เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 700
บทที่700 จิตใจเริ่มไม่สงบขึ้นมา
เธอไม่อาจทนเห็นเขาอดหลับอดนอนอย่างยากลำบากแบบนี้ต่อไปได้อีก จึงใช้โอกาสนี้พยักหน้าออกไปเบาๆ
การเอนซบเข้ามาของเย่โม่เซินได้ชะงักไปอย่างนั้น คาดว่าน่าจะคาดไม่ถึงว่าเธอจะยอมรับออกมาตรงๆแบบนั้นดวงตาดำสนิทมีประกายของอาการทำอะไรไม่ถูกออกมา พร้อมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบห้าว “ใจร้าย ไม่คิดหน่อยหรอว่าที่ผมต้องกลายเป็นแบบนี้ก็เพื่ออะไร?”
ได้ยินดังนั้นแล้ว หานมู่จื่อก็กัดริมฝีปากออกมา “ฉันต้องรู้อยู่แล้วว่าคุณทำไปเพื่ออะไร แต่…คุณก็ต้องอย่าลืมพักผ่อนด้วยสิคะ เอาอย่างนี้มั้ยคะ…คุณก็ไม่ต้องกลับมาสักพัก?”
เย่โม่เซิน “…”
นิ่งเงียบไปสักพักนึง ทันใดนั้นเขาก็ก้มหน้าลงมาประกบลงไปบนริมฝีปากของหานมู่จื่อเพื่อเป็นการลงโทษเธอ
“ผมอดนอนมาสิบกว่าชั่วโมง เพิ่งจะกลับมาก็รีบไล่ผมไปเสียแล้ว? ระยะเวลาที่จะถึงวันงานเหลืออีกไม่นานแล้ว ช่วยอยู่รออย่างว่าง่ายๆหน่อยนะครับ อย่ามัวคิดอะไรไร้สาระเลย”
หานมู่จื่อ “ฉันไม่ได้คิดอะไรไร้สาระ ฉันพูดจริงๆ ช่วงนี้คุณได้ส่องกระจกบ้างหรือเปล่า? ไม่ดูหน่อยหรอว่าตอนนี้คุณมีสภาพแบบไหน ฉันกลัวว่าถ้าคุณอดหลับอดนอนแบบนี้ต่อไป ถึงวันงานคุณคงทำเอาแขกกลัวจนหนีหายไปหลายคนแน่”
“คุณจะเป็นไปด้วยมั้ย?”
“อะไร?”
“คุณจะกลัวจนหนีไปหรือเปล่า?”
หานมู่จื่อเม้มริมฝีปากแดงของตัวเอง น้ำเสียงอ่อนลงหลายระดับ
“ไม่อยู่แล้ว…”
“นั่นก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรอ?” เย่โม่เซินกุมท้ายทอยของเธอไว้ กดหน้าผาเข้ามาชิดกัน ลมหายใจของทั้งสองคนผสานกัน “ขอเพียงแค่คุณไม่หนีผมไป ถึงแม้ว่างานแต่งงานจะเหลือเพียงแค่พวกเราสองคน ก็สามารถจัดตามกำหนดได้แล้ว”
คำพูดนี้พูดออกมาได้อย่างหวานเลี่ยน ภายในใจของหานมู่จื่อเหมือนราวกับได้กลายเป็นน้ำตาลขึ้นมาไม่มีผิด เธอหลับตาลงพร้อมกับรู้สึกว่าหัวใจกำลังละลายจนไม่เป็นรูปเป็นร่างเสียแล้ว
แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆหนังตาก็กระตุกอย่างแรงออกมา
หานมู่จื่อตื่นตกใจขึ้นมา ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปทันที
หนังตายังคงกระตุกอย่างแรงออกมาไม่หยุด ทำเอาหานมู่จื่อตื่นตกใจขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ดังนั้นจึงทำให้เธออดนึกไปถึงสายของเมิ่งเส่โยวที่โทรเข้ามาตอนที่อยู่ในห้องทำงานช่วงก่อนหน้านั้นขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
ในตอนนั้นที่เธอตื่นนอนขึ้นมา หนังตาก็กระตุกแรงไม่หยุดแบบนี้เหมือนกัน ตอนแรกก็ไม่ได้อะไร แต่พอหนังตาเริ่มกระตุกขึ้นมา ก็ทำเอาไม่สบายใจขึ้นมาอย่างง่ายดาย
ถ้าหากจิตใจไม่สงบ ก็จะทำให้เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่อาจทราบได้ขึ้นมาได้ง่าย
ทันใดนั้นเองสีหน้าของหานมู่จื่อก็ดูซีดเซียวขึ้นมา เธอพลิกมือเข้าไปคว้าแขนเสื้อของเย่โม่เซินเอาไว้ตามใจคิด “เที่ยวบินครั้งต่อไปของคุณเมื่อไหร่หรอคะ?”
“เย็นวันพรุ่งนี้ ทำไมครับ?” เย่โม่เซินสังเกตเห็นสีหน้าและแววตาของเธอไม่ค่อยดีนัก ขมวดคิ้วสังเกตเธอไปอย่างละเอียด “คุณไม่สบายหรอ?”
หานมู่จื่อส่ายหน้าออกไป “ไม่ใช่ เพียงแค่รู้สึก…ในห้องมันอุดอู้นิดหน่อย”
ใกล้จะถึงวันงานแล้ว ถ้าเธอบอกเรื่องนี้กับเย่โม่เซินไปตอนนี้ มันจะส่งผลกระทบกับเขามั้ย? ส่วนทางด้านของเมิ่งเส่โยวนั้น…เธอจะทำเรื่องอะไรที่ไม่ดีขึ้นมาหรือเปล่า?
หานมู่จื่อเม้มริมฝีปากของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาอีกที “คุณซื้อตั๋วเพิ่มอีกใบให้หน่อยนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะไปกับคุณด้วย” เย่โม่เซินขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ครับ แต่ทำไมถึงอยากไปกับผมด้วยครับเนี่ย? รู้หรือเปล่าว่าเที่ยวบินทางไกลมันเหนื่อยแค่ไหน? ใกล้จะถึงวันงานแล้ว รออยู่บ้านสบายๆไม่ดีกว่าหรอ?”
“ไม่ดี!” หานมู่จื่อปฏิเสธเขาออกไปทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ ถึงขนาดที่รู้สึกเคืองเขาขึ้นมาเล็กน้อย “ฉันแค่อยากไปกับคุณด้วย ตกลงคุณจะซื้อตั๋วให้ฉันหรือเปล่า?”
เย่โม่เซินไม่ตอบออกมา
หานมู่จื่อสบตากับเขาอยู่สักพักนึง ทันใดนั้นก็ดันร่างของตัวเองคลานลงจากเตียงไปหยิบโทรศัพท์มาทันที
“คุณไม่ซื้อให้ฉัน งั้นฉันซื้อเองก็ได้!”
เย่โม่เซินกระโดดลงจากเตียงด้วยทักษะอันปราดเปรียว คว้าข้อมือขาวเนียนของเธอเอาไว้ “เป็นอะไรไป? เมื่อกี้นี้ก็ยังดีๆอยู่เลยไม่ใช่หรอ ทำไมจู่ๆถึงได้ผิดแปลกไปขนาดนี้กัน? เกิดเรื่องอะไรหรอครับ?”
ทั้งๆที่อยู่ต่อหน้าเขาแท้ๆ แต่จู่ๆอารมณ์กลับเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ เย่โม่เซินเองก็คาดเดาไม่ถูกเหมือนกันว่าเธอเป็นอะไรไป
หานมู่จื่อไม่คิดจะสนใจเขา จัดการเข้าไปในAPPซื้อตั๋วทันที แต่พลังของเย่โม่เซินแข็งแกร่งมาก ในขณะที่เธอนั้นไม่มีกำลังที่จะต่อต้านเขาออกไปได้เลย จึงต้องดิ้นรนขืนร่างอย่างนี้อยู่นาน หานมู่จื่อเอ่ยออกมาอย่างโกรธเคือง “คุณไม่ซื้อให้ฉัน ฉันก็จะจ่ายเงินซื้อเองไม่ได้หรือไง? ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร คุณซื้อที่นั่งชั้นธุรกิจ งั้นฉันก็จะซื้อชั้นประหยัดก็พอ”
เย่โม่เซิน “…”
เขามองหานมู่จื่อที่แสดงท่าทีตื่นเต้นอยู่ตรงหน้าอย่างจนใจยิ่ง ถอนหายใจดึงมือเธอลงมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจ “ผมไม่ยอมซื้อให้คุณที่ไหนกัน เพียงแต่มันต้องนั่งเครื่องนานคุณจะเหนื่อยเอานะ เมื่อก่อนคุณก็เคยเจอมาแล้วนี่ แล้วเมื่อกี้ก็ยังดีๆอยู่เลย จู่ๆคุณก็เกิดอยากไปต่างประเทศกับผมด้วย มันจะต้องมีเหตุผลอะไรสักหน่อยมั้ย?”
เหตุผล? ในเมื่อเขาต้องการเหตุผลขนาดนี้ หานมู่จื่อจึงจำต้องสรรหาเหตุผลมั่วๆ เพื่อเอามารับมือกับเรื่องนี้กับเขา
“ฉันไม่อยากห่างกับคุณนานเกินไป เหตุผลนี้ไม่พออีกหรอคะ?”
พูดจบ หานมู่จื่อก็เงยหน้าขึ้นไป นัยน์ตาสวยเหล่มองไปทางใบหน้าหล่อของเย่โม่เซิน
การกระทำที่ดูโผงผางนั้นกลับทำเอาเย่โม่เซินหายใจติดขัดขึ้นมาทันที คำพูดเมื่อสักครู่น่าจะเป็นคำพูดที่เธอพูดออกมาในตอนที่กำลังไม่พอใจแบบสุดๆ แต่มันกลับทะลุผ่านเข้ามาภายในใจของเขาเข้าจังๆ
เขามองคนตรงหน้านิ่งอย่างเอาจริงเอาจัง ทันใดนั้นก็ยื่นมือไปดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดอย่างหักห้ามใจเอาไว้ไม่อยู่
“ผมเองก็ไม่อยากห่างคุณเหมือนกัน แต่…เพียงแค่จัดงานแต่งงานเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็จะไม่ต้องห่างกันนานหลายวันเหมือนอย่างตอนนี้แล้ว หลักๆแล้วก็เป็นเพราะปัญหาเรื่องการจัดเตรียมงานแต่งงาน รอให้จัดงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงตอนนั้นแล้วแม้ว่าในทุกๆวันคุณจะไม่อยากอยู่กับผม ผมก็จะทำตัวติดหนึบกับคุณไม่ไปไหนเลยครับ”
“แต่…” หานมู่จื่อก็ยังรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าช่วงนี้เธอเป็นอะไรไป เธอกัดริมฝีปาก “ไม่งั้น…คุณก็ไม่ต้องไปจัดการด้วยตัวเองแล้ว ของพวกนั้นก็ให้คนอื่นไปทำเถอะ”
“เด็กโง่ นี่เป็นงานแต่งที่ผมต้องการจะชดเชยให้คุณนะครับ ไม่ว่าอะไรก็ต้องลงไปจัดการด้วยตัวเอง ถ้าจะให้ทำผ่านมือของคนอื่นผมไม่วางใจ”
เขาพูดออกมาถึงจุดนี้แล้ว หานมู่จื่อจะพูดอะไรออกไปอีกมันก็ไม่ดี ทำได้เพียงเอ่ยขอออกไป “งั้น…คุณก็ให้ฉันไปด้วยสิคะ”
“เอาล่ะ อย่าเอะอะก่อกวนขึ้นมาอีกเลย อย่างมากก็ยังมีอีกหลายวัน อยู่พักให้สบาย คุณเองก็ต้องเตรียมตัวเหมือนกัน ประมาณอีกสามวันต่อจากนี้คุณก็เก็บของเตรียมตัวไปต่างประเทศได้เลย ชุดเจ้าสาวได้สั่งจองเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”
ชุดเจ้าสาว…
งานแต่งงานครั้งนี้ของพวกเธอจัดขึ้นที่ต่างประเทศ เนื่องจากวันงานค่อนข้างจะกะทันหัน ดังนั้นแล้วการสั่งทำชุดแต่งงานคาดแล้วว่าน่าจะเสร็จเรียบร้อยในช่วงประมาณสองวันก่อนถึงวันงาน ดังนั้นแล้วจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่ได้ลองชุดแต่งงานเลย
แต่ในตอนนั้นดีไซเนอร์ได้จัดทำชุดตามสัดส่วนของเธอ ดังนั้นแล้วเมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าขนาดตรงท่อนบนมันจะต่างกันมากนัก
“นี่ก็ดึกมากแล้ว แต่ก่อนเวลานี้ไม่ใช่ว่าเวลาที่คุณจะต้องหลับไปแล้วหรอ? เด็กดี รีบนอนเถอะครับ”
พูดจบ เย่โม่เซินก็ถือโอกาสโน้มลงไปอุ้มร่างของหานมู่จื่อขึ้นมา จากนั้นก็พาร่างเธอมาวางลงบนเตียงนุ่ม โอบเอวเธอพร้อมกับนอนหลับไป
แม้ว่าจะมีอ้อมกอดอันอบอุ่นจากคนที่อยู่ด้านหลัง มีสองมือเข้าโอบกอดเธอเอาไว้ ความอบอุ่นจากร่างกายไหลผ่านเสื้อตัวบางที่ขวางกั้นเอาไว้เข้ามาไม่หยุด แต่หานมู่จื่อกลับยังรู้สึกถึงความเย็นตรงแผ่นหลังขึ้นมา
คำพูดของเมิ่งเส่โยวในวันนั้น ก็เหมือนกับคำสาปแช่ง คอยฉายซ้ำอยู่ในหัวของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
“แกคิดว่าเขาอยากแต่งงานกับแกด้วยใจจริงงั้นหรอ? ไม่! มันไม่ใช่! เขาก็แค่คิดว่าเขาติดค้างแกเมื่อห้าปีก่อน ก็เลยอยากชดเชยให้แกก็เท่านั้น เขาไม่ได้รักแกเลย…”
“ถ้าพวกแกรักกันพอ เมื่อห้าปีก่อนก็คงไม่ต้องแยกจากกันหรอกนะ”
“ฉันขอสาปแช่งพวกแก ขอให้พวกแกไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่มีวันตราบชั่วนิรันกาล!”