เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 706
บทที่706 เธอเชื่อ
พอเสี่ยวเหยียนได้ยินดังนั้น ก็เกือบจะบินขึ้นไปด้วยความตื่นเต้นแล้ว
หานชิง……นี่เขาเป็นห่วงเธอยังงั้นเหรอ? ถ้าเกิดว่าไม่ได้สนใจเธอ แล้วจะสังเกตเห็นใต้ตาดำของเธอได้ยังไง?
ตอนที่ตื่นเต้นนั้น เสี่ยวเหยียนก็เลยลืมไปเลยว่าใต้ตำของตัวเองมันดำจนถึงขั้นรุนแรงจนแค่เหลือบไปมองก็เห็นแล้ว รู้แค่ว่าหานชิงเอ่ยปากถามเธอ แสดงว่าเขาใส่ใจเธอ
พอคิดแบบนี้ เธอก็รีบหันหน้ากลับมา “ฉัน ฉันไม่ได้เป็นอะไร แค่เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเท่านั้นเอง……”
พอพูดจบ เธอก็นึกขึ้นได้ทันที หานชิงถามเธอแบบนี้ แสดงว่ารอยคล้ำใต้ตาของเธอมันใหญ่และน่าเกลียดมากเลยใช่ไหม?
เสี่ยวเหยียนยกมือขึ้นมาปิดตาของตัวเองไว้เหมือนพึ่งรู้ตัว แล้วก็เอ่ยปากถามด้วยเสียงเบา “ใต้……ใต้ตาดำของฉัน……มันน่าเกลียดมากเลยเหรอ? ”
หานชิง:“……”
มองไปที่ใบหน้าหงุดหงิดของหญิงสาวตรงหน้า หานชิงก็เป็นใบ้ไปชั่วขณะ ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะพูดอะไร พอเห็นว่าเขาไม่ตอบ อารมณ์ในดวงตาของเสี่ยวเหยียนก็เริ่มตกต่ำลงอีกครั้ง
“ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่ควรจะถามแบบนี้เลย ถ้ายังงั้นฉัน……ไปทำธุระต่อก่อนนะ”
พอพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็ไม่รอให้หานชิงพูดอะไรอีก รีบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากวิ่งหนีออกมาไกลแล้ว เสี่ยวเหยียนก็ยังคงตื่นเต้นมาก เธอยกมือขึ้นกุมใบหน้าที่ร้อนผ่านของตัวเองพร้อมกับรู้สึกมีความสุข
ครั้งที่แล้วหานชิงคีบน่องไก่ให้เธอ ครั้งนี้ก็ยังถามเกี่ยวกับใต้ตาดำของเธออีก
หมายความว่าความพยายามของเธอมันไม่ได้ไร้ผล หานชิงยังมองเห็นเธออยู่บ้าง
ขอแค่หานชิงมองเห็น ถ้ายังงั้นเธอก็จะพยายามต่อไป เธอจะทำงานหนักขึ้น พยายามทำให้หานชิงเคยชินกับการมีอยู่ของเธอ ถึงเวลานั้นจะคบกับเขา ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
ยิ่งคิด เสี่ยวเหยียนยิ่งรู้สึกมีความหวังมาก
เธอเอานิ้วชี้จิ้มกัน รู้สึกมีความสุข
แต่พอเห็นหานมู่จื่อไม่มีชีวิตชีวา เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที มู่จื่อไม่มีความสุข เธอจะมามีความสุขอยู่คนเดียวไม่ได้ ดังนั้นก็เลยวิ่งกลับไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เสียงหัวเราะของเพื่อนๆ และญาติๆ ก็เหมือนจะค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ จนหายไปเลย หานมู่จื่อนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนจะเป็นอัมพาต ไม่ได้กระดุกกระดิกเลยแม้แต่นิดเดียว
และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผ่านไปนานแค่ไหน จู่ๆ หานมู่จื่อก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วก็มองไปที่หานชิงที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น
“พี่”
“มีอะไรเหรอ? ”
“ข้อมูลเที่ยวบินของโม่เซินเป็นยังไงบ้างเหรอ เครื่องมาถึงรึยัง? ”
พอได้ยินดังนั้น หานชิงก็หยิบโทรศัพท์ออกมาค้นหา แล้วก็เม้มปากพร้อมกับพูดว่า “เที่ยวบินนั้นลงจอดเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วนะ”
“ครึ่งชั่วโมงที่แล้วงั้นเหรอ? ”
หานมู่จื่อพึมพำถาม
หานชิงเม้มปากและคิดอยู่สักพัก หลังจากนั้นก็หันไปพูดกับซูจิ่วว่า “เธอรีบพาคนไปที่สนามบินแล้วก็สืบข่าวคราวเกี่ยวกับเที่ยวบินนั้นมาหน่อย ดูว่ามีช่องทางใดในการติดต่อได้บ้าง”
ซูจิ่วได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก ทำได้เพียงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว”
“ค่ะประธานหาน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
ซูจิ่วรีบออกไปทันที หลังจากเธอออกไปแล้ว หานมู่จื่อที่นั่งนิ่งไม่ขยับไปไหนก็ไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นมาจากเตียงแต่งงาน เสี่ยวเหยียนเห็นก็รีบเข้ามาจับเธอไว้
“มู่จื่อ……”
หลังจากหานมู่จื่อลงจากเตียง ก็โทรหาเย่โม่เซินครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ว่าสิ่งที่สะท้อนกลับมา ก็ยังคงเป็นเสียงที่เป็นทางการและเย็นชาของผู้หญิงคนหนึ่ง เธอโทรไปครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วก็ได้ยินเสียงเตือนเธอครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนกัน
สวัสดีค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
หลังจากได้ยินเสียงผู้หญิงที่เย็นชาเช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วน หานมู่จื่อก็ยกกระโปรงชุดแต่งงานขึ้นแล้วก็เดินออกไปด้านนอก ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย หานชิงกับเสี่ยวเหยียนก็ก้าวขึ้นไปขวางเธอไว้
“ตอนนี้จะไปไหน? ”
“ฉันจะไปรอเขาที่สนามบิน”
“จะก่อเรื่องอะไรอีก? เธอจะไปสนามบินตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ถ้าเกิดว่าเขาลงเครื่องมาแล้วกำลังเตรียมตัวอยู่ล่ะ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะอยู่ระหว่างทางแล้วก็ได้ ถ้าเกิดว่าเธอไปสนามบินตอนนี้ ก็อาจจะสวนทางกับเขาก็ได้นะ”
“แต่ว่า……ถ้าเกิดว่าเขาลงเครื่องแล้ว ทำไมจนถึงตอนนี้ยังไม่เปิดเครื่องเลยล่ะ ข้อมูลเที่ยวบินอาจจะผิดพลาดก็ได้นะ หรือบางที เขาอาจจะไม่ได้อยู่บนเที่ยวบินนี้ ฉันต้องไปสนามบินเพื่อยืนยันด้วยตัวเอง”
“เธอไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก พี่ให้ซูจิ่วไปแล้ว” หานชิงขวางเธอไว้ พร้อมกับพูดด้วยเสียงเบา “พี่รู้ว่าเธอกังวล แต่ลองคิดดูสิ เย่โม่เซินเขาทำเรื่องมากมายขนาดนี้ ต่อให้มาสายนิดหน่อย ก็น่าจะเพราะว่าเที่ยวบินล่าช้าแหละ เธอจะกลัวอะไร? ”
คำถามสุดท้าย ทำให้หานมู่จื่อตัวสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ใช่ เธอจะกลัวอะไรกัน?
นี่เธอกำลังกลัวอยู่ยังงั้นเหรอ? หานมู่จื่อก้มหน้าลง เธอถอยหลังกลับเหมือนกับโดนคนรู้ทัน แล้วก็กัดริมฝีปากของตัวเองแน่น
เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังกลัวอะไรอยู่……
แค่รู้สึกว่า การที่ได้พบกับเมิ่งเส่โยวก่อนหน้านี้ สิ่งที่เขาพูดกับเธอนั้น ยังคงล่องลอยอยู่ในหัวของเธออย่างชัดเจน เหมือนกับว่าก้องอยู่ในหู
“หานมู่จื่อ ที่ตอนนี้ฉันต้องอยู่อย่างเจ็บปวดขนาดนี้ ก็ต้องขอบคุณเธอ เธอมีคุณสมบัติอะไรที่จะอยู่อย่างมีความสุขและสบายกายสบายใจอยู่ที่นั่น? ฉันจะบอกอะไรให้ เธอนึกว่าเย่โม่เซินอยากจะแต่งงานกับเธอด้วยใจจริงยังงั้นเหรอ? ไม่! มันไม่ใช่! เขาก็แค่รู้สึกติดหนี้เธอเมื่อห้าปีก่อนเท่านั้นเอง ก็แค่อยากจะชดใช้ให้เธอ! ถ้าเกิดว่าเขารักเธอมากพอ เมื่อห้าปีก่อนพวกเธอก็ไม่มีวันเลิกกันหรอก ต่อให้เธอแต่งงานกับเขาแล้วกลายเป็นคุณนายน้อย ตลอดชีวิตของพวกเธอก็ไม่มีวันมีความสุขหรอก! ฉันจะสาปแช่งพวกเธอ สาปแช่งให้พวกเธอไม่มีวันอยู่ด้วยกันได้ตลอดไป ต่อให้ได้อยู่ด้วยกันก็ไม่มีวันมีความสุข! ”
เสียงปีศาจยังคงดังก้องอยู่ในหูของเธอ
ก่อนวันงานแต่งเธอกับเย่โม่เซินก็เจอกันน้อยมาก บวกกับที่เธอจิตใจว้าวุ่นมาตลอด จนถึงตอนนี้ที่ใกล้จะถึงเวลางานแล้ว ก็ยังคงไม่เห็นแม้แต่เงาของเย่โม่เซินเลย
หรือว่า……มันจะเป็นเหมือนที่เมิ่งเส่โยวพูดรึเปล่า
เย่โม่เซิน……ไม่ได้อยากจะแต่งงานกับเธอด้วยใจจริง เขาก็แค่พยายามชดเชยความผิดที่เขาก่อไว้เมื่อห้าปีก่อนเท่านั้นเอง
และคืนก่อนวันแต่งงาน จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่า……ไม่อยากจะทำต่อไปอีกแล้ว ก็เลยไม่มายังงั้นเหรอ?
“มู่จื่อ?” หานชิงเห็นว่าสีหน้าของเธอดูผิดปกติไป ก็เลยเข้าไปประคองไหล่ของเธอไว้ พร้อมกับกล่าวด้วยเสียงทุ้มลึก “ยังไงตอนนี้ก็ยังไม่ถึงเวลา ไม่ต้องเครียดไปหรอก พวกเรารออีกหน่อย ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเซอร์ไพรส์เธอก็ได้”
ยังไงผู้ชายคนนั้นก็ทุ่มเทเพื่องานแต่งงานในครั้งนี้ไปมาก หานชิงในฐานะที่เป็นพี่ชายก็เห็นอยู่ตลอด ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่ควรจะผิดพลาดตอนนี้
แต่ว่า……หานชิงก็เริ่มจะสงสัยเหมือนกัน
ก่อนแต่งงานเย่โม่เซินเอาสัญญาฉบับนั้นให้เขา ตอนนั้นพอมองออกว่าปณิธานของเขามุ่งมั่นมาก แต่แล้วตอนนี้ล่ะ? หรือว่าเขารู้สึกว่าหลังจากแต่งงานกับมู่จื่อไปแล้ว สัญญาฉบับนี้จะมีผล ก็เลยไม่มางานแต่งซะเลย?
มันก็เป็นไปได้นะ!
แต่ว่า หานชิงเชื่อเรื่องก่อนหน้านี้มากกว่า ยังไงผู้ชายคนนี้ก็เป็นคนที่น้องสาวตัวเองเลือก เขาเชื่อว่าสายตาของหานมู่จื่อคงไม่ได้แย่ถึงขั้นโดนผู้ชายคนเดียวหลอกถึงสองครั้งติดต่อกันหรอกนะ?
หานมู่จื่อก็สับสนมากเหมือนกัน แต่ว่าไม่นานเธอก็นึกถึงคำพูดที่เธอเคยบอกหานชิงก่อนหน้านี้
ที่เธอกับเย่โม่เซินเลิกกันเมื่อห้าปีที่แล้ว ก็เพราะว่าความไว้ใจระหว่างกันมันน้อยเกินไป หรือว่าไม่มีเลยก็ได้
ถ้าเกิดว่าตอนนี้ เธอจะสงสัยเย่โม่เซินเพราะคำพูดของเมิ่งเส่โยวล่ะก็ มันจะไม่ถือว่าเข้าแผนของเธอพอดีเลยงั้นเหรอ?
ดังนั้น ไม่ได้ เธอจะไม่ตกเข้าไปสู่แผนการของเมิ่งเส่โยว เธอต้องเชื่อใจเย่โม่เซิน และรอเขากลับมาอยู่ที่นี่ ถ้าเกิดว่าถึงเวลาแล้วยังไม่มา เธอก็จะไปรอที่ห้องประชุมใหญ่
เธอเชื่อ ว่าเย่โม่เซินต้องมาแน่นอน