เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 683
บทที่ 683 รีบลงมือเมื่อสบโอกาส
หลังจากวางสาย เสี่ยวหมี่โต้วหันกลับไปมองสายตาคู่หนึ่งที่อยู่นอกประตู เป็นสายตาของเสี่ยวเหยียนที่จ้องมองมา
“คุณน้าเสี่ยวเหยียน คุณแอบฟังผมคุยโทรศัพท์เหรอครับ?”
เมื่อถูกจับได้ว่าแอบฟัง เสี่ยวเหยียนก็ถึงกลับทำหน้าไม่ถูก ได้เพียงแต่ประหลาดใจกับความรู้สึกตื่นตัวของเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ
แม้ว่าเธอจะระมัดระวังขนาดไหนก็ยังถูกพบจนได้
“เปล่านะ” เสี่ยวเหยียนกระโดดออกมาจากหลังประตู ก่อนจะโบกมือให้เสี่ยวหมี่โต้วอยากขัดเขิน “คุณอาแค่จะมาถามเราว่าโทรแจ้งหม่ามี๊ของเราหรือยัง คุณอาไม่ได้ตั้งใจจะมาแอบฟังเราคุยโทรศัพท์นะ~”
พูดจบ เสี่ยวเหยียนก็เอื้อมมือไปลูบหัวเสี่ยวหมี่โต้วเบาๆ พลางมองเขาด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวหมี่โต้วกะพริบตามองดูเธออยู่สักพัก “คนโกหก คุณน้าเสี่ยวเหยียนแค่มาแอบฟังเสี่ยวหมี่โต้วคุยโทรศัพท์”
เสี่ยวรอยยิ้มบนใบหน้าของเสี่ยวเหยียนถึงกับแข็งค้างไป หลังจากนั้นก็ยอมรับอย่างตรงๆ“โอเคโอเค คุณน้าเสี่ยวเหยียนมาแบบฟังเราคุยโทรศัพท์โอเคยัง? แล้วหม่ามี๊ให้เรารอใช่ไหม?”
เมื่อเห็นว่าเธอกล้าที่จะยอมรับ เสี่ยวหมี่โต้วก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมอีก เขาเพียงพยักหน้ากลับไป
มุมปากเสี่ยวเหยียนอดกระตุกไม่ได้ “ความจริงแล้วคุณน้าเสี่ยวเหยียนก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะแอบฟังเสี่ยวหมี่โต้วคุยโทรศัพท์ เพียงแต่…. เวลาที่อยู่ต่อหน้าคุณลุงจำไว้ว่าอย่าเปิดเผยเรื่องของหม่ามี๊รู้ใช่ไหม?”
“ทำไมล่ะครับ?” ดวงตาสีดำเข้มของเสี่ยวหมี่โต้วมองไปที่เสี่ยวเหยียนอย่างไม่เข้าใจ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาใสซื่อที่ถูกส่งมา เสี่ยวเหยียนก็โกหกไม่ลง ทำเพียงหลับตาแล้วกระซิบเสียงเบา “ไม่ต้องถามเยอะหรอก หลังจากนี้เดี๋ยวเราจะเข้าใจเอง แต่ว่าตอนนี้ เสี่ยวหมี่โต้ว คุณน้าเสี่ยวเหยียนรู้ว่าเราแตกต่างจากเด็กทั่วไป และก็รู้ด้วยว่าเราน่ะฉลาดมาก เพราะงั้นครั้งนี้เราสัญญากับอาได้ไหม? เรื่องนี้ปล่อยให้หม่ามี๊ของเราเป็นคนจัดการเองเถอะ”
พูดจบ เสี่ยวเหยียนใช้สายตามองเสี่ยวหมี่โต้วอย่างจริงจัง
เสี่ยวหมี่โต้วเองก็จ้องเธอกลับ
ทั้งคู่สบสายตากันอยู่สักพัก เสี่ยวหมี่โต้วเอียงคอมอง “แต่ว่า ผมก็เห็นรู้อะไรเลยครับ ผมจะคุยอะไรกับคุณลุงเหรอ?”
“ระ เราจะไม่รู้ได้ยังไง ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าแด๊ด…”
พูดมาถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็มีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว รีบเข้าไปกอดเสี่ยวหมี่โต้วที่อยู่ตรงหน้าเอาไว้
“เสี่ยวหมี่โต้ว เรานี้ฉลาดจริงๆ คุณน้าเสี่ยวเหยียนชอบเธอมากเลย”
เมื่อได้ฟังอย่างนั้น เสี่ยวหมี่โต้วก็แสดงออกอย่างเมินเฉย ก่อนจะยื่นมือออกไปผลักเสี่ยวเหยียนออก แล้วพูดว่า “เสี่ยวหมี่โต้วชอบแค่หม่ามี๊~ ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าคุณน้าเสี่ยวเหยียนชอบคุณลุงมากกว่า!”
เมื่อถูกเด็กพูดความในใจของตัวเองออกมา เสี่ยวเหยียนก็ถึงกับลูบจมูกตัวเองแก้เก้อ พลางกระซิบเสียงเบา “เอาล่ะ ไม่ว่าจะชอบเราหรือว่าคุณลุงมากกว่ากัน มันก็ไม่ต่างกันหรอก เพราะงั้นไงก็ชอบเสี่ยวหมี่โต้ว ใครใช้ให้เสี่ยวหมี่โต้วของเราทั้งฉลาดและน่ารักแบบนี้ล่ะ?”
เสี่ยวหมี่โต้วไม่สนใจการพูดจาประจบประแจงของเสี่ยวเหยียน เพียงวางโทรศัพท์ลงแล้วตั้งหน้าตั้งตารอหม่ามี๊
ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับหม่ามี๊และแด๊ดดี๊จะให้อภัยแด๊ดดี๊ง่ายๆอย่างนั้นเหรอ? หึ เขาไม่ให้
เมื่อก่อนแด๊ดดี๊รังแกหม่ามี๊ ยังจะมาหวังให้หม่ามี๊ให้อภัยเร็วๆ อย่าได้คิดเรื่องนี้เลย!!
ในตอนที่หานมู่จื่อออกมาจากวิลล่าไห่เจียงเป็นคนขับรถที่มาส่งเธอถึงหน้าประตู ก่อนที่หานมู่จื่อจะให้คนขับรถกลับไปก่อน ในตอนแรกคนขับรถไม่วางใจยืนกรานที่จะอยู่รอเธอ
เมื่อไร้ทางเลือกหานมู่จื่อจึงได้แต่บอกไปเพียงว่าเย่โม่เซินจะเป็นคนมารับเธอเอง คนขับรถจึงแสดงสีหน้าสำนึกผิดก่อนจะยอมล่าถอยขับรถออกไป
หลังจากที่รอให้คนขับรถจากไป หานมู่จื่อก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะเดินขึ้นอาคารไป
เมื่อเข้ามาในห้องแล้วหลังจากนั้นหานมู่จื่อก็ตะโกนเรียกชื่อเสี่ยวหมี่โต้ว
หลังจากนั้นเธอก็เห็นเสี่ยวหมี่โต้ววิ่งลงมาจากชั้นบนอย่างรวดเร็ว ความเร็วนั้นมันมากจนสีหน้าของหานมู่จื่อแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วง มองดูเขาที่วิ่งมาหาตัวเองด้วยความเป็นกังวล อยากจะร้องบอกให้เขาหยุด ทว่าก็กลัวเขาจะตกใจจนหกล้มไป
ดังนั้นเมื่อเสี่ยวหมี่โต้ววิ่งเข้ามากระโจมใส่อ้อมกอดของเธอ สิ่งแรกที่หานมู่จื่อทำคือเอื้อมมือไปจับหูของเสี่ยวหมี่โต้ว
“ใครให้ลูกวิ่งเร็วขนาดนี้กันเนี่ย? บันไดสูงขนาดนี้ ลูกวิ่งมาเร็วๆ ไม่กลัวหกล้มเลยเหรอ? เสี่ยวหมี่โต้ว นี้ลูกคิดว่าเลยเหรอว่าร่างกายเราจะเป็นอะไร?”
น้ำเสียงของเธอฟังดูดุดัน แค่มองดูก็รู้ว่าไม่ได้ล้อเล่น
เสี่ยวหมี่โต้วไม่กล้าแย้ง เพียงแลบลิ้นออกมา พลางทำหน้าน่าสงสาร “ขอโทษครับหม่ามี๊ เป็นเพราะเสี่ยวหมี่โต้วไม่ดีเอง เสี่ยวหมี่โต้วเห็นมาหม่ามี๊ก็เลยรีบร้อน….”
พูดจบเสี่ยวหมี่โต้วก็เงยหน้าขึ้นมา มองเธอด้วยแววตาน่าสงสาร พร้อมแสดงท่าทางอ้อนวอนของความรัก
เมื่อเห็นเสี่ยวหมี่โต้วเป็นแบบนี้ เรื่องที่หานมู่จื่อกำลังจะตำหนิต่อก็พลางทลายหายไป
เสี่ยวหมี่โต้วชี้มือที่ดูราวกับอุ้งเท้าเล็กๆ ไปที่หูของตัวเอง “หม่ามี๊ เจ็บครับ~”
หานมู่จื่อรีบปล่อยมือตัวเองอย่างเผลอตัว หลังจากนั้นก็ก้มลงไปลูบหูให้เขา “เจ็บมากไหม? เป็นหม่ามี๊ใช้แรงเกินไปหรือเปล่า?”
“อื้ม!” เสี่ยวหมี่โต้วเม้มปากแน่น มองเธอด้วยน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอ สายตาแบบนั้นยิ่งทำให้หานมู่จื่อรู้สึกเป็นทุกข์ใจอย่างมาก
“โอเคครับ เป็นหม่ามี๊ผิดเอง อย่าโกรธหม่ามี๊เลยนะครับ? ไปล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วครับ เดี๋ยวเราจะไปหาคุณลุงที่บ้านกัน”
เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “งั้นหม่ามี๊รอเสี่ยวหมี่โต้วแป๊บหนึ่งนะครับ”
หลังจากนั้นเสี่ยวหมี่โต้วก็หมุนตัวขึ้นด้านบน ในตอนที่เขากำลังจะวิ่งไปก็พูดหานมู่จื่อพูดขึ้นมาอีกประโยค จึงทำได้เพียงค่อยๆ เดินขึ้นไป
บังเอิญกับเสี่ยวเหยียนที่ยืนอยู่ด้านบนมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด หลังจากที่รอให้เสี่ยวหมี่โต้วเดินจากไปแล้ว เธอก็ได้พูดขึ้นมา
“ความสามารถในการแอ๊บของเสี่ยวหมี่โต้วยิ่งโตยิ่งดูซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ~”
หานมู่จื่อ “……….”
เธอมองไปที่เสี่ยวเหยียนอย่างทำอะไรไม่ถูก แม้ว่าเธอจะรู้อยู่แล้วว่าเมื่อครู่เป็นเสี่ยวหมี่โต้วที่แสร้งแอ๊บให้ดูน่าสงสาร แต่ใครให้เขาเป็นลูกชายเธอกันละ? เป็นลูกชายที่ตัวเองหวงมากด้วย
“จู่ๆ หานชิงก็เรียกเธอกลับไป กลับไปทำไม? ไม่ใช่ว่าเขารู้เรื่องของเธอกับเย่โม่เซินแล้วเหรอ?”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้สีหน้าของหานมู่จื่อก็ยังดูสงบนิ่งราวกับไม่ได้กังวลใจเลย
เสี่ยวเหยียนอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ “ทำไมเธอยังสงบได้อยู่อีกอ่ะ? นั่นพี่ชายเธอเลยนะ ไม่กังวลเลยเหรอ?”
หานมู่จื่อเงยหน้ามองเธอนิ่ง ก่อนจะพูดออกมาเสียงเบา “ฉันกังวลไปแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ? ยังไงเรื่องนี้ ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องรู้อยู่แล้ว ดังนั้นจะรู้ช้าหรือรู้เร็วก็คงไม่ต่างกัน”
เมื่อฟังอย่างนี้ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกว่าที่เธอพูดมาก็มีเหตุผล
ถ้าหานมู่จื่อกับเย่โม่เซินอยู่ด้วยกัน ไม่ช้าก็เร็วยังไงหานชิงก็ต้องรู้เรื่องนี้แน่ ดังนั้นรู้ตอนนี้ กับรู้ตอนหลัง…… ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกัน
คิดได้อย่างนี้เสี่ยวเหยียนก็พยักหน้า “งั้นเธอคิดจะพูดกับพี่ชายเธอยัง?”
พูดยังไง?
นึกถึงเรื่องที่ตัวเองจะพูดกับหานชิงในวันนี้ อ้อนวอนขอร้อง หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าหลังของตัวเริ่มที่จะเย็นเหยียบขึ้นมา แต่ว่า….. ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือก
เธอหัวเราะ “ถึงเวลานั้นก็มาดูกัน มีโอกาสก็ต้องทำแล้วล่ะ”