เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 630
บทที่ 630 แค่มาร่วมสนุกด้วยแค่นั้น
หานมู่จื่อจ้องมองหน้าเขาด้วยความสงสีย เย่โม่เซินยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เหมือนภรรยาที่จ้องจับกิ๊ก”
คำพูดของเขาทำให้หานมู่จื่อนิ่งเกร็งไปในทันที หล่อนสบตามองสายตาของเย่โม่เซิน “คุณอยากจะบอกฉันว่า คุณมีกิ๊กให้จับงั้นเหรอ?”
เย่โม่เซินไม่ได้ทำอะไรผิด ทว่าสิ่งที่หานมู่จื่อถามขึ้นเพียงเพื่อลองเชิงเขาดู แต่เขาฟังไม่เข้าใจ เพราะเขาไม่เห็นประวัติการโทร และไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงที่ชื่อว่าตวนมู่เสว่
ดังนั้นเขาจึงไม่มีความผิดอะไร
“งั้นเหรอ?” เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไร หานมู่จื่อจึงย้ำถามอีกครั้ง แต่กลับไม่รู้ว่าท่าทางของตัวเองทำให้เย่โม่เซินเห็นแล้วร้อนใจขนาดไหน
แววตาของเย่โม่เซินค่อยๆก้มมองลง “คุณดมไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? หื้ม?”
หานมู่จื่อ : “…”
แน่นอนว่า บนตัวเขามีเพียงแค่กลิ่นเดียว ไม่มีกลิ่นอื่นแอบแฝงเลยแม้แต่น้อย
แต่ทว่า เป็นเพราะเขาดูสะอาดสะอ้านบริสุทธิ์เกินไป รวมถึงหานมู่จื่อที่ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนั้นแล้ว
เสียงของผู้หญิงคนนั้นอ่อนหวานกว่าหล่อนมาก แค่ฟังก็พอคาดเดาได้ว่าหล่อนเป็นสาววัยรุ่น
เมื่อคิดถึงตอนนี้ หานมู่จื่อก็นึกถึงเรื่องสำคัญมากขึ้นมาได้
เวลาผ่านไปถึงห้าปีแล้ว หล่อนไม่ได้เป็นเด็กอีกต่อไป
สำหรับผู้หญิงแล้ว วัยอย่างหล่อนถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เย่โม่เซินกลับไม่เหมือนกัน ตอนนี้เขากำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรืองของชีวิต ต่างกับหล่อนสิ้นเชิง
สายตาของหานมู่จื่อเย็นชาขึ้นทันที จากนั้นผลักเขาออก
ดูเหมือนอารมณ์ของหล่อนเริ่มจะแย่ลง เย่โม่เซินรู้สึกได้ทันที เมื่อเห็นว่าหล่อนกำลังจะกลับหลังหันเดินกลับไป เขาจึงรีบโอบกอดหล่อนจากด้านหลัง ซบไหล่ของหล่อน
“ไม่เชื่อผม?”
หานมู่จื่อหันข้างมาเล็กน้อย สายตาของหล่อนเหลือบมองไปที่หน้าของเย่โม่เซินที่ซบอยู่ที่ไหล่ ในที่สุดริมฝีปากสีแดงของหล่อนขยับขึ้น
“คุณรู้จักคำพูดที่กล่าวว่า ยิ่งสมบูรณ์แบบมากเท่าไหร่ ยิ่งมีพิรุธมากเท่านั้นไหม?”
เย่โม่เซินเลิกคิ้วขึ้น: “คำพูดนี้เป็นของใคร?”
“คุณไม่ต้องสนใจว่าเป็นของใคร เปลี่ยนเสื้อมาแล้วใช่ไหม? อาบน้ำมาแล้วล่ะสิ? ฆ่าเชื้อมาทั้งตัวแล้วด้วยใช่ไหม?”
เมื่อหานมู่จื่อพูดเรื่องพวกนี้จบ หัวเราะเย้ยเขา : “ทำลายร่องรอยหลักฐานทั้งหมดทิ้งแล้ว ทำให้ตัวเองดูดีไร้ที่ติ ในขณะที่หลอกคนอื่นก็หลอกตัวเองด้วยเช่นกัน ดีนักหรือไง?”
เดิมทีเพียงแค่คิดว่าหล่อนกำลังล้อเล่น แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่หล่อนพูดประชดประชัน เย่โม่เซินกลับรู้สึกว่าหล่อนกำลังจริงจังอยู่
จากนั้น คิ้วของเย่โม่เซินไม่ได้ดูผ่อนคลายเหมือนก่อนแล้ว กลับเลิกคิ้วมากขึ้น ถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ : “คุณไม่เชื่อผม?”
“ฉันเชื่ออะไรคุณ?” เพียงแค่หานมู่จื่อคิดถึงเสียงอ่อนหวานของผู้หญิงคนนั้นก็โมโหขึ้นทันที เริ่มเดือดดาลขึ้นมากเรื่อยๆ เหมือนต้นเพลิงไฟที่มาจากยอดหญ้า เมื่อไฟลุกขึ้นแล้วก็ไม่สามารถหยุดได้
นอกเสียจากว่า ฝนตกห่าใหญ่
หานมู่จื่อผลักสองมือใหญ่ที่โอบเอวหล่อนไว้ จากนั้นหันหลังไปมองเย่โม่เซิน หัวเราะเยาะเย้ย
“ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน บอกว่าไปทำงานต่างประเทศ แต่ฉันว่าคงไม่จำเป็นแล้วล่ะ”
เย่โม่เซินจ้องมองหล่อนด้วยความตั้งใจ ขมวดคิ้วมากขึ้น ท่าทีเย็นชา จนไม่รู้ว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่
หล่อนโมโหอะไรขนาดนี้?
เป็นเพราะผลของการห่างกัน?
คำพูดของลุงอ้วนคนนั้นได้ผลขึ้นมา?
แม้ว่าอารมณ์ของหานมู่จื่อดูประชดประชันเยาะเย้ย และการแสดงออกทางใบหน้าของหล่อนซึ่งมีเพียงอย่างเดียว นั่นคือเธอโกรธ
แต่เย่โม่เซินกลับรู้สึกเบิกบานใจ เพราะเขารู้ดีว่า ถ้ามู่จื่อไม่สนใจเขา หล่อนก็คงไม่โกรธมากขนาดนี้
“คุณกังวลว่าผมจะมีผู้หญิงคนอื่นอยู่ที่ต่างประเทศ?” ในที่สุดเย่โม่เซินก็ถามคำถามที่ค้างคาในหล่อนขึ้นมา
หานมู่จื่อเห็นว่าเขาถามด้วยความเย็นชาและนิ่งขรึม สายตาไม่มีความเลิ่กลั่กหรือสับสน กลับนิ่งมาก ไม่เหมือนคนที่ถูกจับกิ๊กได้
ดังนั้น หล่อนเป็นอะไรกับผู้หญิงคนนั้นกันแน่?
ถามเขาเหรอ?
ถ้าพวกเขาเป็นอะไรกันจริงๆ ถ้าหล่อนถามเขาไป เขาก็ไม่มีทางยอมรับ
อีกอย่างถ้าถามออกไป คงเป็นการทำให้ตัวเองขายหน้า?
เมื่อคิดได้เช่นนั้น จึงถอยหลังกลับ พลางส่ายหน้า
“เปล่า คุณจะมีผู้หญิงหรือไม่เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย”
“แล้วทำไมคุณต้องโกรธ?”
“ฉันไม่ได้โกรธ” หานมู่จื่อปิดตาลง คิดขึ้นได้ว่าที่คอยังมีสร้อยที่ให้เขาเมื่อครู่แขวนอยู่ จากนั้นจึงดึงให้หลุดออกมาและคืนกลับให้เขา
“ใกล้ถึงเวลาทำงานแล้ว คุณบอกว่าไม่ได้นอนมาสองวันแล้วไม่ใช่เหรอ? กลับไปนอนเถอะ”
หล่อนพยายามควบคุมความโมโหไว้ แต่กลับทำให้ตัวเองดูโกรธมากขึ้น และไม่สนใจอะไรอีกต่อไป
แต่หานมู่จื่อกลับพลาดไปหนึ่งอย่าง คำพูดของเธอแสร้งทำเป็นไม่สนใจ แต่การกระทำของเธอกลับดูชัดเจนมาก
ดึงสร้อยที่เขาเพิ่งจะสวมให้หล่อนด้วยตัวเองออกมา แสดงถึงว่าตัวเองไม่สนใจ และให้เขากลับไปพักผ่อน
เขาเชื่อก็แปลกแล้ว
เย่โม่เซินมองดูหล่อนเงียบๆสักพักหนึ่ง จากนั้นยื่นมือออกไปเพื่อรับสร้อยจากหล่อน เมื่อเห็นว่าเขาจะเอาสร้อยไป หานมู่จื่อกลับจะเก็บมือเข้ามา แต่มือของอีกฝ่ายกลับพลิกกะทันหัน ฝ่ามือหนาใหญ่ของเขากำมือน้อยๆของหล่อนเข้าไปทั้งหมดทันที
จากนั้นเขาออกแรงแขนสุดกำลัง ทำให้หานมู่จื่อต้องก้าวไปด้านหน้า และโถมตัวล้มเข้าไปในอ้อมอกของเขา
หล่อนตกใจจนเงยหน้าขึ้น แต่กลับถูกเขาจับเอวไว้แน่น
“เพราะผมไม่ได้ติดต่อคุณ คุณก็เลยไม่พอใจผม? หรือว่า ไม่ชอบสร้อยที่ผมให้?”
หานมู่จื่อ: “…คุณปล่อยฉันนะ”
“ถ้าไม่พูดกันให้รู้เรื่อง ผมก็จะไม่ปล่อย” เมื่อพูดจบ เขาก็โอบเอวของหล่อนแน่นขึ้น
หานมู่จื่อเห็นท่าทางของหล่อนในตอนนี้ จู่ๆกลับคิดถึงตอนที่เขากำลังกอดกับผู้หญิงคนอื่น และผู้หญิงคนนั้นก็ทั้งสวยและเด็กกว่าหล่อน
ความโกรธทวีคูณมากขึ้น หานมู่จื่อผลักเขาออกหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยความประชดประชัน
“ปกติคุณก็ทำกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้งั้นเหรอ?”
เย่โม่เซินเลิกคิ้วขึ้น “หมายความว่ายังไง?”
“ฉันก็หมายความว่า” หานมู่จื่อเข้าใกล้เขา ใช้นิ้วชี้เช็ดลิปสติกสีแดงที่ติดอยู่บนริมฝีปากของเขาออก มองดูนิ้วที่ติดสีแดงของตัวเอง หัวเราะเยาะเย้ย: “ตอนที่คุณอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ก็ทำตัวปลิ้นปล้อนแบบนี้? เวลาห้าปี คุณทำแบบนี้มาตลอด?”
ในที่สุดเย่โม่เซินก็เข้าใจความหมายของหล่อน
หากเป็นก่อนหน้านี้เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดของหล่อนเลยสักนิด แต่ตอนนี้เมื่อคิดไปคิดมากลับรู้สึกว่ามีปัญหาแฝงอยู่ในทุกคำพูด
หล่อนพูดอย่างนั้น อย่างนี้ มีคำพูดไหนบ้างที่ไม่ได้หลอกถามหรือประชดว่าเขามีใครอื่น?
เย่โม่เซินไม่เข้าใจ เขาหายไปแค่ไม่กี่วัน ทำไมหล่อนถึงคิดแบบนี้?
เหมือนจะคิดอะไรขึ้นได้ เขาหรี่ตาลงครุ่นคิด
“มีคนบอกอะไรกับคุณรึเปล่า?”
เมื่อเห็นเขาหรี่ตาลงกะทันหัน มองตัวเองด้วยสายตาเฉียบคม หานมู่จื่อคิดว่าตัวเองเดาถูกแล้ว กัดฟันพูดขึ้น : “คุณไม่ต้องสนว่าใครบอกฉัน เย่โม่เซิน คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้!”
หล่อนออกแรงผลักเขาออก พลางด่าเขา : “คุณไม่ขยะแขยงบ้างเหรอ? ไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นแล้วยังมากอดมาจูบฉัน นิสัยรักสะอาดของคุณหายไปไหนแล้วล่ะ? เสียดายที่ฉันคิดว่าคุณรักสะอาดจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณแค่แสร้งทำเป็นเรื่องสนุกแค่นั้น ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”