เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 646
บทที่646 เป็นเขาจริงๆ
เป็นเขาจริงๆ
เป็นเขาจริงๆ ! ! !
เหลือแต่ความคิดนี้อยู่ในหัวเท่านั้น จู่ๆหานมู่จื่อก็พบว่าดวงตาของตัวเองเริ่มร้อนผ่าว ที่แท้ก็น้ำตารื้นขึ้นมานี่เอง
เธอคิดมาตลอด……ว่าตัวเองท้องลูกของคนแปลกหน้า ตอนแรกยังคิดอยากจะไปทำแท้งด้วยซ้ำ
สุดท้ายก็ปล่อยเอาไว้ เธอเริ่มรักชีวิตเล็กๆที่อยู่ในท้องทีละนิด
ต่อมาเส่โยวบอกว่าจะช่วยเธอตรวจสอบ แต่ตรวจสอบไปตรวจสอบมากลับกลายเป็นเย่หลิ่นหาน
ในเสี้ยววินาทีที่ได้ยินว่าเด็กคือลูกของเย่หลิ่นหาน ตอนนั้นหานมู่จื่อแทบจะแหลกสลาย รู้สึกว่าที่ตัดสินใจคลอดเด็กออกมา ต่อไปเธอคงไม่มีหน้าไปเผชิญหน้ากับเย่โม่เซินแล้ว
ต่อมา……
ก็กลายเป็นอดีตที่แทบไม่อยากหันกลับไปมอง
หานมู่จื่อปิดตาลง น้ำตาไหลรินออกมาทางหางตา จากนั้นก็ซึมเข้าไปในหมอนที่อยู่ข้างๆ
“เป็นอะไรไป ?”
เย่โม่เซินที่อยู่ข้างหลังสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ก็เลยถามออกมาอย่างรีบร้อน
หานมู่จื่อได้สติกลับมา ส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่มีอะไร นี่ก็ดึกแล้ว สิ่งที่ฉันอยากจะถามก็ถามหมดแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ”
ข้างหลังนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เย่โม่เซินก็อดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้ง “เธอแน่ใจว่าเธอไม่เป็นไรจริงๆใช่ไหม”
หานมู่จื่อน้ำตาไหลพลางหัวเราะออกมาเบาๆ “ฉันจะเป็นอะไรได้ล่ะ รีบนอนเถอะ”
พอพูดจบตัวเธอเองก็ปิดตาลงก่อนแล้ว
เสี่ยวหมี่โต้ว……
ถ้าลูกได้เจอแด๊ดดี้ของลูกก็คงต้องดีใจแน่ๆใช่ไหม
นี่เป็นพ่อแท้ๆของลูกเลยนะ
ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย แต่ตอนนี้หานมู่จื่อก็ไม่มีแรงจะไปตามสอบสวนทีละเรื่องแล้ว
เธอไม่มีอะไรให้ต้องหึงหวง เพราะไม่ว่าจะเป็นคนก่อนของเย่โม่เซิน หรือคนหลัง ก็คือตัวเธอเอง
หานมู่จื่อนำพาความคิดแบบนี้ค่อยๆเข้าสู่ห้วงนิทรา
เธอพอใจแล้ว หลับไปแล้ว แต่คนที่ต้องทุกข์ทรมานก็คือเย่โม่เซิน
หลังจากที่บอกวันที่กับหานมู่จื่อไปแล้วเขาก็สัมผัสได้ถึงว่ามีความชื้นภายในอากาศเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เดาว่าเธอคงจะร้องไห้
แต่เธอก็หัวเราะออกมาเบาๆด้วย เสียงหัวเราะนั้นฟังแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
จนตอนที่ลมหายใจของหานมู่จื่อเริ่มสม่ำเสมอแล้ว เย่โม่เซินถึงพยุงตัวขึ้น แล้วพึ่งแสงจันทร์อ่อนๆเพื่อมองสำรวจใบหน้าของเธอ สังเกตเห็นรอยคราบน้ำตาที่มุมดวงตาอันขาวนวลของเธอ
ถึงแม้จะแห้งไปแล้ว แต่ตอนที่ลูบก็ยังสัมผัสได้ว่าตรงนั้นไม่เหมือนกับส่วนอื่นๆ
ร้องไห้เหรอ ?
เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากบาง คิ้วเริ่มขมวดกันแน่น
เพราะว่าเขาจำวันที่ได้แม่นยำเกินไป เธอก็เลยหึงหวงอย่างนั้นหรือ เธอเสียใจ ก็เลยร้องไห้ ?
แต่ที่เย่โม่เซินจำวันที่ได้อย่างแม่นยำก็เพราะว่าในวันนั้นเกิดเรื่องขึ้นมากมาย ไม่ใช่แค่เขาเกิดมีอะไรกับผู้หญิงแปลกหน้าเข้า แต่วันนั้นเป็นวันที่เขาถูกล่อลวงด้วย
เขาจะต้องจำวันนั้นไว้ให้ดี จากนั้นไม่ว่าจะในช่วงเวลาใด ก็จะไม่มีวันหลงกลแบบนั้นอีกเป็นแน่
มองดูคราบน้ำตาบางๆนั้น เย่โม่เซินก็โน้มตัวลงไปจูบบนนั้นเบาๆ เบาราวกับขนนก ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็นอนลงข้างๆเธอ แต่ใจกลับเหมือนถูกจิกด้วยเล็บ
*
ในประเทศ
เสี่ยวเหยียนขะมักเขม้นอยู่บนโต๊ะ เขียนไปพักหนึ่งก็รู้สึกว่าไม่ใช่ แล้วก็โยนกระดาษที่อยู่ในมือทิ้งไป
เริ่มเขียนหน้าใหม่อีกครั้ง แต่พอดูอีกทีก็ยังรู้สึกว่ายังไม่ใช่ สุดท้ายก็เริ่มเขียนใหม่อีกครั้ง
ตอนที่เธอโยนกระดาษทิ้งไปหลายแผ่นแล้ว เสี่ยวหมี่โต้วที่นั่งทานผลไม้อยู่บนโซฟาก็ทนดูต่อไปไม่ไหว
“น้าเสี่ยวเหยียน น้าสิ้นเปลืองกระดาษไปหลายแผ่นแล้วนะฮะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เสี่ยวเหยียนก็หันไปถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง “ก็ไม่ได้สิ้นเปลืองของนายสักหน่อย นี่ฉันซื้อเองต่างหาก”
“กรอบ……” เสี่ยวหมี่โต้วกินองุ่นลูกหนึ่ง “ทั้งๆที่น้าเสี่ยวเหยียนใช้คอมพิวเตอร์วาดก็ได้แท้ๆ จะลบหรือแก้ไขก็ง่าย ทำไมน้าต้องสิ้นเปลืองกระดาษแบบนี้ด้วย……คุณครูบอกว่า การสิ้นเปลืองเป็นเรื่องน่าอับอาย”
เสี่ยวเหยียน “……”
“ฉันรู้แล้ว” เธอขยี้ผมยาวของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง พูดอย่างฉุนเฉียวว่า “เขียนยังไงก็ไม่ดี น่ารำคาญจะแย่อยู่แล้ว”
“ที่จริง……น้าเสี่ยวเหยียนไม่ต้องเขียนแล้วฮะ ไม่ว่าน้าจะเขียนยังไง คุณน้าก็ไม่ใช้ของน้าหรอก”
“นายรู้ได้ยังไงว่าเขาจะไม่ใช้ของฉัน” เสี่ยวเหยียนทำเสียงในลำคอ “ทุกๆอย่างมันยากตอนเริ่มต้นทั้งนั้นแหละ ถ้าครั้งแรกไม่ยอมใช้ งั้นฉันก็จะไปหลายๆครั้ง ไม่แน่ว่าอาจจะสำเร็จก็ได้”
“อืม” เสี่ยวหมี่โต้วลูบคางตัวเอง เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ “คุณน้าเย็นชามากนะ ถ้าน้าเสี่ยวเหยียนจะไปเป็นเลขาที่บริษัท สู้ไปเป็นแม่บ้านที่บ้านตระกูลหานยังจะดีเสียกว่า”
“แม่บ้าน ?” เสี่ยวเหยียนเบิกตาโตมองเขาแบบไม่อยากจะเชื่อ “เสี่ยวหมี่โต้วที่จริงแล้วนายเป็นปีศาจสินะ ถึงได้กล้าบอกให้ฉันไปเป็นแม่บ้านของคุณน้านาย แม่บ้านเนี่ยนะ ! ฉันยังสาวยังแส้ขนาดนี้ให้ไปเป็นแม่บ้านอันตรายจะตายไป”
เสี่ยวหมี่โต้วที่กำลังกินชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วมองไปที่เสี่ยวเหยียนอย่างซื่อๆ
“อันตรายอะไรเหรอฮะ ?”
เสี่ยวเหยียนเดินไปตรงหน้าเสี่ยวหมี่โต้ว แล้วยื่นมือไปจิ้มหน้าผากเขา
“เจ้าเด็กโง่ ทุกๆวันนอกจากกินแล้วนายยังทำอะไรเป็นอีกบ้าง ถ้าหญิงสาวหน้าตาดีไปเป็นแม่บ้าน ก็ต้องเจอกับเจ้าบ้านหัวงูน่ะสิ ถึงเวลานั้นจะต้องถูกรังแกแน่นอน”
เสี่ยวหมี่โต้วกลืนองุ่นลงคอ กะพริบตาปริบๆ เอียงคอ
“แต่ว่าคุณน้าเป็นเจ้าบ้านของตระกูลหานนี่นา น้าเสี่ยวเหยียนเองก็อยากถูกคุณน้ารังแกไม่ใช่เหรอฮะ”
เสี่ยวเหยียน “……”
นั่นสิ เจ้าบ้านของตระกูลหานก็คือหานชิงไม่ใช่หรือไง ถ้าเกิดหานชิงอยากจะทำอะไรเธอ เธอก็เต็มใจ
กลัวก็แต่ว่าหานชิงอาจจะไม่อยากทำอะไรเธอแม้แต่น้อย
ไม่ใช่สิ เธอกำลังคิดเรื่องบ้าบออะไรอยู่กันแน่
แล้วนี่เสี่ยวหมี่โต้วเป็นอะไรกันแน่ ทำไมเขาถึงพูดเรื่องพวกนี้กับเธอ เขาจะไปเข้าใจได้ยังไง
พอคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็ขยับเข้าไปใกล้ หรี่ตามองเสี่ยวหมี่โต้วอย่างอันตราย ทันใดนั้น มือข้างหนึ่งก็ดึงใบหูของเสี่ยวหมี่โต้ว
“รีบสารภาพมาตามตรงเลยนะ นายไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน อายุแค่นี้ นายไม่เรียนเรื่องดีๆเลยใช่ไหม”
เสี่ยวเหยียนกำลังดุ แรงบนมือหนักขึ้น หูของเสี่ยวหมี่โต้วกลายเป็นสีแดงจนสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า เขาเจ็บจนร้องออกมา “อ๊าก น้าเสี่ยวเหยียนรีบปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ผมเจ็บ !”
“นายรู้จักเจ็บด้วยเหรอ ดูสิว่านายเรียนรู้อะไรมาบ้าง ฉันรู้ว่าสมองน้อยๆของนายมีพื้นที่มากกว่าคนอื่น แต่นี่นายจะใส่ของเข้าไปมากเกินไปหรือเปล่า อีกอย่างเรื่องบางเรื่องมันใช่เรื่องที่นายสมควรใส่เข้าไปหรือไง ? เร็ว รีบเอาสิ่งที่นายพูดกับฉันเมื่อกี้ กับพวกความคิดที่ไม่ดีพวกนั้นออกจากสมองของนายให้หมด”
“โอ๊ยๆ” เสี่ยวหมี่โต้วร้องโอ๊ย อยากจะปัดมือของเสี่ยวเหยียนทิ้ง แต่ก็ปัดไม่ออก รีบร้อนจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา
สุดท้ายเลยต้องใช้ไพ่ตาย “น้าเสี่ยวเหยียน ถ้าน้ายังไม่ยอมปล่อย ผมจะโทรหาคุณน้าเดี๋ยวนี้เลย จะพูดเรื่องไม่ดีของน้า !”
เมื่อได้ยินชื่อหานชิง เสี่ยวเหยียนก็ขี้ขลาดขึ้นมาจริงๆ ชะงักไปครู่หนึ่ง เสี่ยวหมี่โต้วก็หลุดออกจากมือของเธอแล้ววิ่งหนีไปเสียแล้ว
เขาปิดหูของตัวเองที่ถูกบีบจนแดงแล้ววิ่งไปจนถึงหน้าบันได เท้าเล็กๆก้าวขึ้นไปบนบันไดขั้นหนึ่งแล้ว จากนั้นก็หันกลับไปมองเสี่ยวเหยียน
“หึ ถ้าน้าเสี่ยวเหยียนกล้ารังแกผมอีก ผมก็จะโทรหาคุณน้าทุกวัน แล้วพูดเรื่องไม่ดีของน้าเสี่ยวเหยียน ถึงตอนนั้นน้าเสี่ยวเหยียนก็ยิ่งไม่มีโอกาสแล้ว”
“นายกล้าเหรอ !”
เสี่ยวเหยียนหัวฟัดหัวเหวี่ยง สองมือเท้าสะเอว “นายห้ามโทรศัพท์นะ ฉันต้องเป็นน้าสะใภ้ของนายนะ !”
“งั้นน้าเสี่ยวเหยียนก็ต้องเอาใจผมสิ ถ้าน้าเสี่ยวเหยียนเอาใจผม ผมจะพาน้าไปหาคุณน้าเอง”