เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1671
บทที่ 1671 ไปอยู่ด้วยกันตอนไหน
หลังจากที่ถางหยวนหยวนไปแล้ววันนั้น ยู่ฉือยี่ซูก็นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับพลางครุ่นคิดอยู่นาน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มันรู้สึกว่าหัวใจมันกระวนกระวายใจขึ้นมาเล็กน้อย
เหตุเพราะว่าด้วยสายตาเช่นนั้นก่อนหน้าที่ถางหยวนหยวนจะไป มันทำให้ยู่ฉือยี่ซูรู้สึกว่าเหมือนจะสูญเสียอะไรไปสักอย่าง
เมื่อคิดตรงนี้ อารมณ์พลันแปรเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดขึ้นแทน จนถึงขั้นอยากจะเอาบุหรี่ขึ้นมาสูบ
ทว่าพลันคิดได้ว่า ตนเองก็ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อนเลย
จนท้ายที่สุดนั้น ยู่ฉือยี่ซูได้แต่ขับรถไปจอดร้านขายของชำเล็กๆ แล้วก็ซื้อหมากฝรั่งมาหนึ่งกล่อง แล้วเอามันโยนเข้าปากไปหลายเม็ด
ทว่าหมากฝรั่งก็ไม่สามารถกำจัดความอัดอั้นตันใจที่อยู่ในใจของเขาออกไปได้ สุดท้ายก็ได้แต่เอากล่องหมากฝรั่งโยนใส่ในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็เดินไป
ผ่านมาหลายวันหลังจากนั้นถางหยวนหยวนก็ยังคงไปช่วยดูแลแม่ของจงฉู่เฟิงที่โรงพยาบาลอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน พอถึงเวลาเปิดเรียนเทอมใหม่ก็ไม่ได้ไปแล้ว
สำหรับเรื่องเปิดเรียนนั้น ถางหยวนหยวนเกิดอาการหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
เพราะว่าเธอนั่งโต๊ะนักเรียนโต๊ะเดียวกันกับเมิ่งเข่อเฟย แต่หลังจากผ่านการต่อล้อต่อเถียงกันมารอบหนึ่งแล้ว ทั้งสองคนก็คงจะไม่กลับมานั่งร่วมโต๊ะกันอีก การมานั่งเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะมันดูเคอะเขินมาก
แม้ว่าถางหยวนหยวนจะคิดว่าเธอเป็นพี่น้องก็ตาม แต่ถ้าเธอไม่ชอบตนเองซะมากมายขนาดนั้นแล้ว เช่นนั้นเธอไม่จำเป็นที่ต้องหน้าด้านหน้าทนต่ออีกแล้ว
แต่เธอไม่รู้ว่า ตนเองต้องเป็นคนไปหาอาจารย์เพื่อบอกกับอาจารย์โดยตรงเรื่องของการเปลี่ยนที่นั่งหรือเปล่า ถ้าเธอเป็นคนเริ่มแล้วละก็ มันจะยิ่งทำให้เฟยเฟยลำบากใจหรือเปล่า?
หรือว่าให้เฟยเฟยไปหาอาจารย์เองเลยดีกว่า
ไม่ง่ายเลยที่จะรอจนกว่าจะเปิดเทอม ถางหยวนหยวนลากกระเป๋าเดินทางไปยังหอพัก
คุณแม่จงก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉะนั้นปีนี้ก็ยังคงเป็นจงฉู่เฟิงกับยู่ฉือยี่ซูเป็นคนมาส่งเธอที่หอพัก พร้อมทั้งช่วยปัดกวาดเช็ดถูกให้ แต่ทว่าด้วยเหตุที่ว่าเสียเวลากับการเดินทางบนท้องถนน เลยมาถึงค่อนข้างช้า
ตอนที่เธอมานั้น จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันก็อยู่ในห้องพักแล้ว เมื่อเห็นว่าด้านหลังของถางหยวนหยวนมียู่ฉือยี่ซูกับจงฉู่เฟิงอยู่ด้วย ทั้งสองคนลุกขึ้นอย่างฉับพลัน
“หยวนหยวน พี่ชายทั้งสอง พวกคุณมากันแล้ว”
“สวัสดีทุกคน” หลังจากที่ถางหยวนหยวนพูดทักทายกับพวกเธอแล้วนั้น สัญชาตญาณก็มองไปทางเตียงนอนของเมิ่งเข่อเฟย เพราะตรงนั้นยังไม่มีคนจัดการเก็บกวาดให้
แม้ว่าคิดอยู่แล้วว่าจะไม่หน้าด้านตอแยเข้าใกล้กับเธออีกแล้ว แต่เหมือนเป็นพี่น้องกันมาตั้งหลายปี ถางหยวนหยวนอดใจไม่ไหวจนต้องถามออกมา “เฟยเฟยล่ะ? เธอยังไม่ได้มาอีกเหรอ?”
“เมิ่งเข่อเฟยเหรอ?” จางเสี่ยวลู่รีบตอบทันควัน “เธอไม่มาแล้วแหละ”
“ไม่มาแล้ว?”
“หยวนหยวน นี่แกไม่รู้เหรอ? เธอได้ขอย้ายห้องพักไปแล้ว ไปอยู่ชั้นบนแทน พอดีเลยไปอยู่ห้องเดียวกันกับเพื่อนๆ สาวกลุ่มพี่น้องของฉันเอง”
เมื่อฟังจบ แววตาของถางหยวนหยวนก็ทอประกายความเศร้าโศกออกมาทันที ดูท่าแล้วเธอไม่ได้แค่ย้ายห้องพัก ที่นั่งก็น่าจะย้ายไปแล้ว
ก็ดี ความสัมพันธ์ของสองคนเป็นไปถึงขั้นนี้แล้ว การทำแบบนี้ก็ถือว่าปกติ ทว่าในใจนั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโดดเดี่ยว เธอไม่คิดมาก่อนจริงๆ ว่าเข่อเฟยจะไม่คิดไปมาหาสู่กับเธอจริงๆ
“หยวนหยวน แค่ปิดเทอมฤดูหนาวเองนะ แกกับเฟยเฟยมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ? ทำไมพอกลับมาแล้วเธอถึงได้ย้ายห้องไปซะได้ล่ะ?”
“ใช่สิ นางไม่ได้ทำร้ายแกใช่ป่ะ?”
เพราะว่ายู่ฉือยี่ซูกับจงฉู่เฟิงทั้งสองคนยังอยู่ ฉะนั้นทั้งสองคนนั้นแสดงท่าทางคอยเป็นห่วงเป็นใยถางหยวนหยวนเป็นพิเศษ อีกทั้งยังพยายามยืนอยู่ฝั่งข้างหยวนหยวน จนถึงขั้นแกมรังเกียจเมิ่งเข่อเฟยด้วยซ้ำ
“หยวนหยวน เธอก็ขอย้ายห้องไปแล้ว งั้นก็ปล่อยไปเถอะ เราอยู่กันสามคนก็เหมือนกัน ต่อไปถ้าเธอไม่ยอมมาเที่ยวเล่นกับแกอีก งั้นแกก็มาเที่ยวเล่นกับพวกเราแล้วกัน”
“ใช่สิ ใช่สิ พวกเราจะดูแลแกให้ดีเอง”
“ขอบใจพวกแกนะ ฉันขอตัวเก็บกวาดก่อนนะ”
ถางหยวนหยวนเอากระเป๋าหนังสือวางอยู่บนโต๊ะหนังสือ จากนั้นก็เดินไปห้องน้ำ การแสดงออกของยู่ฉือยี่ซู ได้แต่เม้มริมฝีปากบาง จากนั้นก็เดินตามไป
เมื่อเดินเข้าห้องน้ำแล้ว พลันเห็นดวงตาของสาวน้อยแดงแจ๋ยืนอยู่ตรงนั้น
“มันไม่คู่ควร”
เขาค่อยๆ เอ่ยปากพูด จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วหยิบผ้าขนหนูที่อยู่ด้านข้างออกมา “ทำความสะอาดห้องกันเถอะ”
“อืม” ถางหยวนหยวนน้ำตาไหลนองพร้อมทั้งกลั้นน้ำตาเอาไว้ จากนั้นก็ยิ้มให้ “ไม่มีอะไรแล้วพี่ชาย มันก็แค่รู้สึกทุกข์ใจขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้นเอง ผ่านไปสักพักมันก็จะดีขึ้น”
ยู่ฉือยี่ซูยื่นมือออกมา ฝ่ามือก็วางอยู่บนกระหม่อมศีรษะของเด็กสาว นัยน์ตาเคร่งขรึมเล็กน้อย
“อย่าได้ทุกข์ใจไปกับคนที่ไม่หวงแหนคุณ ใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น”
“อืม”
ถางหยวนหยวนเอากะละมังออกมารอน้ำสะอาด จากนั้นก็เอาผ้าขนหนูจุ่มลมไปแล้วซักพร้อมทั้งบิดให้แห้ง “ฉันขอออกไปเช็ดหน้าต่างก่อน”
“หน้าต่างมันสูงเกิน ฉันทำเอง คุณเอาผ้าห่มออกมาแล้วเอาไปตากแดดไป แล้วก็ไปเช็ดตู้เสื้อผ้าสักหน่อยก็พอแล้ว”
ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยู่ฉือยี่ซูก็เอาผ้าขนหนูที่อยู่ในมือของเธอเดินออกไป
ถางหยวนหยวนอยู่ด้านในอยู่นานเพื่อต้องการปรับสภาพจิตใจของตนเอง จนถือกะละมังพลาสติกออกมา
เดิมทีเธอคิดว่าจะได้ยินว่ายู่ฉือยี่ซูบอกว่าจะไปเช็ดตู้เสื้อผ้าของตนเอง จากนั้นก็จะไปเก็บข้าวของ แต่เมื่อเดินมาถึงด้านข้างของตู้เสื้อผ้านั้น จงฉู่เฟิงก็เอาผ้าขนหนูที่อยู่ในมือของเธอไป “ฉันจัดการเอง ฉันเอง”
เบื่อจริงๆ เธอได้แต่เช็ดกระดานวางที่นอน แต่ผลที่ได้คือจางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันรีบเข้ามาแย่งงานทันที จนถึงขั้นผลักถางหยวนหยวนไปด้านข้างเลย
“หยวนหยวนเอ๊ย แกไปนั่งรออยู่ตรงด้านข้างเถอะ หรือไม่ก็ไปนั่งเขี่ยโทรศัพท์เล่นไป หรือก็อ่านหนังสือซะ พวกเราทำแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว”
ตลกแล้ว ปีนี้คนที่น่ารำคาญอย่างเมิ่งเข่อเฟยก็ไปแล้ว เหลือแค่พวกเธอสามคน แถมตอนนี้อารมณ์ของถางหยวนหยวนก็ดูทุกข์ใจมากแน่ๆ พวกเธอสามารถใช้จังหวะนี้เสแสร้งแกล้งทำ เพื่อแย่งตำแหน่งเพื่อนสนิทของถางหยวนหยวนมาแทน
ระยะเวลาผ่านมา 2 ปีแล้ว จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันก็ได้คิดไว้ดีตั้งแต่แรกแล้ว
ถึงแม้ว่าไม่อาจจะสานสัมพันธ์กับยู่ฉือยี่ซูให้มาอยู่ด้วยกันได้ก็ไม่เป็นไร ฐานะครอบครัวของจงฉู่เฟิงก็ฐานะดี ไม่ได้อันนั้นก็ไม่เป็นไร
คงไม่อาจจะเลือกคนคนเดียวเพื่อรอให้แห้งเหี่ยวเฉาตายคาต้นบนหอคอยกระมัง ผู้ชายอันยอดเยี่ยม ฐานะครอบครัวร่ำรวยก็มีตั้งมากมาย
การที่มีมิตรภาพที่ดีกับหยวนหยวน ก็จะได้ใกล้ชิดกับตระกูลหาน ตระกูลเย่ ตระกูลยู่ฉือ แถมยังมีธุรกิจขนาดใหญ่อีกนับไม่ถ้วน ลักษณะเช่นนี้มันสำคัญกว่าผู้ชายคนหนึ่งเป็นไหนๆ
พูดได้เลยว่าถางหยวนหยวนได้แต่ยืนอ้าปากค้าง เพราะว่าเช่นนี้มันหมายความว่าเธอไม่มีงานให้ทำเลย ได้แต่ยืนเซ่อซ่าอยู่ด้านข้าง
แค่เธอเดินเฉียดเข้าไปก็จะโดนผลักออกมาทันที ดังนั้นท้ายที่สุดแล้วหยวนหยวนไม่มีงานอะไรให้ทำเลยสักอย่าง
รอจนจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอรู้สึกว่าทำตัวไม่ถูก เลยเชิญทุกคนไปกินชาบูหม้อไฟด้านนอกโรงเรียน เพราะว่าช่วงนี้เป็นฤดูหนาว สุดท้ายเลยเลือกกินชาบูหม้อไฟเนื้อ
หลังจากินชาบูหม้อไฟเสร็จแล้ว ชายหนุ่มสองคนเอาเด็กสาวสามคนกลับมาส่งโรงเรียนจากนั้นก็กลับไป
ตลอดเส้นทางเดินกลับมายังหอพัก จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันเดินเกี่ยวแขนถางหยวนหยวนพร้อมทั้งพูดคุยหยอกล้อกันตลอดทาง
“หยวนหยวน แกอย่าได้เสียใจจนทุกข์ใจไปเลย ถึงตอนนั้นเมิ่งเข่อเฟยไม่ยอมนั่งเป็นเพื่อนโต๊ะเดียวกันกับแก แกก็มานั่งโต๊ะเดียวกับพวกเราก็ได้แล้ว จะเลือกนั่งกับใครก็ตามสบายเลย”
“ใช่ ใช่ ใช่ แกอยากจะนั่งโต๊ะเดียวกับใคร ถึงตอนนั้นพวกเราก็ไปขอย้ายโต๊ะที่นั่งกับอาจารย์เอา หรือว่าพวกเราคอยสลับสับเปลี่ยนมานั่งเป็นเพื่อนแก เป็นไง?”
ถางหยวนหยวนตกใจกับอาการกระตือรือร้นของทั้งสองคน “ไม่ ไม่ต้องแล้ว”
“อย่ากลัวไปเลยหยวนหยวน พวกเราก็กลัวว่าแกจะเสียใจ เลยอยากมานั่งเป็นเพื่อนเท่านั้น”
“ใช่ ใช่ ก่อนหน้านี้พวกเราทำเรื่องทำให้แกลำบากใจอยู่บ้าง แต่ว่าหลังจากนั้นพวกเราก็ได้เข้าไปขอโทษแล้ว อีกอย่างพวกเราก็ไม่ได้สนใจพี่ชายของแกแล้วด้วย ไม่แย่งกับแกแล้ว ดังนั้นแกวางใจได้เลยนะ”
ถางหยวนหยวน “ฉัน …”
“ใช่สิ ความรู้สึกของแกกับพี่ชายของแกพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว? งานบรรลุนิติภาวะของแกปีนี้ก็เสร็จสิ้นไปแล้ว เมื่อไหร่จะอยู่ด้วยกันล่ะ?”
ถางหยวนหยวนหน้าแดงแจ๋ “ทำไมพวกแก?”