เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 605
บทที่ 605 การแสดงออกที่แตกต่าง
ลุงอ้วนรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ช่างน่าเบื่อเสียจริง ขนาดมีคนมาบอกเคล็ดลับเขาก็ยังไม่ยอมฟัง ดังนั้นเขาจึงบุ้ยปากพูด “ยังหนุ่มยังแน่นอย่าทำเป็นหยิ่งนักเลย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ วันหลังจะเป็นทุกข์เอาได้”
“ในเมื่อนายไม่อยากฟัง งั้นฉันก็ไม่พูดแล้ว”
ลุงอ้วนทำท่าสะบัดตูดตามภรรยาของเขาไป เย่โม่เซินมองไปที่แผ่นหลังของเขาก็ตามไปอย่างไม่แยแส
“ฉันบอกเธอแล้วนะว่าอย่าตามใจผู้ชายอย่างพวกเขามากเกินไป เพราะไม่อย่างนั้นในอนาคตเธอจะไม่มีที่ยืนในครอบครัว ฟังพี่สาวไว้นะ เราจะต้องปฏิบัติกับผู้ชายให้พวกเขาตายใจแล้วจัดการซะ และยังต้องทำตัวเรียกร้องความสนใจเพื่อที่จะทำให้พวกเขารู้สึกว่าเธอเป็นคนสำคัญ อย่างเหตุการณ์เมื่อกี้ เธอควรจะทำตามการตัดสินใจของตัวเอง ถ้าเขาไม่อยากตามมา เธอก็ไม่ต้องไปใส่ใจ พอผ่านไปสักพักเขาก็จะตามมาเอง”
หานมู่จื่ออายจนเหงื่อตก เธอคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้กลยุทธกำราบสามี เพราะสำหรับเธอแล้ว เย่โม่เซินไม่ใช่สามีของเธอ เธอจะเรียนรู้กลยุทธพวกนี้ไปทำไมกัน?
แต่พี่สาวก็ยังดูกระตือรือร้น ถ้าตอนนี้เธอบอกไปว่าเย่โม่เซินไม่ใช่สามีของเธอ เกรงว่าจะเป็นการหักหน้าเสียเปล่าๆ
ช่างเถอะ ถือซะว่าหลายคนหลากคู่
“ขอบคุณพี่สาว ฉันเข้าใจแล้ว”
“เอ๋ แต่เขาก็ดูหล่อไม่เบาเลยทีเดียว รูปร่างก็ดีแต่ดูเย็นชาแบบนี้ ถามหน่อยสิว่าเรื่องบนเตียงเขาเป็นอย่างนี้หรือเปล่า?
“…” หานมู่จื่อไม่ได้เตรียมตัวกับคำถามนี้ เธอมองพี่สาวอย่างเหลือเชื่อ เธอจะตอบคำถามประเภทนี้ได้อย่างไร?
“ขอโทษนะ ฉันรู้ว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเธอ แต่ฉันเห็นเขาหล่อขนาดนี้ก็เลยอยากรู้”
พอโดนพี่สาวถามคำถามนี้ หานมู่จื่อก็คิดไปถึงเรื่องในอดีต
ตอนที่อยู่บนเตียง เขาเย็นชาขนาดนี้ไหมนะ? คำตอบคือไม่ใช่ ท่าทีของเย่โม่เซินตอนที่อยู่บนเตียงต่างกันกับความเป็นจริงราวกับเป็นคนละคน
ถ้าเย่โม่เซินสวมเสื้อผ้า เขาจะดูเงียบขรึม เย็นชาและไร้หัวจิตหัวใจ
แต่ถ้าเป็นเย่โม่เซินตอนถอดเสื้อผ้า เขาร้อนแรงแทบลุกเป็นไฟ โลภมาก และแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสุดท้าย มีเพียงคำเดียวเท่านั้นที่สามารถอธิบายดวงตาและการแสดงออกของเขาได้
นั่นก็คือความกระหาย
ดังนั้นทุกครั้งหานมู่จื่อจึงไม่กล้าที่จะมองการแสดงออกของเขา เพราะมักจะรู้สึกว่าในช่วงเวลานั้นเขาเหมือนต้องการพาตัวเองเข้าสู่ร่างกายของเธอ
“เรี่ยวแรงเขาดีไหม?” พี่สาวเอ่ยปากถามอีกครั้ง หานมู่จื่อผงะและได้สติกลับมา
“พี่ พี่พูดว่าอะไรนะคะ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าพี่สาวเปลี่ยนไปดูมีนัย “ไม่อยากเล่าจริงๆหรือ? งั้นฉันจะเล่าอิตาคนนั้นที่บ้านฉันให้ฟังเอาไหม?”
พอเธอกำลังจะอ้าปาก หานมู่จื่อก็หน้าแดงก่ำด้วยความตกใจ เธอทนไม่ไหวจนต้องเดินหนีออกมา
“เอ๊ะ ฉันยังพูดไม่เสร็จ เธอจะเดินหนีไปไหน?”
พอเห็นเธอเดินหนีออกไป เย่โม่เซินก็สาวเท้าเดินตาม หลังจากที่หานมู่จื่อหนีออกมาจากพี่สาวได้สักพัก เธอก็หยุดเท้าลงและเย่โม่เซินก็ตามมาทันพอดี จากนั้นก็จับข้อมือเธอไว้
“มีอะไรหรือเปล่า?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเย็นชาของผู้ชายดังลอยขึ้นมาบนเหนือศีรษะ หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเย่โม่เซินเดินตามมา พอเห็นใบหน้าเย็นชาของเขาไม่มีการแสดงออกใดๆ หานมู่จื่อก็นึกถึงภาพนั้นขึ้นมา ใบหน้าเธอจึงแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขาคงไม่ได้ยินเรื่องที่พี่สาวคนนั้นคุยกับเธอเมื่อกี้นี้หรอกนะ?
หานมู่จื่อส่ายหน้า “ไม่มีอะไร”
เย่โม่เซินหรี่ตาลงด้วยความสงสัย สายตามองไปยังใบหน้าแดงก่ำของเธอที่ลามไปถึงใบหู ก่อนหน้านี้ยังเห็นๆกันอยู่ว่าหน้าซีด แล้วตอนนี้ทำไมถึงแดงขึ้นมาล่ะ?
“เธอพูดอะไรกับคุณ?”เย่โม่เซินถาม
หานมู่จื่อหน้าแดงทันทีอีกครั้ง แต่เธอทำได้เพียงส่ายหน้า “ไม่ได้พูดอะไร คุณจับมือฉันอยู่ได้ ปล่อยได้เเล้ว…”
ลุงอ้วนและพี่สาวคนนั้นตามมาถึงพอดี พอพี่สาวเห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ทำไมมาอยู่นี่ล่ะ?ไปเดินกันต่อเถอะ น้องสาว เรามาคุยกันต่อดีกว่า”
พี่สาวคว้ามือหานมู่จื่อออกมาจากมือเย่โม่เซินอีกครั้งแล้วลากเธอเดินออกไป
เย่โม่เซินมองดูแผ่นหลังทั้งสองก็ครุ่นคิด
เมื่อกี้พวกเธอคุยอะไรกัน?
ลุงอ้วนยังคงเดินตามด้วยรอยยิ้ม เย่โม่เซินทำอะไรไม่ได้จึงทำได้เพียงเดินตามไป
พี่สาวพูดคุยกับหานมู่จื่ออยู่หลายเรื่อง สุดท้ายพวกเธอก็ได้แลกวีแชทกัน เธอรู้สึกประหลาดใจเมื่อรู้ว่าหานมู่จื่อเป็นนักออกแบบ เธอบอกว่าเธอรู้จักนักออกแบบแฟชั่นหลายคน หากมีโอกาสจะเเนะนำให้เธอได้รู้จัก
เนื่องจากเป็นเพื่อนบ้าน หานมู่จื่อก็ได้แต่ยิ้มรับ
อย่างไรก็ตามหานมู่จื่อก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากเธอ อย่างเช่นว่าต้องเลือกซื้อของอย่างไร เลือกเนื้ออย่างไร เธอเรียนรู้ทุกอย่างอย่างละเอียด
ตอนที่พวกเธอเดินไปที่มุมของใช้ประจำวันก็บังเอิญเจอใครคนหนึ่งตรงมุมนั้น
ผมดำ แว่นตากรอบทอง เสื้อเชิ้ตสีขาว รอยยิ้มที่เป็นมิตร
ตอนที่เจอเย่หลิ่นหาน หานมู่จื่อก็ตกใจเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่
พอตอนนี้เธอกลับมาคิดอีกครั้งบางทีอาจจะเป็นความตั้งใจของเย่หลิ่นหานก็เป็นได้ เพราะก่อนหน้านี้…เขาเคยบอกเธอว่าจะมารอเธอที่นี่ หรือว่าวันนี้ก็เช่นกัน?
“บังเอิญจัง” เย่หลิ่นหานมองไปที่ใบหน้าตกตะลึงของเธอ เขายิ้มให้เธอเล็กน้อย
ทันใดนั้นหนุ่มหล่อคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นและท่าทางของเขาก็ดูสุภาพมาก พี่สาวที่ยืนอยู่ข้างๆหานมู่จื่อก็โบกไม้โบกมือให้กับทั้งสอง พลางกระซิบข้างหูหานมู่จื่อ “แฟนเก่าหรือ?”
คำพูดนี้แทบทำหานมู่จื่อสำลักน้ำลายตัวเอง เธอหลับตาลงและหันไปมองพี่สาวที่อยู่ด้านข้าง
ทำไมผู้ชายซื่อๆอย่างลุงอ้วนถึงมีภรรยาที่แสนประหลาดเช่นนี้? ด้วยนิสัยของเธอ เธอถึงกับพูดเรื่องประเภทคนรักเก่าในสถานการณ์แบบนี้โดยไม่ยอมลดเสียงเลยได้อย่างไร?
หานมู่จื่อตอบอย่างกระดากอาย “ไม่ใช่ค่ะ”
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงบางอย่างและหันหน้าไปทางอื่น
แต่เธอกลับพบว่าด้านหลังของเธอว่างเปล่าโดยไร้เงาของเย่โม่เซิน
ไปไหนแล้ว?
“เขาโดนสามีฉันลากไปแล้ว น่าจะไปมุมอื่นน่ะ” พี่สาวพูดอธิบาย “เธอเพิ่งรู้ตัวหรือ ว่าเธอไม่ได้สนใจสามีเธอแม้แต่น้อย?
หานมู่จื่อ “…”
ช่างเถอะ เธอลืมไปว่าเธอเอาแต่ฟังพี่สาวคนนี้พูด และค่อยๆลืมไปว่าเย่โม่เซินเดินตามเธออยู่ด้านหลัง
ไม่คิดเลยว่าพอเธอบังเอิญมาเจอกับเย่หลิ่นหานอยู่ที่มุมนี้ เธอก็เพิ่งนึกหันกลับไปมองท่าทีของเย่โม่เซิน
เนื่องจากทั้งสองพี่น้องไม่ถูกกัน การบังเอิญเจอในสถานการณ์แบบนี้จะต้องเป็นการจุดชนวนระเบิดกันอย่างแน่นอน
พอคิดได้ดังนั้นหานมู่จื่อก็รู้สึกหวาดผวา โชคดีที่เย่โม่เซินไม่ได้อยู่ที่นี่
“มาเดินเล่นหรือ?” เย่หลิ่นหานถามในขณะที่หานมู่จื่อกำลังเงียบไป
ไม่ต้องรอให้หานมู่จื่อเป็นคนตอบ พี่สาวที่อยู่ข้างๆก็พยักหน้า
“ใช่แล้วค่ะ คุณก็มาเดินเล่นหรือคะ?”