เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 592
บทที่592 ไม่อยากจะเป็นเหยื่อ
เย่หลิ่นหานเม้มปากแน่น แล้วก็มองเธอเงียบๆ เหมือนกับว่ากำลังไตร่ตรองอะไรอยู่
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงได้พูดด้วยเสียงเรียบว่า “ไม่ใช่ว่าความจำไม่ดี แต่ว่าฉันไม่เคยโกหกเธอต่างหาก เธอพูดถึงเรื่องไหนงั้นเหรอ? ”
หานมู่จื่อเตือนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ก็ที่จัดฉากงานเลี้ยงเมื่อปีนั้นไง ไม่ใช่ฝีมือนายงั้นเหรอ? ” ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะงานเลี้ยงในครั้งนั้น ระหว่างเธอกับเย่โม่เซินจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันใหญ่โตขนาดนั้นได้ยังไง?
ถึงแม้เธอจะรู้ว่าหากทั้งสองคนมีความเชื่อใจกัน ก็จะไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
แต่ว่า หานมู่จื่อจะไม่ไปสงสัยเย่หลิ่นหานได้ยังไงกันล่ะ?
ยังไงซะ ตอนนั้นนายท่านอยากให้เธอคอยจับตามองเย่หลิ่นหาน แล้วอีกอย่างตอนนั้นเย่หลิ่นหานเย่หลิ่นหานก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเธอไม่กล้าเชื่อหรอกว่าเขาจะบริสุทธิ์ขนาดนั้น
เย่หลิ่นหานอึ้งไป
เหมือนกับไม่กล้าจะเชื่อยังไงยังงั้น ดวงตาที่อ่อนโยนราวกับน้ำเต็มไปด้วยความประหลาดใจ หลังจากนั้นก็มีสีหน้าที่เจ็บปวด
สุดท้าย เขาก็ก้มหน้าลง แล้วก็หัวเราะเยาะตัวเองแบบขมขื่น พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ที่แท้เธอก็คิดแบบนี้นี่เอง”
“ฉันคิดแบบนี้มาตลอด”หานมู่จื่อมองเขา “ดังนั้น ตอนนี้ยกเลิกสัญญาได้รึยัง? ไม่ว่าจุดประสงค์ของนายจะคืออะไร ไม่ว่าจะเป็นห้าปีก่อนหรือห้าปีหลังจากนี้ ฉันก็ไม่อยากจะกลายเป็นเหยื่อของพวกนายอีกแล้ว”
เย่หลิ่นหานค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ทันใดนั้นก็จับมือของเธอที่วางอยู่บนโต๊ะ หานมู่จื่อผงะไปเมื่อสัมผัสกับฝ่ามือที่อ่อนโยนของเขา จิตใต้สำนึกสั่งให้เธอดึงมือกลับ
แต่ว่าเย่หลิ่นหานเพิ่มแรก จับมือเธอไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม ดวงตาสีดำจ้องเธออย่างไม่ได้รู้สึกโกรธ
ความอ่อนโยนก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว ตอนนี้ดวงตาของเขาถูกแทนที่ด้วยความเศร้าโศกแทน
“เธอบอกว่าฉันเป็นคนจัดฉากขึ้นมา หรือว่า……อุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อตอนนั้นฉันก็เป็นคนจัดฉากยังงั้นเหรอ? ”
เดิมทีหานมู่จื่อก็อยากจะขัดขืน แต่พอได้ยินประโยคนี้ การกระทำและเรี่ยวแรงทั้งหมดของเธอก็หายไปในทันที นั่งอึ้งอยู่แบบนั้น
พอนึกถึงอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อตอนนั้น หานมู่จื่อก็หน้าซีดเล็กน้อย ริมฝีปากเปิดออกเล็กน้อย มองหน้าเย่หลิ่นหานแต่พูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่ประโยคเดียว
แน่นอนว่าเธอ……ไม่มีทางคิดว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ในครั้งนั้นเป็นฝีมือของเขา
อุบัติเหตุทางรถยนต์นั้นมันเป็นเหตุสุดวิสัย แต่ว่าแล้วเรื่องก่อนหน้านั้นล่ะ?
ทันใดนั้น หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าเมื่อกี้นี้สิ่งที่เธอพูดมันเกินไปหน่อย ยังไงซะตอนนั้นเขายังเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องเธอ ถ้าเกิดว่าไม่มีเขาล่ะก็ เธอก็คงบาดเจ็บหนักไปแล้ว
พอคิดได้แบบนี้แล้ว หานมู่จื่อก็ก้มหน้าลง
“ขอโทษ คือว่าฉัน……”
“ช่างเถอะ” เย่หลิ่นหานตัดบทเธอ แล้วก็ค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา “เธอก็รู้ ไม่ว่าเธอจะพูดหรือว่าทำอะไร ฉันก็ไม่มีวันว่าเธอหรอก”
หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นมา แล้วก็มองหน้าเขาด้วยสายตาที่เจ็บปวด
ก็เพราะว่าเขาเป็นแบบนี้ หานมู่จื่อก็เลยไม่อยากจะรู้จักเขา
เพราะไม่ว่าเธอจะพูดอะไรกับเขาแรงเกินไปแค่ไหน เขาก็จะไม่สนใจ
แล้วก็จะให้อภัยเธอ
หานมู่จื่อรีบลุกขึ้นยืน แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “นายอย่าเอาแต่เป็นแบบนี้สิ ฉันพูดกับนายแบบนั้น นายไม่โกรธฉันเลยรึไง? หรือว่าเพราะนายคิดว่าถ้าเกิดว่านายไม่โกรธ แล้วฉันจะรู้สึกผิดงั้นเหรอ? ถ้ายังงั้นนายก็คงต้องผิดหวังแล้วแหละ ขอโทษด้วยนะแต่ว่าฉันต้องไปแล้ว”
พอพูดจบ หานมู่จื่อก็ลุกขึ้นเดินออกไป
สีหน้าของเย่หลิ่นหานเปลี่ยนไป ลุกขึ้นและตามเธอไป
“เฉียวเฉียว……”
“อย่าเรียกฉันว่าเฉียวเฉียว!”
“มู่จื่อ ฉันไม่ใช่คนแบบที่เธอคิดนะ ตอนนั้น……ไม่ว่าเธอจะคิดยังไง แต่ว่าฉันทำพลาดไปจริงๆ สิ่งที่ฉันอยากจะทำตอนนี้ ก็คือชดเชยสิ่งที่เคยทำให้เธอเจ็บ”
ความเจ็บปวดเมื่อตอนนั้น…..
“ไม่ต้องหรอก ยังไงตอนนี้มันก็ผ่านมาห้าปีแล้ว มันเป็นในแบบที่มันควรจะเป็นแล้ว ตราบใดที่พวกเราไม่ต้องเจอกันอีก ฉันก็จะไม่โทษนายอีกแล้ว”
เย่หลิ่นหานจ้องหน้าเธอนิ่ง
“แล้วถ้าเกิดว่าฉันอยากจะเจอเธอให้ได้ล่ะ? ”
หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นมา มองหน้าเขาอย่างประหลาดใจ
ในตอนนี้เอง สีหน้าของเย่หลิ่นหานก็ดูจริงจัง หานมู่จื่ออึ้งอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็สะบัดมือเขาออก พร้อมกับเม้มริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเธอ
“ฉันยังมีธุระต่อ ไปก่อนนะ”
เธอหันหลังออกมาทันที เย่หลิ่นหานมองแผ่นหลังที่ผอมบางของเธอ คอที่ยาวเรียว และดวงตาของเขาก็ฉายประกายความน่ากลัวขึ้นมา ก่อนที่เขาจะตอบสนอง คำพูดก็ได้ออกมาจาก
“เด็กคนนั้นเป็นลูกของโม่เซิน ใช่ไหม? ”
เท้าของหานมู่จื่อที่กำลังจะก้าวออกไปหยุดนิ่ง เธอยืนอยู่ที่เดิม รู้สึกเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
ผ่านไปนานกว่าเธอหันหน้ากลับมา
เย่หลิ่นหานก้าวขึ้นมาด้านหน้า เสียงของเขาเย็นราวกับน้ำ
“เธอไม่อยากจะรู้จักกับฉัน ก็เพราะว่าที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตวันนั้น ฉันได้เห็นหน้าตาของเด็กคนนั้นกับตาตัวเอง
หานมู่จื่อรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกแล้ว สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าเลือดบนหน้าของเธอซีดลงทันที เสียงก็สั่น
“นายคิดจะทำอะไร? ”
“มู่จื่อ ฉันเคยบอกแล้วว่าฉันไม่ได้มีเจตนาร้าย เธอต้องเชื่อฉันนะ”
“แล้วนายจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม? ” หานมู่จื่อมองเขาพร้อมกับพูดด้วยเสียงสั่น “นายเอาแต่พูดว่า นายไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ว่าสิ่งที่นายทำ สิ่งที่นายพูด……มันหมายความว่ายังไงกัน? ”
พอเห็นว่าเธอตกใจ หน้ากับปากซีด เย่หลิ่นหานก็เหมือนได้ยืนยันในสิ่งที่ตัวเองได้คาดเดา เขายื่นมือไปจับผมที่หล่นมาข้างแก้มของหานมู่จื่ออย่างปวดใจ จากนั้นก็ช่วยเอาผมทัดหูให้เธออย่างอดไม่ได้ ตอนที่นิ้วกลางของเขาเผลอสัมผัสกับผิวที่อ่อนโยนตรงหูของเธอนั้น มือก็หยุดลงแล้วหานมู่จื่อก็หันหน้าหนีไปทางอื่น ถอยหลังมาก้าวหนึ่งเพื่อรักษาระยะห่าง
สายตาของเย่หลิ่นหายเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ต่อให้ฉันต้องมอบชีวิตของตัวเองให้เธอ ฉันก็ไม่มีวันทำเรื่องที่มันจะทำร้ายเธอได้เด็ดขาด โม่เซินยังไม่รู้ใช่ไหมว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขา? เพราะฉะนั้นเธอก็เลยกลัวว่าฉันจะเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง หรือว่า……เธอคิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อของการต่อสู้ระหว่างฉันกับเขา ก็เลยกลัว ใช่ไหม? ”
ดีมาก ประโยคนี้พูดตรงกับสิ่งที่เธอคิดเลย
หานมู่จื่อมองเขาด้วยสายตาที่คลุมเครือ ถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้มีแผนการอะไรในใจ แล้วเขาจะรู้อย่างชัดเจนขนาดนี้ได้ยังไง?
“ถ้าเกิดว่าเธอกังวลเรื่องนี้ งั้นฉันก็รับประกันกับเธอได้เลยว่า เว้นแต่ว่าฉันจะตายไป ฉันก็จะไม่มีวันทำเรื่องที่ไม่ดีกับเธอแน่นอน”
พอเห็นว่าเธอไม่เชื่อ เย่หลิ่นหานก็พูดอีกครั้ง “ฉันสาบาน ถ้าเกิดว่าฉัน……”
“พอแล้ว” หานมู่จื่อตัดบทเขา พร้อมกับหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้าและพูดอย่างอ่อนแอว่า “นายไม่ต้องสาบานกับฉันหรอก ฉันรู้ว่านายเป็นคนให้ความสำคัญกับคำมั่นสัญญา เอาเป็นว่าฉันรู้แล้ว”
ดวงตาที่เศร้าหมองของเย่หลิ่นหานค่อยๆ คลี่คลาย “ถ้ายังงั้น เธอยอมเจอฉันในฐานะเพื่อนเก่าแล้วใช่ไหม? ”
หานมู่จื่อรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจ แต่ว่าก็ไม่มีทางเลี่ยง เธอเลยทำได้แค่ถอนหายใจออกมา
“ในเมื่อนายพูดขนาดนี้แล้ว ฉันจะยังทำอะไรได้อีกล่ะ? ถือว่าฉันแพ้แล้ว”
ในที่สุดใบหน้าของเย่หลิ่นหานก็มีรอยยิ้มขึ้นมา กลับมาเป็นใบหน้าที่อ่อนโยนและละมุนละไมเหมือนเดิม
“ถ้ายังงั้นก็ถือว่าตกลงแล้วนะ ต่อไปเธอก็คือหุ้นส่วนในการทำงานของฉัน และ……ก็เป็นเพื่อน”
เธอยังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ ทำได้แค่พยักหน้าเท่านั้น
“ถ้ายังงั้นก็กลับไปดื่มกาแฟกันต่อดีไหม? ฉันยังมีเรื่องเกี่ยวกับงานอีกนิดหน่อยที่อยากจะอธิบายกับเธอเพิ่มเติม? ”
“ได้”
หานมู่จื่อกับเย่หลิ่นหานกลับไปนั่งที่เดิม หลังจากที่ทั้งสองคนนั่งลงก็คุยกันเกี่ยวกับเรื่องงาน แล้วเย่หลิ่นหานก็ถามเธอเกี่ยวกับหลายปีมานี้ที่เธออยู่ที่เมืองนอกอีกด้วย
เธอพยายามจะหลีกเลี่ยงเรื่องสำคัญๆ แล้วก็ตอบแค่บางข้อเท่านั้น พอเห็นว่าเวลาเหลือไม่เยอะแล้ว เธอก็เตรียมจะบอกลาเย่หลิ่นหาน
ถ้าเกิดว่านานกว่านี้ เดาส่าเย่โม่เซินต้องตื่นแล้วแน่ๆ
ตอนนี้เธอควรจะกลับแล้วก็จะแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ เพื่อซื้อของนิดหน่อย แล้วก็กลับไปทำกับข้าว พอเย่โม่เซินตื่นขึ้นมาก็จะได้กินอาหารกลางวันพอดี