เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 316
บทที่316 ลูกของเธอดวงแข็งจริงๆ
เธอรู้แน่นอนว่าเขาทำตามที่ใจต้องการ
แต่เขาไม่เคยถามว่าเธอต้องการหรือไม่แล้วทำ สิ่งเหล่านี้เพื่อเธอเลย
“แน่นอนว่าคุณหนูเสิ่นไม่ต้องคิดที่จะตอบแทน เขาหรอก ท่านรองประธานเย่ทำเช่นนี้ เขาไม่เคยที่จะให้ คุณหนู่เสิ่นตอบแทนอะไรเขา ยังไงซะ….ท่านรอง ประธานเยก็เป็นคนที่อ่อนโยนมากๆ คุณหนูเสินอย่ารู้สึก กดดันเลย เขาไม่บีบบังคับคุณหรอก”
เสิ่นเฉียว “.”
ก่อนหน้านี้เธอเอาความคิดที่ไม่ดีของตัวเองไป คาดเดาความคิดของคนอื่น แต่เรื่องในตอนหลังเธอไม่ ได้คิดอะไรแบบนั้นอีก
“ฉันเข้าใจแล้ว” เธอพยักหน้า จากนั้นไม่ได้พูด อะไรกับแยจื่ออีก
แยจื่อได้พูดทุกอย่างออกไปแล้ว เธอก็ไม่ได้ รบกวนเธออีก
ต่อมา นางพยาบาลเข้ามาตรวจห้องแล้วก็ได้มา ตรวจร่างกายของเธอ นางพยาบาลรู้สึกโล่งอกขึ้นมา ทันที
“คุณช่างโชคดีแล้วก็ดวงแข็งมาก คุณท้องอยู่ แล้วตากฝนนานขนาดนั้น อีกทั้งยังมีไข้ขึ้นสูง ก่อนหน้านั้นก็มีอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่ทว่าลูกในท้องของคุณไม่ เป็นอะไรเลย ช่างเป็นเด็กน้อยที่โชคดีเหลือเกิน”
“คนในโรงพยาบาลต่างก็รู้สึกกังวลสภาพของ คุณเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสภาพของคุณโอ เคใช้ได้เลย ขอแค่สองวันพักฟื้นร่างกายให้ดีดีก็ไม่มี ปัญหาอะไรแล้ว”
“ขอบคุณ” ใบหน้าที่ขาวซีดของเสิ่นเฉียวหันไป ขอบคุณคนคนนั้น เธอนึกไปนึกมาจึงถามขึ้นมาอีกหนึ่ง ประโยค “ขอถามได้มั้ยว่าเขาเป็นยังไงบ้าง?”
คุณหมออึ้งไปสักพัก หลังจากที่รู้ว่าเธอหมายถึง ใคร คุณหมอก็ดูเคร่งขรึมทันที “สภาพของเขาแย่กว่า คุณมาก อุบัติเหตุทางรถยนต์ในครั้งนั้นเขาได้รับบาด เจ็บมากกว่าคุณ ถึงแม้ว่าจะเป็นบาดแผลภายนอก แต่ บาดแผลเหล่านั้นค่อนข้างใหญ่ อีกทั้งภายหลังเขาไป ตากฝนอีก เขาไม่ยอมให้พวกเรารักษาบาดแผลแล้วฝืน ทนที่จะดูแลคุณด้วยตัวเอง มันเลยทำให้เขามีไข้ขึ้นสูง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว สีหน้าของเสิ่นเฉียวก็ขาวซีด มากขึ้นกว่าเดิม “งั้นเขา….”
“ตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้ว คุณวางใจได้ ร่างกาย ของเขาค่อนข้างแข็งแรง อีกทั้งยังมีแรงใจที่แข็งแกร่ง คาดว่าไม่นานคงจะฟื้นขึ้นมา”
เสิ่นเฉียวจึงค่อยๆรู้สึกโล่งอกขึ้นมา ต่อมาเธอก็
นึกถึงเย่โม่เซิน
หนึ่งคืนผ่านไป ไม่รู้ว่าฝั่งเขาจะเป็นยังไงบ้างไม่รู้ว่าเขายังโกรธเคืองเธอหรือไม่อยากเจอเธออยู่รึ เปล่า?
แต่ตอนนี้เย่หลิ่นหานยังไม่ฟื้นขึ้นมา เสิ่นเฉียวก็ ไม่กล้าที่จะออกไป เธอได้แต่นอนอยู่บนเตียง หลังจากที่ไข้ลด มือเท้าของเธอก็อ่อนระทวย
หมดเรี่ยวแรง เธอทำได้เพียงนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง
เมื่อถึงตอนกลางวันแยจ่อตั้งใจให้แม่ของตัวเอง ต้มโจ๊กและเอาเครื่องเคียงมาที่นี่ จากนั้นยกอาหารให้ กับเส้่นเฉียว คุณแม่ของแยจื่อเป็นผู้หญิงที่ใจดีมีเมตตา มาก เมื่อเห็นสภาพของเสิ่นเฉียวแล้ว เธอเอาแต่กำชับ ให้เธอบำรุงดูแลร่างกายตัวเองดีดี
แยจื่ออดไม่ได้จึงพูด “แม่ฉันให้แม่เอาโจ๊กมาส่ง เฉยๆ แม่อย่าพูดเยอะเลย จะทำให้คนอื่นไม่ชอบเอาได้”
คุณแม่ของแยจื่อยิ้มแฉ่งแล้วพูด “อย่าถือสาเลย นะแม่สาวน้อย ฉันก็นิสัยแบบนี้แหละ เห็นว่าแม่หนูอายุ พอๆกับลูกสาวของฉันเลยรู้สึกเจ็บปวดใจน่ะ”
เสิ่นเฉียวรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เธออดไม่ได้ที่จะเม้ม ปาก “ไม่หรอกค่ะ โจ๊กของคุณป้าอร่อยมากๆค่ะ คุณดีกับ ลูกสาวมากๆอีกด้วย ขอบคุณค่ะ”
จากนั้นเธอจึงนึกถึงแม่ของตัวเอง
เหมือนกับว่าตั้งแต่ที่ยังเด็กมาก แม่ก็มอบความ รักความใส่ใจให้กับเสิ่นโย่วน้องสาวของเธอไปหมด ตอนที่เธอไม่เด็กมาก เธอเคยถือสาเรื่องนี้มาก่อน เพราะ รู้สึกว่าแม่ไม่รักเธอ อีกทั้งยังรักเสิ่นโย่วมากกว่า
แต่ต่อมาเมื่อโตขึ้น เธอก็คิดว่ายังไงซะเสิ่นโย่วก็ คือน้องสาว พวกเธอสองพี่น้องต่างก็เป็นลูกแท้ๆของแม่ ในโลกใบนี้มีแม่ที่ไหนที่จะไม่รักลูกของตัวเองกัน แต่ เสิ่นโย่วเป็นน้องสาว ดังนั้นเธอรักเสิ่นโย่วมากกว่าก็คง เป็นเรื่องปกติ
เสิ่นเฉียวใช้ความคิดนี้เพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองเอาไว้ จนสุดท้ายเธอเองก็ทำดีต่อเสิ่นโย่วมาก ความคิดเช่นนี้ ถูกฝังลึกอยู่ในสมองของเธอ
จนกระทั่ง…ที่แม่ให้เธอแต่งงานเข้าตระกูลเย่ แทนเงินโย่ว
อีกทั้งพอมาตอนหลังแม่ก็เปลี่ยนไป เอาเงินออม ของเธอมอบให้เสิ่นโย่ว อีกทั้งเอาเงินจากเย่หลิ่นหาน ไปสามแสนหยวน ต่อมาเมื่อเธอกลับบ้าน แม่ไม่เคยถาม ถึงบาดแผลบนร่างกายของเธอ แต่กลับมาขอเงินกับเธอ
ทันใดนั้นเธอได้แต่สงสัยว่าตกลงตัวเองเป็น ลูกสาวแท้ๆของตระกูลเสิ่นรึเปล่า
ถ้าเธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของตระกูลเสิ่น แล้วเธอ เป็นลูกตระกูลไหนกัน?
ถ้าในตอนที่เธอเข้าโรงพยาบาล คนที่มาเยี่ยมดู เธอคือแม่ของตัวเองก็คงจะดี เสิ่นฉียวคิดเช่นนี้ จากนั้น ใบหน้าของเธอก็เผยให้เห็นถึงความโศกเศร้า
“เป็นอะไรไปหรอ? ฉันพูดอะไรผิดไปรึเปล่า?” คุณแม่ของแยจื่อเห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ค่อยปกติจึง ถามขึ้นมา จากนั้นเธอจึงรู้สึกโทษตัวเองเล็กน้อย”ขอโทษด้วยนะ ฉันพูดไม่หยุดมาดลอดเลย ฉันเก็บของ แล้วออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นเฉียวจึงดึงสติกลับมาจากนั้น รีบพูด “คุณป้าคุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ ฉันแค่มองเห็นคุณ แล้วนึกถึงแม่ของฉันน่ะ ดังนั้น…ฉันจึงรู้สึกคิดถึงเธอ ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณต้องเข้าใจผิด”
“แบบนี้นี่เอง ฉันนึกว่าฉันพูดจาอะไรที่ทำให้คุณ รู้สึกรำคาญนะ”
แยจื่อพูดด้วยความเอื้อมระอา “แม่ ถ้าแม่ยังพูด ไม่หยุดก็จะทำให้คนอื่นรู้สึกรำคาญขึ้นมาจริงๆแล้วนะ คุณรีบกลับไปก่อนเถอะ ท่านรองประธานของพวกเรายัง นอนพักอยู่เลย เสียงแม่ดังขนาดนี้จะไปรบกวนเขาได้”
เมื่อฟังจบ แม่ของแยจื่อก็หันไปมองเย่หลิ่นหาน หนึ่งที่ เธอจึงรับรู้ได้ว่าเสียงของตัวเองดังไปหน่อยจึง รีบเอามือมาปิดปากของตัวเอง “งั้นฉันไปก่อนนะ!”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา แยจื่อโบกมือให้ เธอ “รีบกลับไปเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวพ่อรอนานแย่เลย” ก่อนที่แม่ของแยจ่อจะเดินออกไปจากห้องพัก เธอโบกมือให้กับเสิ่นเฉียว เสิ่นเฉียวก็โบกมือลาเธอเช่น
กัน จากนั้นเธอจึงเดินออกจากห้องไป
หลังจากที่เธอออกไปแล้ว แยจื่อก็ถอนหายใจ ออกมาอย่างเอื้อมระอา “ขอโทษด้วยนะ แม่ของฉันมี นิสัยแบบนี้แหละ คงจะเสียงดังรบกวนพวกคุณ”
“ไม่เป็นไร คุณป้านิสัยดีมากๆเลย พวกคุณจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ”
แยจื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา จากนั้นพยักหน้า “มันก็จริง แม่ของฉันไม่มีอะไรในใจหรอก อีกทั้งเป็นคน มีมนุษยสัมพันธ์ดีมากกับคนอื่น บางทีพ่อของฉันก็จะ รู้สึกระอาใจเล็กน้อย เพราะเธอเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี จนเกินเหตุจนทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัด แต่ตัวเธอเองกลับ ไม่ได้รู้สึกถึง”
พูดๆอยู่ แยจื่อก็เผลอยิ้มออกมา
เมื่อมองเห็นรอยยิ้มที่จริงใจของเธอ เสิ่นเฉียวก็ รู้สึกอิจฉาอยู่ในใจลึกๆ ถ้าเป็นไปได้ละก็เธอเองก็อยาก จะมีครอบครัวที่แน่นแฟ้นและมีความสุขเช่นนี้
จริงๆแล้วเธอก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย เธอ แค่บางทีก็คิดว่าตัวเองแต่งงานออกเรือนไปแล้ว ตอนที่ เธอกลับไปที่บ้านของเธอ แม่จะเข้ามาถามว่าเธอสบายดี มั้ย กอดเธอ เธอก็พอใจมากแล้ว
แต่….สิ่งเหล่านี้..กลับไม่มี
เพียงแค่สิ่งเหล่านี้ที่ไม่มี
“รีบดื่มโจ๊กเถอะ อีกเดี๋ยวถ้ามันเย็นแล้วจะไม่ อร่อย” แยจื่อเห็นว่าเธอกำลังนั่งครุ่นคิดอยู่จึงพูดดึงสติ เธอเพื่อไม่ให้เธอคิดฟุ้งซ่าน
เสิ่นเฉียวจึงดึงสติกลับมาแล้วพยักหน้า
หลังจากที่พวกเธอกินข้าวเรียบร้อยแล้ว แยจื่อก็ นั่งเป็นเพื่อนเธอไปสักพัก เย่หลิ่นหานค่อยๆตื่นขึ้นมาเสิ่นเฉียวที่กำลังจะเคลิ้มหลับไป เมื่อได้ยินเสียงจึงรีบ หันหน้าไปมองทางเย่หลิ่นหานทันที
“ท่านรองประธาน คุณฟื้นแล้ว” แยจื่อรีบพุ่ง เข้าไปถามไถ่เขา จากนั้นจึงยกอาหารเทน้ำให้กับเขา ดูแลอย่างใกล้ชิดและใส่ใจ สายตาของเย่หลิ่นหานมอง ไปตำแหน่งที่เสิ่นเฉียวอยู่