เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 325
บทที่325 เธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของคุณ
เดิมที่สีหน้าของคุณแม่เสิ่นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ หลังจากที่ได้มองเห็นรูปใบนั้นแล้ว สีหน้าของเธอก็ เปลี่ยนไปทันที จากนั้นเธอเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองซูจิ๋ว
“นี่มันหมายความว่ายังไง?”
ซูจิ๋วยิ้มอ่อนๆ “ดูจากปฏิกิริยาของคุณหญิงเส้น แล้ว คุณเคยเห็นรูปใบนี้มาก่อนแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คุณแม่เสิ่นรีบโต้ตอบทันที เธอ โบกมือ “ไม่เคยเห็น แน่นอนว่าฉันไม่เคยเห็นรูปใบนี้ ฉัน แค่ไม่เข้าใจว่าพวกคุณเอาสิ่งนี้มาให้ฉันเพื่ออะไร? ฉันก็ ไม่ได้รับทำสิ่งนี้…หรือว่าพวกคุณต้องการให้ฉันทำ สร้อยยันต์คุ้มกันให้กับพวกคุณ? หูหุหุ.
ซูจิ๋วเองก็ไม่รีบเร่งอะไร สายตาเธอนิ่งเฉยแล้ว วางรูปต่อไปไว้ตรงหน้าของคุณแม่เสิ่น
“คุณหญิงเสิ่นไม่รู้จักสร้อยยันต์คุ้มกันไม่เป็นไร คุณลองดูรูปนี้.
คราวนี้ในภาพเป็นรูปของเด็กทารกคนหนึ่ง ผิว ขาวราวกับหิมะ ดวงตากลมโต อีกทั้งมีจมูกและปากเล็กๆ ถึงแม้ว่าจะยังเด็ก แต่โหงวเฮ้งดูดีเป็นอย่างมาก
อีกทั้งเด็กทารกในภาพตรงบริเวณคอสวมใส่ สร้อยยันต์คุ้มกันเหมือนกับในภาพนั้น
เมื่อมองเห็นภาพใบนี้ คุณแม่เสิ่นเริ่มนั่งไม่นิ่ง มือที่วางอยู่ใต้โต๊ะเริ่มสั่นขึ้นมา
“คุณหญิงเสิ่นไม่รู้จักสร้อยยันต์คุ้มกัน แต่น่าจะ รู้จักเด็กทารกคนนี้สินะ?”
เมื่อโดนซูจิ๋วถามเช่นนี้ คุณแม่เสิ่นจึงรีบสายหัว ด้วยความกระวนกระวายใจทันที “ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูด อะไร เด็กทารกคนนี้เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน? คุณเอารูป เด็กทารกคนนี้มาต้องการจะถามอะไรฉัน? ฉันว่าฉันไม่มี อะไรที่จะสามารถตอบพวกคุณได้ พวกคุณออกไปเถอะ”
เมื่อพูดจบ คุณแม่เสิ่นลุกขึ้นมาต้องการจะส่งแขก
น้ำเสียงของซูจิ๋วเริ่มเข้มขึ้นมาเล็กน้อย “คุณ หญิงเสิ่นจำไม่ได้แม้แต่รูปของลูกสาวดัวเองงั้นหรอ? หรือว่าเวลามันผ่านไปนานมากแล้วเลยทำให้คุณลืมว่า ตอนที่ลูกสาวของคุณพึ่งเกิดหน้าตาเป็นยังไง?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คุณแม่เสิ่นจ้องมองเธออย่างตัว
สั่น
ซูจิ๋วยังคงมีสีหน้าที่ยิ้มและมีท่าทีที่ใสซื่อและไร้ พิษภัยเช่นเคย “คุณหญิงเส้นสามารถลองคิดดูดีดีอีก ครั้งค่ะ คุณไม่รู้จักเด็กทารกคนนี้จริงๆหรอ?”
คุณแม่เสิ่นก้มหน้าลงแล้วจ้องมองภาพของเด็ก ทารกคนนั้นอีกครั้ง
จากนั้นเธอเริ่มคิดถึงอะไรบางอย่าง เลือดฟาดบน ริมฝีปากของเธอค่อยๆซีดจางมากขึ้น ยังไงเธอก็มีชีวิต มาเกินครึ่งชีวิตขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอปัญหา อะไรสักหน่อย เธอทำให้ตัวเองใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว
เธอนั่งลงมาอีกครั้ง จากนั้นหายใจเข้าลึกๆแล้ว พูด “ฉันไม่รู้ว่าในวันนี้พวกคุณต้องการจะทำอะไร ตอน แรกฉันนึกว่าเป็นเพื่อนของโย่วโย่ว ดังนั้นจึงพูดด้วยดีดี พวกคุณมีคำถามอะไรอยากจะถามฉัน ฉันสามารถตอบ พวกคุณได้ แต่…ตอนนี้พวกคุณเอารูปอะไรไม่รู้สองรูป มาให้ฉัน มันหมายความว่าอะไร?”
“คุณหญิงเสิ่นไม่ต้องเครียดค่ะ พวกเราแค่อยาก จะถามว่าตกลงคุณไม่รู้จักเด็กทารกในรูปและสร้อยยันต์ คุ้มกันคู่นี้จริงๆใช่มั้ย?”
“ไม่รู้จัก” คุณแม่เสิ่นตอบด้วยความมุ่งมั่นและยืน
หยัด
ซูจิ๋วก็ไม่เครียดอะไรเช่นกัน เธอเปิดแฟ้มเอกสาร ของตัวเอง วันนี้พวกเธอได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แน่นอนจะไม่เป็นเพราะว่าคุณแม่เสิ่นได้ปฏิเสธแล้วเธอ จะยอมแพ้
เธอวางรูปอีกใบลงบนโต๊ะ “ภาพนี้คือรูปลูกสาว คนโตของคุณหญิงเสิ่นตอนเธออายุหนึ่งขวบ ตอนนั้น คุณกับสามีและลูกสาวคนโตของคุณได้โพสต์รูปนี้บนโซ เชียลเน็ตเวิร์ก ถึงแม้ว่าภายหลังคุณจะลบมันไป แต่ก็ยัง คงเหลือเบาะแสเอาไว้อยู่”
“เบาะแสอะไร? คุณกำลังพูดบ้าอะไร?” คุณแม่ เส้นจ้องมองรูปใบนั้น เธอเริ่มลนลานและอยู่ไม่สุขขึ้นมา
“รูปใบนี้ ถ้าเอาลูกสาวคนโตของคุณกับเด็กทารก คนนั้นในรูปมาเทียบกันแล้ว จะสามารถมองออกว่าหน้าตาโหงวเฮ้งต่างๆนั้นดูเหมือนกัน”
“ห์ เด็กสาวอย่างคุณพูดอะไรช่างน่าตลกเหลือ เกิน? เด็กในภาพที่คุณเอามามันก็แค่เด็กทารกคนหนึ่ง มันจะไปดูโหงวเฮ้งหน้าตาว่าจะเป็นแบบไหนได้ยังไง กัน? คุณกล้าดียังไงมาบอกว่าหน้าตาโหงวเฮ้งต่างๆดู เหมือนกัน”
“คุณหญิงเสิ่นไม่ยอมรับไม่เป็นไรงั้นคุณสามารถ อธิบายสร้อยยันต์คุ้มกันที่อยู่บนคอของลูกสาวคนเล็ก ของคุณได้มั้ย?”
ซูจิ๋ววางรูปอีกใบไว้บนโต๊ะ คราวนี้คนในรูปคือ เฉินโย่ว หลังจากที่เธอเกิดมาได้ไม่นาน ตรงคอของเธอ ก็มีสร้อยยันต์คุ้มกันเพิ่มขึ้นมาอีกอัน มันเหมือนกับอันที่ เด็กในภาพก่อนหน้านั้นใส่ไม่มีผิดเพี้ยน
“นี่.
“หรือว่าคุณหญิงเส้นจะยังยืนยันว่าไม่รู้จักสร้อย ยันต์คุ้มกันอันนี้อีกหรอ?”
สายตาที่นิ่งของซูจิ๋วจ้องมองไปที่เธอ แต่ทว่า ใบหน้ากลับไม่มีรอยยิ้มใดใด
หานชิงก็เริ่มจ้องมองคุณแม่เสิ่น สายตาที่เฉียบ แหลมของเขาจ้องมองเธอจนเธอเริ่มอยู่ไม่นิ่ง
“อันนี้…สร้อยยันต์คุ้มกันก็เห็นได้ทั่วไป พวกคุณ พูดได้ยังไงว่าสร้อยยันต์คุ้มกันอันนี้ก็คืออันเดียวกันกับที่ พวกคุณตามหาอันนั้น? อีกอย่างถ้าสร้อยยันต์คุ้มกันอันนี้ คืออันเดียวกันกับที่พวกคุณพูดอันนั้น ทำไมฉันถึงไม่ยอมรับล่ะ? มันไม่มีอะไรที่ไม่น่ายอมรับหรอกจริงมั้ย?”
ตอนที่คุณแม่เสิ่นกำลังพูดน้ำเสียงของเธอเริ่มสั่น ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามปิดบัง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหานชิง ผู้มีออร่าที่ยิ่งใหญ่แล้วเธอกลับไม่สามารถปิดบังอะไรได้
“เพราะว่าลูกสาวของคุณ ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของ
คุณ”
“คุณพูดอะไรนะ?” คำพูดของซูจิ๋วสะกิดใจของ คุณแม่เสิ่นทันที เธอลุกขึ้นมาแล้วถลึงตาจ้องมองเธอ “คุณอย่ามาพูดไปเรื่อยนะ!!”
ซูจิ๋วเปิดแฟ้มเอกสาร จากนั้นมองเอกสารแล้วพูด “คุณหญิงเสิ่นกับคุณผู้ชายเสิ่นแต่งงานกันมาสามปีไม่มี ลูกมาตลอด ดังนั้นภายใต้การแนะนำของเพื่อนของพวก คุณแนะนำหมอดูคนหนึ่งมาให้ หมอดูบอกให้พวกคุณไป รับเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง อีกทั้งให้ดูแลเลี้ยงดูเธอเป็นอย่างดี ตอนที่พวกคุณไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าพวกคุณได้ เจอกับโจรค้ามนุษย์ที่ลักพาตัวเส้นเฉียวมาพอดี จากนั้น พวกคุณเลยพาเธอกลับมา”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ คุณแม่เสิ่นรีบพูดแทรกคำพูด ของเธอ “คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร? อะไรคือโจร ค้ามนุษย์? พวกเราไม่ได้ลักพาตัวเสิ่นเฉียวไปขายนะ!”
“ฟังจากคำพูดนี้ของคุณหญิงเสิ่นนั่นหมายความ ว่าคุณยอมรับว่าเสิ่นเฉียวไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของคุณ แล้ว?” ซูจิ๋วพูดถึงจุดสำคัญ อีกทั้งพูดจี้ใจดำเธอ
ในที่สุด คุณแม่เสิ่นจึงค่อยๆทรุดตัวลงแล้วนั่งอยู่บนที่นั่งเดิมของตัวเอง นึกไม่ถึง…ว่าเธอจะพูดออกมา ขนาดนี้
ซูจิ๋วเอามือปัดเส้นผมสีดำที่อยู่บนหน้าผากของ ตัวเองไปด้านหลัง ริมฝีปากสีแดงเบะขึ้นมาเล็กน้อย จาก นั้นพูดต่อ “หลังจากที่พวกคุณสองสามีภรรยาได้พาเด็ก คนนั้นกลับมาบ้าน พวกคุณก็รักเธออย่างสุดหัวใจ เพราะ พวกคุณไม่มีลูกสาวแท้ๆของตัวเอง ดังนั้นพวกคุณเลย รักเธอดังแก้วตาดวงใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี อยู่ๆ คุณก็ตั้งท้องขึ้นมา ในปีที่สองคุณก็ได้คลอดเด็กผู้หญิง คนหนึ่งออกมา หลังจากที่พวกคุณมีลูกสาวแท้ๆของตัว เอง พวกคุณก็เริ่มขับไล่เด็กที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆของพวกคุณ ดังนั้นต่อให้เธอโดนโจรค้ามนุษย์ลักพาตัวมา คุณหญิง เสิ่นก็ยังคิดว่าเป็นความซวยของเด็กคนนี้เอง แม้แต่แจ้ง ความก็ไม่มี แต่คุณหญิงเสิ่นนึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์การ ลักพาตัวในครั้งนั้นคือคดีการลักพาตัวที่ยิ่งใหญ่อันหนึ่ง ตำรวจสืบแหล่งของกระบวนการค้ามนุษย์จนถึงที่สุด เด็กที่อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนั้นแจ้งตำรวจ ว่าคุณเป็นคนรับเด็กไป”
พรึบ!
ซูจิ๋วปิดแฟ้มเอกสาร มีเสียงดังก้องออกมาชัดเจน
หนึ่งที่
คุณแม่เสิ่นตกใจทันที ร่างกายของเธอสั่นไม่หยุด จากนั้นเธอเงยหน้าขึ้นมามองซูจิ๋ว
“ทำไมถึงใจร้ายเช่นนี้? เด็กคนนั้นคือเด็กที่คุณ เป็นคนไปรับมาเลี้ยงเอง ถึงขั้นเคยรักเธอประดุจแก้วตาดวงใจมาก่อน แต่เป็นเพราะคุณมีลูกสาวแท้ๆของคุณ เอง คุณจึงทอดทั้งเธอ เสียดายที่สวรรค์ไม่ได้เข้าข้าง คุณ เด็กคนนั้นยังคงกลับมา แต่หลังจากที่กลับมาแล้ว เธอกลับต้องทนรับการปฏิบัติหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ ยุติธรรมกับเธอ”