เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 634
บทที่ 634 คุณอยากจะให้ผมตายอยู่ข้างนอกใช่ไหม
“มาถึงนี่แล้ว คุณคิดว่าผมล้อคุณเล่นอย่างนั้นเหรอ?” ตอนที่เย่โม่เซินพูด ยังยกมือขึ้นมาสังเกตผมสวยๆแทนเธอ แล้วใช้นิ้วชี้สางปอยผมดำสลวยที่พันกันอยู่
หานมู่จื่อก้มหน้ามองฉากนี้อยู่นาน
“ผมจริงจังนะ หากว่าเป็นเพราะผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งแต่ส่งผลกระทบต่อทัศนคติที่คุณมีต่อผม เช่นนั้นผมก็ต้องพิสูจน์ว่าผู้หญิงคนนั้นกับผมไม่เกี่ยวข้องกัน ตั้งแต่ที่ได้พบกันจนถึงตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำจริงจังทั้งนั้น ไม่ได้ล้อเล่น”
“แต่ว่า……” หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้น มองดวงตาที่แดงก่ำขึ้นเรื่อยๆของเขา: “คุณไม่ได้นอนมาสองวันแล้วไม่ใช่เหรอ? ร่างกายคุณจะทนไหวเหรอ?”
ทั้งสองคนสบตากัน เย่โม่เซินก้มหน้าลงมา เอาหน้าผากค้ำเธอไว้ หลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย
“ทนไม่ไหว”
“แต่ถ้าเสียคุณไปผมทนไม่ไหวมากกว่า”
“คุณอย่าไปเชื่อเขานะ เขาไม่มีเจตนาดี”
เขากำลังพูดแย่ๆถึงเย่หลิ่นหาน แสดงความเห็นแก่ตัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เห็นเธอไม่ตอบอะไร เย่โม่เซินจึงพูดต่อ: “เขาไม่ตอบโต้ ไม่ใช่เพราะเขาไม่สามารถตอบโต้ได้ แต่เพราะคุณอยู่ตรงนั้น”
หานมู่จื่อ: “……”
“เขาจงใจ เข้าใจไหม?”
ริมฝีปากของหานมู่จื่อขยับๆ อยากจะพูดอะไร แต่ริมฝีปากของเย่โม่เซินกลับตกลงมาเสียก่อน จูบที่อ่อนโยนตกอยู่บนริมฝีปากของเธอ ราวกับกลีบดอกไม้ที่ร่วงลงบนพื้น ไม่มีเสียงออกมาสักนิด
อ่อนโยน สงบเงียบ ไร้เสียง
ใจของหานมู่จื่อสั่นไหว อ้าปากด้วยจิตใต้สำนึก รับจูบนั้น
ทันทีที่เธออ้าปาก ยังรู้สึกได้ถึงร่างกายที่สั่นอย่างรุนแรงของอีกฝ่าย ตามมาด้วยลิ้นของเย่โม่เซินที่แทบจะพุ่งเข้ามาเกี่ยวเธอเอาไว้อย่างไม่มีเหตุผล
“อือ”
หานมู่จื่อตอนนี้ไม่สามารถควบคุมเสียงของตนเองเอาไว้ได้แล้ว ก็ตอนที่เธอคิดว่าจูบนี้กำลังจะลึกซึ้ง เย่โม่เซินกลับถอนริมฝีปากของตนเองกลับไป
หานมู่จื่อมองเขาอย่างงงงัน
“คุณอยากจะให้ผมตายอยู่ข้างนอกเหรอ?” เย่โม่เซินค้ำหน้าผากของเธอเอาไว้ พูดออกมาพร้อมลมหายใจแรงๆ
ข้างนอก……
ใช่แล้ว หานมู่จื่อนึกขึ้นได้ทันทีว่าที่นี่ยังเป็นห้อง VIP ของสนามบิน ในนี้แม้ว่าคนจะไม่เยอะเท่าด้านนอก แต่ก็ยังมีคนอื่นด้วย
หานมู่จื่อรู้สึกตัวช้ากว่าจะตอบสนองออกมา ตอนที่เธออยากจะผลักเย่โม่เซิน เย่โม่เซินก็บีบริมฝีปากของเธอเอาไว้แล้วยิ้มออกมา: “สายไปแล้ว ทุกคนเห็นหมดแล้ว หลบไม่ทันแล้วแหละ”
รู้สึกได้ถึงสายตาที่ส่งมาจากรอบด้าน หานมู่จื่อตกใจจนใบหน้าและหูแดงไปหมดแล้ว ไม่กล้าพูดอะไรอีก ทำได้เพียงจ้องเขม็งไปที่เย่โม่เซินอย่างเจ็บใจ
“คุณไม่ได้บอกว่าจะไปหาอะไรกินเหรอ? ปล่อยฉัน ฉันจะไปหาของกินเอง……”
พูดจบเธอก็ดันเย่โม่เซินออก แต่ในทันทีที่ลุกขึ้นก็โดนเย่โม่เซินดึงกลับไป
“รอผมหน่อย”
หานมู่จื่อโดนดึงกลับไปนั่งอยู่ข้างกายของเย่โม่เซิน ได้ยินเขาเข้ามาพูดใกล้ๆที่ข้างหูของตนเอง: “ไม่รู้เหรอว่าเมื่อครู่ที่เพิ่งจูบเสร็จผมไม่สะดวกมากๆ”
“……”
เขาบอกว่าไม่สะดวก หานมู่จื่อรู้ว่าเขาหมายถึงอะไรแน่นอน อันที่จริงก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ที่บ้านเธอก็เคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งแล้ว
นายมันสัตว์ป่า!
“เมื่อครู่ก็……”
ไม่ได้จูบลึกซึ้งขนาดนั้น ไม่นึกว่าเขาก็……
นึกถึงตรงนี้ หานมู่จื่อจึงจ้องเขาเขม็งอีกครั้ง
ดวงตาแดงก่ำของเย่โม่เซินเต็มไปด้วยความปลื้มใจ แม้ว่ายังมีบางอย่างที่ยังไม่สมปรารถนา แต่ความโมโหที่ปล่อยหมัดใส่เย่หลิ่นหานก็หายไปหมดสิ้นแล้ว
ก็ตอนที่หานมู่จื่อเป็นฝ่ายอ้าปากรับเขาวินาทีนั้น เย่โม่เซินก็พบอย่างทันทีว่า ตนเองอยู่ในใจของเธอมาโดยตลอด
ดังนั้น เขาจะโมโหเย่หลิ่นหานเพื่ออะไรล่ะ?
ยังคิดจะแย่งผู้หญิงกับเขาอีก?
เขาก็ไม่เคยเข้ามาอยู่ในจุดนี้อยู่แล้ว เย่โม่เซินพึงพอใจ ครั้งนี้หลังจากที่พาเธอไปเผชิญหน้ากับตวนมู่เสว่เสร็จแล้ว เขาก็สามารถพัฒนาไปอีกขั้น เป็นพ่อได้แล้ว
ผ่อนคลายไปพักใหญ่ หานมู่จื่อถามเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“คุณดีขึ้นหรือยัง?”
เย่โม่เซินส่ายหัว เม้มริมฝีปากบางๆนั่งอยู่ตรงนั้นยังคงไม่ขยับตัว
ผ่านไปประมาณสามนาที หานมู่จื่อจึงมองแล้วถามเขาอีก: “คุณดีขึ้นหรือยัง?”
สายตาที่ชุ่มชื้นนั้น รู้อยู่แก่ใจว่าตอนนี้เขามีสภาพอย่างไร แต่กลับถามเขาด้วยหน้าตาใสซื่อว่าดีขึ้นหรือยัง?
เย่โม่เซินอยากจะดึงเธอมากัดสักทีจริงๆ ค้ำเธอเอาไว้เพื่อให้เธอรู้สึกสักหน่อยว่าเขาดีขึ้นหรือยัง
จะดีขึ้นเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร?
“ทำไมคุณ……” หานมู่จื่อยังอยากจะพูดอะไรกับเขา แต่กลับเห็นเขาใช้สายตาที่ดุร้ายมองตนเองอยู่ คำพูดที่อยู่ข้างริมฝีปากจึงทำได้เพียงกลืนกลับไป
ช่างเถอะ เธอรอต่อไปก็แล้วกัน
เหมือนกับก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ที่บ้าน ก็นานใช้ได้เลยกว่าเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ครั้งนี้ หานมู่จื่อไม่ได้รบกวนเขาอีก เวลาผ่านไปเรื่อยๆ นานจนทำให้อึดอัด จริงๆแล้วหานมู่จื่ออยากจะเตือนเขามากๆ ถ้ารอต่อไปอีกอาจจะต้องขึ้นเครื่องแล้ว
แล้วยังจะกินอาหารอีกล่ะ?
ในที่สุด หานมู่จื่อเกือบจะทนไม่ไหวตอนที่ลุกขึ้นแล้วบอกว่าตนเองจะไปเข้าห้องน้ำ เย่โม่เซินก็จับมือของเธอทันที: “ไปกันเถอะ”
หานมู่จื่อ: “คุณดีขึ้นแล้ว?”
สายตาของเธอกำลังมองเขาอย่างประหลาดใจ
เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากบางๆ
“อย่าใช้สายตาอย่างนี้มองผม ไม่อย่างนั้น……ผมก็ไม่กล้ารับปากว่าผมจะไม่กลับไปนั่งต่ออีก”
หานมู่จื่อ: “……”
ช่างเถอะ เธอหลบสายตากลับมา ไม่สนใจเขาอีก
เดินอยู่ระหว่างทางด้านนอก หานมู่จื่อนึกถึงอะไรบางอย่าง อดไม่ได้ที่จะถาม: “พี่ชายคุณ……จะไม่เป็นไรจริงๆใช่ไหม?”
เสียงพูดเพิ่งจบลง หานมู่จื่อก็รู้สึกถึงลมหายใจข้างกายที่เย็นขึ้นเล็กน้อย
เธอหันไปมองเขา อย่างที่คิดเอาไว้พบว่าสายตาของเย่โม่เซินกำลังมองเธออย่างเย็นชา
“ถึงตอนนี้คุณก็ยังคิดถึงเขา?”
หานมู่จื่อ: “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะคิดถึงเขา แต่เป็นเพราะคุณต่อยเขาจนบาดเจ็บ”
เย่โม่เซินหลบสายตากลับไป น้ำเสียงเมินเฉย
“เขาไม่ใช่พี่ชายผม แล้วคุณก็ไม่ต้องมองเขาเป็นพี่ชายนะ”
แน่นอนว่าเธอไม่ได้มองเขาเป็นพี่ชาย
“ยิ่งไม่อนุญาตให้มองเป็นผู้ชายคนหนึ่งด้วย”
ในใจของหานมู่จื่อคิดว่า คำขอนี้เกินไปแล้วนะ?
“เขาเป็นลูกชายของเมียน้อย” เย่โม่เซินเอ่ยปากออกมาอย่างกะทันหัน
หานมู่จื่อตกตะลึง ลูกของเมียน้อย? จริงๆแล้วเรื่องภายในบ้านของตระกูลเย่หานมู่จื่อก็ไม่ได้ชัดเจนเป็นพิเศษ รู้แค่เพียงผิวเผินเท่านั้น
เย่โม่เซินกับเย่หลิ่นหานไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ เป็นพี่น้องคนละแม่ที่มีพ่อคนเดียวกัน ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่เธอรู้ก็ไม่ถือว่ามากมาย
“ปีนั้น หลังจากที่แม่ผมแต่งเข้าไปในตระกูลเย่ก็ไม่ตั้งท้องเสียที สามปีหลังกลับพบว่าผู้ชายคนนั้นออกนอกลู่นอกทาง นิสัยของแม่ผมหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่ยอมทนรับความเจ็บปวดที่ต้องใช้สามีร่วมกับคนอื่น จึงบังคับผู้ชายคนนั้นให้หย่า แล้วก็ออกมาจากตระกูลเย่”
หานมู่จื่อชะงักงัน มองต่ำลง
ไม่คิดว่าแม่แท้ๆของเย่โม่เซินจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เมื่อพบว่าออกนอกลู่นอกทางก็หย่าทันที ไม่เหมือนกับบางคนที่พบว่าสามีออกนอกลู่นอกทาง แล้วยังกล้ำกลืนความเจ็บปวดเอาไว้โดยสิ้นเชิง
“หลังจากออกมาจากตระกูลเย่ แม่ก็พบว่าตนเองท้องเสียแล้ว”
หลังออกมาก็พบว่าตนเองท้องแล้ว……
ด้วยจิตใต้สำนึกทำให้หานมู่จื่อประคองท้องของตนเองเอาไว้
“แต่แรก เธอจะไม่เอาเด็กคนนี้ก็ได้ อันที่จริงก็เป็นลูกของสามีคนก่อน แต่แม่ยังคงให้กำเนิดผมอย่างไม่ลังเล”
ฟังถึงตรงนี้ หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองเขา
พบว่าดวงตาที่ลึกล้ำของเย่โม่เซิน ราวกับทะเลลึกสีฟ้า
ไม่เหมือนกับเขาในเวลาอื่น หานมู่จื่อไม่เคยเห็นสายตาอย่างนี้ของเย่โม่เซินมาก่อนเลย