เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 626
บทที่ 626 ไม่ใช่ว่าขาดเขาไม่ได้
เมื่อย้อนคิดถึงเรื่องนี้ เสี่ยวเหยียนจึงยกมือขึ้นมาจับหน้าตัวเอง น้ำตาไหลรินลงมาอย่างควบคุมไม่ได้
ตอนจบของเรื่องหานชิงพาหล่อนมาส่งที่บ้าน จากนั้นพูดเตือนหล่อน ถ้าต่อไปเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก เขาจะหาวิธีพาหล่อนออกไปจากมู่จื่ออย่างไร้เยื่อใย
เสี่ยวเหยียนเพียงแค่คิดว่า เขาคงไม่ชอบหล่อน แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเกลียดหล่อนขนาดนี้ เพราะหล่อนดูหื่นกระหายมากเกินไปเหรอ? ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมรับในตัวหล่อน?
แต่ทว่า…หล่อนไม่เคยเป็นฝ่ายจูบผู้ชายคนไหนก่อนเลย มีเพียงแค่เขาเท่านั้น
หรือว่าเรื่องทุกอย่างจะจบแบบนี้? แต่…หล่อนไม่ยอม ไม่มีวันยอม
*
วันนี้หานมู่จื่อทำงานอย่างไร้ชีวิตชีวา เพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ เมื่อถึงเวลาทำงานอยากจะงีบหลับตลอดเวลา หล่อนดื่มกาแฟไปสองแก้วเต็มๆ แต่กลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ในขณะที่หล่อนรู้สึกทนไม่ไหวจนคิดจะไปงีบในห้องพักสักสองชั่วโมง เยาเยาก็ผลักประตูเข้ามา : “มู่จื่อ คนของบริษัทแอลทีมาที่นี่ บอกว่าจะเจรจาหารือเรื่องปัญหาโครงการครั้งนี้กับเธอ”
โดยปกติเรื่องพวกนี้เสี่ยวเหยียนเป็นคนจัดการ แต่วันนี้เสี่ยวเหยียนลา…
หานมู่จื่อวางปากกาในมือลง พยักหน้า : “เข้าใจแล้ว เธอไปเชิญเขาไปที่ห้องรับรองก่อน เดี๋ยวอีกสองนาทีฉันจะตามไป”
“โอเคค่ะ”
เยาเยาเป็นผู้ช่วยฝีมือเก่งกาจ โดยปกติหล่อนไม่เพียงแต่ทำงานออกแบบ บางครั้งยังช่วยงานของเสี่ยวเหยียน มุมมองที่หานมู่จื่อมีต่อหล่อนเปลี่ยนไปจากที่เคยคิดว่าหล่อนเป็นคนโผงผางหยิ่งผยองกลายเป็นนักออกแบบที่มากความสามารถ
หานมู่จื่อจัดของให้เรียบร้อย จากนั้นจึงเดินตรงไปที่ห้องรับรอง
เมื่อเดินถึงหน้าประตูห้องรับรอง หานมู่จื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ภายในห้อง จึงหยุดชะงักไปทันที
เขาคือเย่หลิ่นหาน
เมื่อเห็นเขา หานมู่จื่อจึงย้อนนึกถึงคำพูดที่เขาพูดกับหล่อนในร้านเค้กเมื่อวาน
“ที่ผมเข้าใกล้คุณอย่างจริงใจ นั่นก็เป็นเพราะผมชอบคุณ”
“ตอนนี้เย่หลิ่นหานไม่ได้เป็นพี่ชายของคุณอีกต่อไป ดังนั้นผมมีสิทธิ์แข่งขันเท่าเทียมกับโม่เซิน ห้าปีที่แล้วผมไม่มีโอกาส แต่ตอนนี้ผมอยากพยายามช่วงชิงเพื่อตัวเอง ในขณะที่คุณยังไม่ได้กลับมาคบกับโม่เซิน ผมอยากจะพยายามให้เต็มที่”
“มู่จื่อ? มาแล้วเหรอ?”
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ เสียงอันอ่อนหวานแฝงไปด้วยความแหบแห้งของชายคนหนึ่งดังขึ้น หานมู่จื่อดึงสติกลับมา เมื่อเห็นเย่หลิ่นหานลุกขึ้น และกำลังยิ้มให้ตัวเอง พร้อมกับสายตาอันอ่อนโยนที่มองตรงมา
และเยาเยาที่อยู่ห่างไม่ไกลออกไปจากเขา กลับทำสีหน้าสงสัย
หานมู่จื่อรู้ว่าหล่อนกำลังสงสัยเรื่องอะไรอยู่ หล่อนยิ้มให้ จากนั้นเดินเข้าไปอย่างสง่าและมั่นใจ
“เยาเยา เธอไปทำงานก่อนเถอะ”
“รับทราบค่ะ” เยาเยาเหลือบมองเย่หลิ่นหานหนึ่งครั้งจากนั้นเดินออกไปจากห้องรับรอง
ภายในห้องรับรองเหลือเพียงแค่หานมู่จื่อและเย่หลิ่นหาน หานมู่จื่อนั่งลงตรงหน้าเขา : “ไม่ทราบว่าประธานหานมีงานอะไรจะปรึกษากับฉันคะ?”
“ไม่มีงานอะไร ก็มาหาคุณไม่ได้งั้นเหรอ?” เย่หลิ่นหานมองหล่อนด้วยสายตาลึกซึ้งจนน่าตกใจ
หานมู่จื่อตกใจมาก “คุณ…”
“ผมเอาเรื่องงานมาเป็นข้ออ้างเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ถือว่าเกินไปรึเปล่า?” เย่หลิ่นหานยิ้มขึ้น : “เรื่องงานไม่มีอะไรต้องคุย เพราะผมเชื่อในความสามารถของคุณ”
“ดังนั้น ที่คุณมาวันนี้ไม่ได้เป็นเพราะเรื่องงาน?” หานมู่จื่อเงยหน้าถามขึ้นพลางขมวดคิ้ว
“เห็นคุณอารมณ์ไม่ค่อยดี ผมพาคุณออกไปพักผ่อนดีไหมครับ?”
หานมู่จื่อไม่คิดอะไรทั้งนั้น ปฏิเสธเขาไปทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรแล้ว เชิญกลับได้เลยนะคะ”
เมื่อพูดจบ หานมู่จื่อลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป หล่อนไม่ไว้หน้าเย่หลิ่นหานเลยแม้แต่น้อย ถ้าเขาโกรธเพราะเรื่องนี้และผิดสัญญาตัดขาดกับหล่อนไปคงจะดีมาก
หล่อนเพิ่งลุกขึ้นยืน เย่หลิ่นหานก็ลุกขึ้นตามด้วย จากนั้นรีบย่ำเท้าเดินตามหล่อน
“เกลียดผมขนาดนี้เลยเหรอ? สองนาทีก็ทนไม่ได้?”
หานมู่จื่อหยุดเดินทันที จากนั้นขมวดคิ้วพูดเตือนเขา : “ประธานหาน ตอนนี้เป็นเวลาทำงาน คุณให้ผู้บริหารอย่างฉันมาคุยเล่นเรื่องส่วนตัวในห้องรับรองกับคุณ?
แบบนี้จะให้ฉันเป็นผู้นำในบริษัทได้อย่างไร? ”
เหมือนว่าเย่หลิ่นหานจะหาช่องโหว่จากคำพูดของหล่อนได้ หัวเราะเบาๆ : “ถ้าพูดแบบนี้ หมายความว่าหากไม่ใช่เวลางาน ก็ได้งั้นสิ?”
หานมู่จื่อ:“……”
ให้ตายสิ ไม่ทันระวังจนทำให้เขาหาช่องโหว่เจอ “ฉัน…”
“คุณไม่ต้องสนใจผม” เย่หลิ่นหานยกมือขึ้น เหลือบมองเวลาบนนาฬิกา “ตอนนี้ห่างจากเวลาพักอีกหนึ่งชั่วโมง ไม่ทราบวันนี้ผมจะมีเกียรติพอที่จะเชิญคุณไปทานอาหารกลางวันด้วยกันไหมครับ?”
“อีกหนึ่งชั่วโมงถัดไป คุณไม่ต้องรับรองผมแล้ว ผมรอคุณอยู่ที่นี่ เมื่อถึงเวลาพัก คุณก็แค่มาหาผม เป็นอย่างไรครับ?”
เขาจัดการเรื่องภายหลังไว้เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งจะนั่งรอหล่อนอยู่ที่นี่
“ประธานหาน คุณ…”
“ตามที่คุณบอกไว้ เวลางานไม่คุยเรื่องส่วนตัว งั้นก็ไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน คงไม่เกินไปใช่ไหมครับ? หรือว่า สิ่งที่คุณพูดมาเมื่อครู่…”
“งั้นคุณรอฉันที่นี่เถอะ” หานมู่จื่อรีบพูดแทรกขึ้น “ฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะ”
“ครับ ไปเถอะ” สายตาของเย่หลิ่นหานอ่อนโยนขึ้นมาทันที เขายกมือขึ้นจะลูบหัวของหล่อน แต่หานมู่จื่อเปลี่ยนสีหน้าทันที และเดินถอยออกมาอย่างไร้เยื่อใย จากนั้นเดินออกไปจากห้องรับรองอย่างรีบร้อน
หลังจากที่หล่อนออกไป ใบหน้าอันอ่อนโยนของเย่หลิ่นหานค่อยๆหายไป สายตาที่ดูละมุนก็ค่อยๆถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา
เขามองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ จากนั้นหาที่นั่งลง
โม่เซิน เรามาลองกันดูสักตั้ง ใครจะได้หล่อนก่อนกัน
ครั้งนี้ ฉันไม่มีทางแพ้ให้นายแน่นอน
หานมู่จื่อกลับไปที่ห้องทำงาน เดินอย่างล่องลอย หล่อนอยากจะปฏิเสธเย่หลิ่นหานมากขนาดไหน แต่เย่หลิ่นหานกลับหาช่องโหว่จากคำพูดของหล่อนได้ ถ้าหล่อนปฏิเสธไป คงเห็นได้ชัดว่าหล่อนใจแคบมาก
เห้อ
ช่างเถอะ ทานข้าวก็ทานข้าว
อันที่จริงหลังจากที่เมื่อวานเย่หลิ่นหานพูดแบบนั้น หานมู่จื่อก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา อย่างน้อยจุดประสงค์นี้ก็ทำให้หล่อนสบายใจกว่าสิ่งที่หล่อนรู้ขึ้นเยอะ
แต่ทว่า หานมู่จื่อไม่ได้เชื่อใจเขาทั้งหมด
ใครจะไปรู้ว่าเขามีความคิดแอบแฝงอะไรอยู่รึเปล่า? พี่น้องไม่ถูกกัน เขาต้องการแข่งขันกับโม่เซิน นี่ถือเป็นเรื่องปกติ
เมื่อคิดถึงเย่โม่เซินขึ้นมา หานมู่จื่อก็คิดถึงเรื่องโทรศัพท์เมื่อคืน
หล่อนกลับไปดูมือถือ แต่ยังคงเงียบไม่มีอะไร
ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ เขาไม่โทรกลับหาหล่อนเลย หรือตอนนี้ยังคงหลงใหลกับใครบางคนในอ้อมอก? ตายคาอกใครไปแล้ว?
ในหัวจินตนาการไปไกล จนทำให้หานมู่จื่อโมโหจนกัดฟัน
ไอ้คนชั่ว มิน่าล่ะจู่ๆก็ไปต่างประเทศเงียบๆ ที่แท้ก็ไปมีกิ๊กนี่เอง
เดี๋ยวก่อน เมื่อหานมู่จื่อใจเย็นลง หล่อนคิดขึ้นมาว่าทำไมตัวเองถึงใช้คำว่ากิ๊ก?
ตอนนี้เย่โม่เซินไม่ได้เป็นอะไรกับหล่อน หล่อนก็ปฏิเสธมาโดยตลอดว่าเขาเป็นสามีของตัวเอง ดังนั้น ตอนนี้เขามีสถานะเพียงแค่หนุ่มโสดคนหนึ่งที่ตามจีบหล่อน
ถ้าเป็นเช่นนั้น…หากเขาอยากจะคบกับใคร ก็เป็นสิ่งที่ตัวเขาปรารถนา?
หานมู่จื่อยกมือขึ้นกุมขมับ คงเป็นเพราะช่วงนี้ถูกเขาปั่นหัวเยอะเกินไป จึงทำให้มีความคิดผิดแปลกเช่นนี้
หล่อนไม่อยากเป็นทุกข์เพราะผู้ชายคนนี้อีก เขาไม่ดูแลทะนุถนอมขนาดนี้ งั้นฉันก็จะให้เขาเห็นว่า ตัวเองไม่มีเขาก็ได้