เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 609
บทที่ 609 นายคู่ควรด้วยหรือ
ไร้น้ำยา?
เย่โม่เซินรู้สึกสับสนกับคำคำนี้อย่างไม่ทันตั้งตัว พี่สาวคิดว่าเขาถูกพูดหักหน้าจึงรีบปลอบใจ “คุณอย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ตราบใดที่คุณให้ความร่วมมือในการรักษา เชื่อว่าคุณจะกลับมาหายดีในไม่ช้า”
แต่ในขณะนี้สายตาลึกล้ำของเย่โม่เซินก็หันไปทางหานมู่จื่อที่เดินซื้อของอยู่ไม่ไกล บนใบหน้าของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มออกมา
เขาไร้น้ำยาอย่างงั้นหรือ?
หึหึ ดูเหมือนว่าเขาคงทรมานกับผู้หญิงคนนี้เบาไป เธอถึงได้มีเเรงมาใส่ร้ายเขาต่อหน้าคนอื่นแบบนี้
“คุณได้ฟังที่ฉันพูดไหม?” พี่สาวมองเย่โม่เซินด้วยความกังวล ทั้งยังเป็นห่วงสถานการณ์ของเขาอีกด้วย
เย่โม่เซินกวาดสายตามองมาที่เธอพลางเม้มริมฝีปาก ลุงอ้วนกะพริบตามองเขา “นาย นายคงไม่ได้เป็นแบบนั้นจริงๆใช่ไหม?”
ดวงตาคู่นั้นมองด้วยความสงสัย เย่โม่เซินกัดฟันพูดเล็กน้อย
“ผมเป็นผู้ชายปกติ” เขากัดฟันพูด
ลุงอ้วนจ้องมองมาที่เขาอีกครั้ง “ฉันรู้ว่านายเป็นผู้ชายปกติ เมื่อก่อนเพื่อนของฉันคนที่ป่วยคนนั้นก็พูดแบบนี้ แต่ในสายตาของคนอื่นนายไม่ปกติ”
ภรรยาของลุงอ้วนพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ๆ คุณจะต้องรักษาอย่างจริงจัง มาๆ คุณจดเบอร์ไว้สิ”
เส้นเลือดหน้าผากของเย่โม่เซินกระตุก เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่ต้อง ไม่จำเป็น”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า มานี่ๆ” พี่สาวบังคับเสียงแข็งเพื่อให้เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา จากนั้นก็จ้องให้เย่โม่เซินบันทึกเบอร์โทรศัพท์เข้าไป เธอยิ้มและพูดว่า “ใช่ แบบนี้แหละถูกแล้ว ป่วยก็รักษาเสียดีดี ยิ่งหายเร็วเท่าไหร่ก็จะได้กลับมากอดภรรยาแสนสวยเร็วเท่านั้น ไม่ต้องกลุ้มใจหรอก ฉันแลกวีเเชทกับเธอแล้ว วันหลังฉันจะได้พูดแต่เรื่องดีดีของคุณให้เธอฟัง”
แม้จะอับอายจนเหงื่อตก แต่เย่โม่เซินก็พอรับได้กับประโยคสุดท้าย “คงต้องลำบากคุณแล้ว”
“ไม่ลำบาก ไม่ลำบาก”
เย่โม่เซินยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็เดินตรงไปหาหานมู่จื่อ
ลุงอ้วนและภรรยาของเขายังคงยืนอยู่ที่เดิม เเละคุยกันว่า “เมียจ๋า พวกเราทำแบบนี้มันจะดีหรือ?”
“มีอะไรไม่ดี ดีเสียอีกเพื่อนบ้านเราจะได้มีคู่”
ลุงอ้วน “…ถ้าเธอไม่อยากกลับมาคืนดีล่ะ?”
“คุณนี่ไม่รู้อะไรบ้างเลย แค่มองตาพวกเขาฉันก็ดูออกแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงถึงได้เข้าใจผู้หญิงด้วยกันไง”
“อ๋อ…”
*
หานมู่จื่อชูมือขึ้นเพราะต้องการหยิบของบนชั้นวาง เนื่องจากชั้นวางของค่อนข้างสูง บวกกับวันนี้เธอไม่ได้ใส่ส้นสูงมาด้วย ดังนั้นเธอจึงลำบากเล็กน้อยเวลาที่ต้องหยิบของชั้นบน
เธอทำได้แค่เพียงยืดตัวเต็มที่ แต่ก็ยื่นมือไปไม่ถึง สุดท้ายก็มีมือใหญ่เอื้อมหยิบของที่เธอต้องการส่งให้เธออย่างง่ายดาย
หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเป็น เย่โม่เซิน
“อยากได้อันนี้หรือ?” เย่โม่เซินถาม
หานมู่จื่อเพียงพยักหน้า “อืม”
เย่โม่เซินมองไปที่ด้านหลังของศีรษะกลมมนของเธอ ในขณะที่มองลงไปก็เห็นต้นคอขาวๆของเธอ และมองลงไปลึกๆก็เห็นร่องรอยที่เขาได้ทิ้งเอาไว้
เขาทิ้งรอยไว้เยอะขนาดนี้ เธอยังกล้าบอกว่าเขาไร้น้ำยาอย่างงั้นหรือ?
หึหึ—
เย่โม่เซินหัวเราะในใจ จู่ๆก็ถามเธอว่า “เมื่อกี้คุณคุยอะไรกับพี่สาวคนนั้น?”
พอได้ยินดังนั้นหัวใจของหานมู่จื่อก็เต้นตึกตัก ตอนที่เธอปลีกตัวออกมาก่อนหน้านี้ก็เห็นว่าพี่สาวคุยอะไรบางอย่างกับเย่โม่เซิน ทว่าเธอเดินออกมาค่อนข้างไกลจึงไม่ได้ยิน นอกจากนั้นเธอยังรู้สึกอายจึงไม่กล้าอยู่ฟังพวกเขาคุยกัน
พอเย่โม่เซินถามมาแบบนี้ หานมู่จื่อจึงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเย่โม่เซิน จึงได้แต่ส่ายหน้า
“เปล่า ไม่ได้คุยอะไร”
“อ้อ?” เย่โม่เซินยิ้มมุมปากพลางโน้มตัวมาข้างหน้า ริมฝีปากของเขาชิดมาที่ริมฝีปากบางของเธอ “ไม่ได้คุยอะไร แล้วทำไมคุณถึงดูตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะ?”
ความร้อนพุ่งขึ้นมาที่ใบหู หานมู่จื่ออดตัวสั่นไม่ได้ “งั้นหรอ?”
“แล้วไม่ใช่หรือไง?” เย่โม่เซินถามกลับ จากนั้นก็เป่าลมรดใบหูเธอ
หานมู่จื่อตกใจปิดหูของเธอและถอยห่างออกมา พลางจ้องมองไปที่เย่โม่เซิน เธอเห็นรอยยิ้มขี้เล่นของเขาพอดี
จู่ๆเธอก็คิดได้ว่าพี่สาวอาจจะเอาเรื่องที่เพิ่งคุยกันเมื่อกี้มาเปิดเผยให้กับเย่โม่เซินก็เป็นได้ เพราะคนที่ดูตรงไปตรงมาแบบนั้นจะเก็บเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?
พอคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็อดผิดหวังไม่ได้
ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็ไม่คงไม่คุยกับเธอหรอก
เธอกัดฟันพูด “ไม่ซักหน่อย!”
จากนั้นก็หันกลับไป
พวกเขาพากันไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ เย่โม่เซินยืนอยู่ด้านหลังหานมู่จื่อ พลางคิดในใจว่าพอกลับไปจะจัดการเธออย่างไรดี เธอถึงจะได้ไม่คิดว่าเขาเป็นคนไร้น้ำยา
หลังจากเก็บของเสร็จเเล้ว เย่โม่เซินก็กลับมามีสติอีกครั้ง เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและตอนที่กำลังจะยื่นบัตรก็มีบัตรใบหนึ่งยื่นออกมาเหมือนกัน
หานมู่จื่อที่อยู่ทางด้านนี้ก็กำลังวุ่นอยู่กับพลิกดูกระเป๋าเสื้อของตัวเองเพื่อเตรียมหาเศษเงิน
แต่ใครจะรู้ว่าจะมีบัตรสองใบยื่นออกมาในเวลาเดียวกัน เธอนิ่งไปสักพักแล้วเงยหน้าขึ้น
เย่โม่เซินเงยหน้ามองผู้เป็นเจ้าของบัตรอีกใบหนึ่ง หลังจากที่เห็นชัดเเล้วว่าเป็นใคร รูม่านตาก็หดตัวลง
คนที่ยื่นบัตรมานั้น หากไม่ใช่เย่หลิ่นหานแล้วจะเป็นใคร?
ด้วยรอยยิ้มจางๆของเขาทำให้แววตาของเย่โม่เซินเยือกเย็นขึ้น เขายิ้มด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น “โม่เซิน ไม่เจอกันนานเลยนะ”
หานมู่จื่อ “…”
เธอคิดว่าจะสลัดเขาหลุดไปแล้วเสียอีก เขามารออยู่ที่นี่นี่เอง?
แล้วยังยื่นบัตรธนาคารพร้อมกับเย่โม่เซินด้วย? ไม่เพียงเท่านั้นเขายังยืนอยู่อีกช่องทาง นี่มันน่าอายไปแล้ว
พอลุงอ้วนและพี่สาวที่ตามหลังเย่โม่เซินกับหานมู่จื่อเห็นฉากนี้ พี่สาวก็รีบยกมือมาทาบหน้าอกแล้วพูดว่า “นี่เป็นการยั่วยุกันซึ่งซึ่งหน้าสินะ?”
ก่อนหน้านี้ลุงอ้วนกับเย่โม่เซินเดินอยู่ด้วยกัน ดังนั้นจึงไม่เข้าใจเรื่องเย่หลิ่นหานและไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ เขาจึงถามด้วยความแปลกใจ “เกิดอะไรขึ้น?”
“จะมีอะไรได้ล่ะ ศัตรูหัวใจมาเผชิญหน้ากันน่ะสิ”
ศัตรูหัวใจ…อืม ลุงอ้วนกำลังสังเกตการณ์
ไม่ใช่เพียงแค่เขา ผู้คนที่อยู่โดยรอบล้วนเฝ้าดูฉากนี้ด้วยความสนใจ อันที่จริงชายหล่อหญิงงามก็น่ามองอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังเป็นชายสองหญิงหนึ่ง
สำหรับผู้ชมแล้ว สิ่งที่ชอบดูที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเรื่องชาวบ้าน เมื่อพวกเขาเห็นผู้ชายสองคนแย่งกันจ่ายเงินให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ทุกคนก็ได้กลิ่นแปลกๆจึงพากันจ้องมองฉากนี้อย่างไม่วางสายตา แม้แต่พนักงานแคชเชียร์เองก็ไม่เว้น
เย่โม่เซินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากของเขาไม่มีรอยยิ้มอีกต่อไป แววตาเปลี่ยนเป็นอึมครึม เขาก้าวมาด้านหน้าแล้วยัดบัตรธนาคารใส่มือหานมู่จื่อ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงต่ำ “รูดบัตรก่อน แล้วเราค่อยกลับบ้าน”
เขาทำทีราวกับมองไม่เห็นเย่หลิ่นหานอยู่ในสายตา
รูม่านตาภายใต้เลนส์แว่นตาเริ่มหดตัว นิ้วมือที่ถือบัตรธนาคารก็เปลี่ยนเป็นสีขาวซีด จากนั้นเขาก็เก็บบัตรธนาคารไว้โดยไม่ให้หลงเหลือร่องรอย “จะไม่ทักทายพี่ชายหน่อยหรือ?”
ทางด้านเย่โม่เซินกำลังสำรวจหามือของหานมู่จื่อหลังชำระเงินเสร็จ ในขณะที่รอแคชเชียร์เก็บของใส่ในถุง เขาก็จับมือหานมู่จื่อแล้วเหลือบตามองเย่หลิ่นหาน พลางพูดเยาะเย้ย
“พี่ชาย? นายคู่ควรด้วยหรือ?”