอต้องการ? ”
เสียงปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยพูดว่า “หยวนหยวนชอบลูก ลูกไม่รู้เหรอ? ”
ครั้งนี้กลายเป็นยู่ฉือยี่ซูที่เงียบ
“เธอชอบลูกมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เป็นไปไม่ได้หรอกว่าลูกจะสัมผัสไม่ได้ แล้วอีกอย่างหม่ามี๊ก็วางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่ารอให้พวกลูกโตเมื่อไหร่จะจับคู่กัน แม่เลี้ยงลูกมาตั้งแต่เด็ก ลูกรู้สึกยังไงกับเธอ มีเหรอที่แม่จะดูไม่ออก”
ยู่ฉือยี่ซูขมวดคิ้ว “แล้วมันยังไงกัน? ”
“ยังไงกันอะไร? ทั้งสองคนรักกัน หมั้นกันตอนนี้แล้วมันจะมีปัญหาอะไร? ”
“แน่นอนว่าต้องมีปัญหาสิ” ยู่ฉือยี่ซูรู้สึกไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้ “เธอพึ่งจะบรรลุนิติภาวะ เมื่อก่อนเธอชอบผม แล้วหลังจากนั้นล่ะ? ตอนนี้บังคับให้เธอยอมรับอะไรพวกนี้ด้วยความงุนงง ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งเธอรู้ว่าความรู้สึกที่เธอมีนั้นไม่ใช่ของผม มันจะไม่ยิ่งลำบากไปอีกเหรอ? ”
คำพูดนี้ทำให้หานมู่จื่อพูดไม่ออกเป็นเวลานาน
หลังจากผ่านไปนาน หานมู่จื่อถึงได้เอ่ยปากถามยู่ฉือยี่ซูอย่างจริงจัง
“ถ้ายังงั้นตามความคิดของลูก ลูกอยากจะทำยังไง? ”
“ให้เวลาเธออีกหน่อยเถอะครับ เธอพึ่งจะบรรลุนิติภาวะเอง”
“ก็ได้ ในเมื่อลูกยืนหยัดแบบนั้น หม่ามี๊ก็จะไม่บังคับ ขึ้นอยู่กับหยวนหยวนเป็นหลัก”
“ให้ผมส่งเธอกลับตระกูลถางไปพักผ่อนไหม? ”
“ไปเถอะ สิ่งที่ลูกพูดนี้แม่จะบอกคนของตระกูลถางเอง”
หลังจากวางสายไป ยู่ฉือยี่ซูก็รู้สึกโล่งอก เขากังวลมากจริงๆ ว่าการที่ทั้งสองครอบครัวมารวมตัวกันแล้วจะให้พวกเขาหมั้นกันจริงๆ
ถ้าเกิดว่าหมั้นกันแล้ว เรื่องหลายเรื่องก็จะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
แล้วก็ไม่ใช่แค่ถางหยวนหยวน แม้แต่ตัวเขาเอง ก็ต้องดูตัวเองอีกครั้งว่ารู้สึกยังไงกับเธอในฐานะผู้ใหญ่ ความรู้สึกของเขาเป็นยังไงกันแน่
ยู่ฉือยี่ซูพิงกำแพง หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า
“คุณผู้ชาย มีอะไรให้ช่วยไหมคะ? ”
พนักงานร้านสะดวกซื้อเห็นเขายืนอยู่ในนี้นานมาก แต่ว่าก็ไม่ได้ซื้ออะไร ก็เลยเดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย
พอยู่ฉือยี่ซูลืมตาขึ้นมาแล้วมองมาที่เธอนั้น พนักงานคนนั้นก็ต้องประหลาดใจกับความหล่อเหลาของเขา ผ่านไปนานก็ไม่ตอบสนอง
“ขอน้ำแร่สองขวดครับ ขอบคุณครับ”
“ได้ ได้ค่ะ”
ผ่านไปนานกว่าพนักงานคนนั้นจะหาเสียงของตัวเองกลับมาได้ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะเอาน้ำแร่ยี่ห้ออะไร เดินไปหยิบน้ำมาให้เธออย่างซื่อบื้อ จนถึงยู่ฉือยี่ซูจ่ายเงิน มองเขาเดินออกไป ถึงได้รู้ว่าในรถด้านนอกนั้นมีผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยนั่งอยู่
เธอพิงอยู่กับหน้าต่างรถ เห็นว่ายู่ฉือยี่ซูกลับมาแล้ว ก็คลี่ยิ้มออกมา
พนักงานคนนั้นถอนหายใจออกมา ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมแบบนี้มีเจ้าของแล้วจริงๆ ด้วย เฮ้อ
หลังจากเปิดประตูรถนั้น ถางหยวนหยวนก็ถามด้วยความสงสัยว่า “พี่คะ ทำไมพี่ไปซื้อน้ำนานจัง? ”
“เมื่อกี้ตอนอยู่ข้างในมีคนโทรมาพอดีน่ะ”
“คุณน้ามู่จื่อโทรมาเหรอคะ? คุณน้าพูดอะไรกับพี่เหรอคะ? ”
แน่นอนว่ายู่ฉือยี่ซูบอกเธอไม่ได้ ว่าเมื่อกี้คนที่บ้านเตรียมเจรจาเรื่องงานหมั้นของฉันกับเธอแล้ว เรื่องแบบนี้ถ้าพูดออกไปแล้วก็มีแต่จะส่งผลต่อความคิดและความสามารถในการตัดสินใจของสาวน้อยคนนี้
“ถามว่าเมื่อไหร่พี่จะไปส่งเธอกลับบ้าน พี่ก็เลยบอกว่าอยู่ระหว่างทางแล้ว”
คำพูดนี้ไม่ได้มีอะไรดูน่าสงสัย ถางหยวนหยวนหน้าแดง ไม่ได้พูดอะไร
ระหว่างทางกลับบ้าน ถางหยวนหยวนก็พบว่าข้าวของหลายอย่างที่อยู่ข้างถนนนั้นถูกน้ำท่วมไปเมื่อวาน แล้วถนนก็สกปรกอย่างมาก พนักงานบนถนนในเมืองทุกคนสวมรองเท้าบู๊ตและทำความสะอาดที่นั่น
พอเห็นแบบนี้ ถางหยวนหยวนก็นึกถึงภาพที่เมื่อคืนยู่ฉือยี่ซูอุ้มตัวเองเดินผ่านน้ำ หลังจากนั้นเธอก็ลืมไปเพราะว่าความเขินอาย
“ใช่สิ ขาพี่ไม่ได้คันใช่ไหมคะ? ”
“หืม?”
“น้ำฝนเมื่อคืนนั้นมันสกปรกมากเลย ถ้าเกิดว่าคันละก็ไปหาหมอหน่อยเถอะ เมื่อก่อนหนูเคยได้ยินว่ามีเคสที่เท้าเน่าเพราะว่าเปียกฝน ต้องระวังพวกนี้ไว้หน่อย”
สาวน้อยพูดไปด้วยพร้อมกับจ้องเท้าของเขาไปด้วย
ยู่ฉือยี่ซูยื่นมือไปลูบผมของเธอเบาๆ “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พี่เธอเป็นคนยังไงกัน ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ”
“ยังไงถ้าเกิดว่าพี่รู้สึกไม่สบายตรงไหน ให้รีบไปหาหมอก่อนเลยนะ อย่าให้หยวนหยวนต้องเป็นห่วง”
“โอเค”
รถขับแล่นไปยังทางตระกูลถาง และพอคู่สามีภรรยาถางได้ยินความคิดของยู่ฉือยี่ซูนั้น ก็รีบขึ้นรถเตรียมกลับตระกูลถางทันที
ตอนที่ขึ้นรถนั้น นายถางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“ตอนแรกก็นึกว่าจะได้แต่งงานแล้ว ไม่คิดเลยว่าเจ้าเด็กยี่ซูนั้นจะปฏิเสธ คุณคิดว่าคำพูดนั้นจริงใจ แล้วก็คิดแทนลูกสาวของพวกเราจริงๆ หรือว่าเขาแค่หาข้ออ้างเพื่อบอกปัดกันแน่? ”
พอได้ยินดังนั้น คุณนายถางก็ถลึงตาใส่นายถางอย่างดุร้าย
“ข้ออ้างเพื่อบอกปัดอะไรกัน? คุณไม่มั่นใจในตัวลูกสาวของพวกเราขนาดนั้นเลยเหรอ? หยวนหยวนของพวกเรานั้นทั้งน่ารักและสวยขนาดนั้น ใครจะไม่ชอบ? แล้วอีกอย่าง ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว คุณไม่รู้เหรอว่ายี่ซูนั้นเป็นคนยังไง? ถ้าเกิดว่าไม่ชอบเขาก็จะปฏิเสธตรงๆ ไปแล้ว จะมาพูดแบบนี้ทำไม คนเขาจริงใจขนาดนี้ยังมานินทาเขาลับหลังอีก เชื่อไหมว่าฉันจะตีคุณให้ตาย”
คุณนายถางนั้นยังคงกล้าหาญเหมือนในอดีต นายถางหลบและในขณะเดียวกันก็เบะปาก “คุณจะโกรธอะไรกัน? ผมก็แค่คิดเผื่อลูกสาวของพวกเราไม่ใช่เหรอ? กลัวว่าเธอจะได้รับความไม่เป็นธรรม กลัวว่าเธอจะหาคนดีๆ ไม่ได้”
“บลาๆๆ เอาแต่พูดอะไรที่ทำให้หมดกำลังใจตลอดทั้งวัน แถมยังมาพูดว่าเพื่อลูกสาวอีก คุณหุบปากเลยนะ ยี่ซูเนี่ยนะพวกเราก็เห็นเขาโตมากับตา ที่เขาพูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้มีใจให้ลูกสาวของเรา แต่ฉันคิดว่าเขายังไม่ค่อยมั่นใจ บวกกับการที่หยวนหยวนพึ่งจะบรรลุนิติภาวะ เขาพูดแบบนั้นฉันก็รู้สึกว่ามันถูกต้องแล้ว กังวลดีกว่าไม่กังวลเลยนะ แล้วอีกอย่างถึงแม้ว่าฉันจะชอบเด็กยี่ซูนี้มาก ถ้าเกิดว่าเขาได้มาเป็นลูกเขยฉัน มันก็ต้องเป็นเรื่องที่ดีแน่ แต่ว่าถ้าเกิดว่าหยวนหยวนเป็นเหมือนกับที่เขาพูดจริงๆ ที่ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองดี ต่อไปคิดได้แล้วว่าไม่อยากคบกับเขาแล้ว ถ้ายังงั้นพวกเราก็ต้องเอาความสุขของลูกสาวพวกเราเป็นที่ตั้ง”
“นั่นเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ความสุขของหยวนหยวนคือเรื่องที่สำคัญที่สุด ยังไงพวกเราก็มีลูกสาวแค่คนเดียว”
“กลับกันเถอะรีบกลับ เด็กนั่นออกไปบ้าอยู่ข้างนอกตลอดทั้งคืน กลับมาต้องคิดถึงพวกเราแน่นอน”
ถึงแม้ว่าจะพูดแบบนี้ แต่ว่านายถางกลับถอนหายใจออกมา “ถ้าเกิดว่าได้แต่งงานกันจริงๆ ก็คงจะดี ดีทั้งสองฝ่าย เมืองเป่ยนี้น่าจะหาใครที่ยอดเยี่ยมเท่ายู่ฉือยี่ซูไม่ได้อีกแล้วล่ะ”
คุณนายถางเองก็ถอนหายใจออกมาเหมือนกัน “ใช่ เขาดีเลิศมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านไหน ก็ไม่รู้ว่าตระกูลเย่ของพวกเขามียีนเด่นอะไร เด็กคนนี้ถึงได้ฉลาดเกินคนขนาดนี้”
“เอ้ะคุณหญิงว่า ถ้าเกิดว่าต่อไปหยวนหยวนเสร็จเขาจริงๆ ดูจากหัวสมองเม็ดแตงที่ใส่ซื่อบริสุทธิ์ของหยวนหยวนของพวกเราแล้ว จะถูกเขาวางแผนคิดร้ายอะไรรึเปล่า? ”
คุณนายถาง “คิดร้ายกับใครก็คิดร้ายกับภรรยาตัวเองไม่ได้หรอกมั้ง? คุณกล้าคิดร้ายกับภรรยาตัวเองเหรอ? ”