เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 673
บทที่673 นายกำลังตำหนิฉันอยู่เหรอ
วันนี้ตอนที่ประชุม ทุกคนต่างก็รู้สึกได้ว่าเย่โม่เซินดูแปลกๆไป ตั้งแต่ที่เขาหน้าบึ้งเข้ามาในห้องประชุม บนตัวเขาก็แผ่รังสีเยือกเย็นจนทำให้บรรยากาศในห้องลดลงอย่างรวดเร็ว
ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา ไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเท่าไหร่
หัวข้อการประชุมในครั้งนี้ ที่จริงแล้วได้ทำการประชุมไปหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ข้อตกลงที่น่าพึงพอใจสักที
ทุกครั้งจะเป็นเพราะว่าเย่โม่เซินมาธุระขึ้นมากะทันหันจนต้องเลื่อนการประชุมออกไป
ถึงพวกเขาจะอยากบอกเย่โม่เซินว่าทำแบบนี้มันไม่ถูก จะเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานแบบนี้ไม่ได้ แต่เพราะอีกฝ่ายคือเย่โม่เซิน ถึงแม้การจะต้องมาประชุมกันหลายรอบมันจะยุ่งยาก แต่พวกเขาก็กลัวว่ามัจจุราชผู้เย็นชาจะโมโห แล้วมาลงที่พวกเขา ดังนั้นถึงจะไม่พอใจยังไง พวกเขาก็เก็บมันไว้ในใจทั้งหมด
แต่อารมณ์ที่เย่โม่เซินเอาเข้ามาในห้องประชุมด้วย ทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกหวาดกลัว การประชุมในวันนี้จะเริ่มยังไงดี
หลังจากที่ทุกคนมองหน้ากันไปมา ก็มีหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นมาอย่างใจกล้า
“คุณชายเย่ครับ ของขวัญที่คุณชายเย่เคยถามถึง ได้มอบออกไปหรือยังครับ”
พอได้ยินคำว่าของขวัญ ทำให้เย่โม่เซินมองหน้าคนพูดทันที สายตาที่คมราวกับสายตาของเหยี่ยว มองจนอีกฝ่ายต้องเงียบ ไม่กล้าพูดอะไรอีก
สักพักเย่โม่เซินก็พูดเสียงนิ่ง “เริ่มการประชุมได้”
ทุกคนตอบรับ ในใจคิดว่าวันนี้จะได้ประชุมกันจริงๆใช่ไหม สุดท้าย… ทุกคนก็เริ่มปรึกษากัน แล้วเย่โม่เซินก็มองพวกเขาปรึกษากันด้วยสีหน้านิ่งเฉย แต่ในสมองของเขากลับคิดถึงแต่เรื่องของหานมู่จื่อและใบหน้าที่แสนน่ารักของเสี่ยวหมี่โต้ว
“คุณชายเย่ คุณชายเย่ครับ”
เย่โม่เซินได้สติกลับมา มีคนกำลังเรียกชื่อเขา เขาจึงเงยหน้าขึ้นมอง
“คุณคิดว่าแผนงานนี้โอเคไหมครับ”
เย่โม่เซินชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเม้มปากพูด “ไม่เลว”
ถึงแม้ว่าเมื่อตะกี้เขาจะไม่ได้ฟัง
ทุกคนต่างนิ่งเงียบ ก่อนจะมองหน้ากันไปมา แล้วเข้าใจในทันทีว่าเย่โม่เซินไม่ได้ฟังในสิ่งที่พวกเขากำลังคุยกัน
เซียวซู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างทนดูไม่ไหว จึงก้มตัวลงไปกระซิบข้างหูของเย่โม่เซินเบาๆ
ตอนแรกสีหน้าของเย่โม่เซินยังปกติดี แต่หลังจากที่ได้ฟังคำรายงานของเซียวซู่ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วพูดเสียงแข็ง “แผนงานแบบนี้ใครเป็นคนคิดออกมา ทุกคนต่างก็ทำงานกับบริษัทมาหลายปีแล้ว แผนงานบ้าๆแบบนี้ยังจะกล้าเสนอออกมาอีก”
ทุกคน “…”
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังบอกว่าไม่เลวอยู่เลยแท้ๆ
แต่ตอนนี้กลับพูดหักหน้าตัวเอง มันจะดีเหรอ
เย่โม่เซินมองหน้าทุกคนด้วยแววตาคมเข้ม “หรือว่าช่วงนี้พวกคุณจะว่างกันมาก ดังนั้นจึงคิดว่าแค่หาแผนงานอะไรก็ได้มานำเสนอกับผม”
เซียวซู่กระแอมออกมาเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบข้างหูเย่โม่เซินอีกครั้ง
ก่อนที่เย่โม่เซินจะคิดอะไรไปไกลกว่านี้ หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เซียวซู่พูด เขาก็นั่งตะลึง แล้วไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอีก
หนึ่งในคณะกรรมการที่มีความกล้าอยู่บ้าง แอบกระซิบพูดกับเซียวซู่
“เลขาเซียวครับ ผมว่าเราควรจะยกเลิกการประชุมไปก่อนนะครับ รอให้คุณชายเย่จัดการปัญหาส่วนตัวเรียบร้อย แล้วเราค่อยมาปรึกษากันเรื่องนี้ดีกว่าครับ”
พอได้ยินแบบนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที ก่อนจะเหลือบมองไปทางเย่โม่เซิน
เพราะกลัวว่าเย่โม่เซินจะระเบิดอารมณ์ออกมา
แต่ดูเหมือนว่าเย่โม่เซินจะไม่ได้ยินในสิ่งที่พวกเขากำลังคุยกัน เขายังคงนั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม
ทุกคน “…”
เซียวซู่นิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดออกมา “พวกคุณออกไปก่อนเถอะครับ รอให้คุณชายเย่จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย ค่อยมาประชุมกันต่อ”
พอเซียวซู่พูดจบ ทุกคนก็ไม่อยู่ในห้องต่อ ต่างคนต่างก็รีบเก็บของ แล้วเดินออกจากห้องประชุมไปทันที
รอจนเย่โม่เซินได้สติกลับมา ก็พบว่าในห้องประชุมไม่มีใครเหลือแล้ว
เขานิ่งอึ้ง ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ “หายไปไหนหมด”
เซียวซู่ยืนหมดคำพูดอยู่ด้านข้าง “ผมให้พวกเขาออกไปแล้วครับ”
พอได้ยินแบบนั้น เย่โม่เซินก็มองหน้าเซียวซู่อย่างไม่พอใจ เซียวซู่รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที แต่ก็ยังยืนตัวตรง “คุณชายเย่ครับ ไม่ใช่ว่าผมจงใจให้พวกเขาออกไป แต่เป็นเพราะว่าคุณชายเย่เหม่อลอยมากเกินไป คุณชายเย่ไม่ได้ฟังในสิ่งที่พวกเขารายงานเลยแม้แต่คำเดียว ผมขอบอกตามตรงนะครับ ถ้าหากไม่ใช่เพราะตำแหน่งของคุณชายเย่ ผมคิดว่า… คนที่โดนด่าน่าจะเป็นคุณชายเย่มากกว่า”
เย่โม่เซินเม้มปาก ก่อนจะพูดเสียงดุ “อยากตายหรือไง”
รังสีสังหารนี่…
เซียวซู่เซถอยหลัง เขารู้สึกเสียวสันหลังมาก ก่อนจะรีบกระแอมออกมา แล้วพูด “ไม่อยากครับ แต่ยังไงผมก็ต้องพูด ช่วงนี้คุณชายเย่ห่วงแต่เรื่องของคุณนายน้อยสินะครับ เมื่อก่อนคุณชายเย่แบ่งเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานอย่างชัดเจน และไม่มีทางเอาเรื่องส่วนตัวมาคิดในเวลาทำงานเด็ดขาด แต่ช่วงนี้คุณชายเย่เอาเรื่องส่วนตัวมาที่ทำงานด้วยครับ แบบนี้จะเป็นการไม่ดี”
พอได้ยินแบบนั้น เย่โม่เซินก็เงยหน้าขึ้นมอง
“นี่นายกำลังตำหนิฉันอยู่เหรอ”
เซียวซู่กระตุกริมฝีปาก “คุณชายเย่ครับ ผมจะกล้าตำหนิคุณชายเย่ได้ยังไงกันครับ ผมก็แค่เสนอความคิดเห็น เสนอความคิดเห็นเท่านั้นเองครับ”
“ออกไป”
พอได้ยินเย่โม่เซินไล่อย่างไม่ไว้หน้า เซียวซู่ก็เริ่มท้อแท้ ก่อนจะพูดออกมาอย่างเหนื่อยใจ “ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป การประชุมครั้งนี้คงไม่มีที่สิ้นสุด คุณชายเย่ครับ… ยังไงช่วงนี้ผมก็งานยุ่งมากอยู่แล้ว ผมยอมเหนื่อยขึ้นอีกนิดก็ได้ คุณชายเย่… กลับไปเคลียร์เรื่องของคุณนายน้อยให้เรียบร้อยก่อนไหมครับ”
พอคิดถึงผู้หญิงคนนั้น เย่โม่เซินก็นึกถึงเสี่ยวหมี่โต้วขึ้นมา เขาเม้มปาก ก่อนจะมองไปทางเซียวซู่
“ฉันขอถามหน่อย ถ้าหากบนโลกใบนี้มีคนสองคนที่หน้าตาเหมือนกันมาก พวกเขาจะเป็นอะไรกันได้”
เซียวซู่ไม่เข้าใจความหมายของคำถามนี้ และไม่เข้าใจความคิดของเย่โม่เซินด้วย เขามองสายตาของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยถามอย่างอ้อมแอ้ม “คนสองคนที่หน้าตาเหมือนกันมากอย่างนั้นเหรอครับ พวกเขา… เป็นฝาแฝดกันหรือเปล่าครับ”
พอถามออกไปแล้ว เซียวซู่เห็นว่าเย่โม่เซินขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
หรือว่าคำตอบจะไม่ใช่คำตอบที่เขาอยากได้ เซียวซู่รีบเปลี่ยนวิธีพูด “หรือว่าจะเป็นการศัลยกรรมใบหน้าให้เหมือนกัน”
เย่โม่เซิน “…”
เขาเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปทางเซียวซู่อย่างขุ่นเคือง
“นายอยากตายไหม”
เซียวซู่“… ทำไมคุณชายเย่ถึงได้ถามคำถามแบบนี้ขึ้นมากะทันหันครับ ผมคิดว่าบนโลกใบนี้นอกจากฝาแฝดแล้ว คงหาคนที่หน้าตาเหมือนกันทุกอย่างไม่เจอหรอกครับ”
เย่โม่เซินใจกระตุก “พวกเขาอาจจะเป็นพ่อลูกกันก็ได้นี่”
“พ่อลูกเหรอครับ” เซียวซู่จับประเด็นได้ในทันที เขายืนนิ่งคิดอบู่สักพัก ก่อนจะได้สติกลับมา “คุณชายเย่ครับ คุณชายเย่หมายความว่า…”
พอเอาทุกอย่างมาเชื่อมโยงกับการกระทำในหลายวันนี้ของเย่โม่เซิน ทั้งสั่งให้เขาไปซื้อของเล่นเด็กจำนวนมาก แล้วตอนนี้ยังจะพูดถึงเรื่องพ่อลูกอีก… หรือว่า…
เซียวซู่ตกใจจนตาค้างมองไปทางเย่โม่เซิน
“คุณชายเย่ครับ หรือว่า… คุณนายน้อยจะมีลูกให้…”
เย่โม่เซินมีแววตาสับสน เขานั่งนิ่งไม่ปฏิเสธคำพูดของเซียวซู่ เซียวซู่กลืนน้ำลาย ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามา “ลูกชายเหรอครับ”
“อีกทั้งยังหน้าตาเหมือนคุณชายเย่มากด้วยใช่ไหมครับ”
เย่โม่เซินขมวดคิ้วขึ้นอย่างรำคาญ
เซียวซู่ได้สติกลับมา เขารีบพูดออกมาทันที “ผมจะรีบไปสืบเรื่องนี้เดี๋ยวนี้เลยครับ”
พอพูดจบเขาก็หันหลังกลับเพื่อเตรียมจะเดินออกไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็มีเสียงพูดดังขึ้นมา
“หยุดเดี๋ยวนี้”