เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 724
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 724 คุณต้องรักษาสัญญา
“อ๊าก!” เสี่ยวเหยียนสะดุ้งตกใจ กรีดร้องแล้วลุกขึ้นมาพยุงเธอ “มู่จื่อ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนตั้งตัวไม่ทัน หานมู่จื่ออาเจียนจนสีหน้าซีดเผือด ไม่สามารถยืดตัวตรงได้แล้ว หน้าผากที่ขาวซีดปกคลุมไปด้วยเหงื่อที่หนาแน่น
ดูแล้ว อาการแย่มาก
ซูจิ่วที่ยืนดูข้างๆ เมื่อเห็นเช่นนี้ ไม่พูดอะไรมากมาย รีบหันออกไปเรียกหมอโดยตรง
“ขอโทษมู่จื่อ ฉันป้อนเร็วเกินไปใช่ไหม ขอโทษ……ฉันไม่เคยคำนึงถึงเลย ว่าคุณเพิ่งฟื้นขึ้นมา ฉันควรป้อนช้าหน่อย” หลังจากที่เสี่ยวเหยียน พยุงเธอขึ้นมา น้ำตาก็ร่วงลงมาไม่ขาดสาย
หานมู่จื่อสภาพอิดโรย พิงหมอนไว้ ผ่อนลมหายใจหนัก เห็นได้ชัดว่า
ท่าทางกระหืดกระหอบ เสี่ยวเหยียนจึงต้องโอบมือไปด้านหลังของเธอ แล้วช่วยเธอตบหลังเบาๆ “ขอโทษจริงๆ ฉันรินน้ำให้คุณสักแก้วดีไหม?”
“ให้เธอพักผ่อนหน่อย” หานชิงมองดูฉากนี้ แล้วขมวดคิ้วมุ่น เรียกคนข้างนอก มาเก็บกวาดทำความสะอาดในห้องผู้ป่วย ไม่นานซูจิ่วก็พาหมอมาแล้ว ทั้งห้องผู้ป่วย สามารถพูดได้ว่า ชุลมุนวุ่นวายยิ่งนัก
หานมู่จื่อมองดูคนตรงหน้า
ดวงตาของเสี่ยวเหยียนแดงจนน่าตกใจ น้ำตาไหลเหมือนเมล็ดถั่ว ทั้งหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความวิตกกังวล
และหานชิงที่อยู่ด้านข้าง สีหน้าก็ดูซีดเซียวไม่น้อย ที่คางยังมีตอหนวดเพิ่มขึ้น ซึ่งดูแตกต่างจากบุคลิกก่อนหน้านี้อย่างมาก
ซูจิ่วชี้แจงอยู่ด้านข้างด้วยความเป็นห่วง หมอเข้ามาตรวจให้เธอ จากนั้นก็พูดบางอย่างด้วยความหนักใจ
หานมู่จื่อรู้สึกว่าหูของตัวเองส่งเสียงอื้ออึง หลังจากอาเจียน ก็รู้สึกว่าเหนื่อยล้ามาก ร่างกายอ่อนเพลียเกินไป เธอนอนลงบนเตียง พูดด้วยเสียงต่ำ “ฉันอยากจะพักผ่อนตามลำพังสักพัก”
ทุกคน “……”
เสี่ยวเหยียนสูดจมูกฟุดฟิด “คุณคนเดียว ไหวไหม?”
หานชิงมองเธออย่างจริงจัง เงียบไปชั่วขณะ “ปล่อยให้เธอพักผ่อนตามลำพังเถอะ”
หลังจากพูดจบ หานชิงก็ออกมาจากผู้ป่วยอย่างว่องไว
เสี่ยวเหยียนมองไปที่ซูจิ่ว ยังคงไม่แน่ใจเล็กน้อย ซูจิ่วส่งสายตาให้เธอ ทั้งสองถึงได้เดินออกไปพร้อมกัน พร้อมกับปิดประตูห้องผู้ป่วย
หลังจากออกไปแล้ว เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกกังวลทันที
“นี่เป็นเพราะอะไร? ตอนนี้สภาพของเธอแย่มาก ปล่อยให้เธออยู่ข้างในคนเดียว……”
“วางใจเถอะ” ซูจิ่วพูดอธิบายอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “คุณมู่จื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลายๆเรื่อง ไม่ควรใช้อารมณ์ ก็จะเปลี่ยนแปลงได้เอง”
“แต่เรื่องในครั้งนี้ พวกคุณก็เห็นแล้ว กระทบกระเทือนจิตใจรุนแรงขนาดไหน?”
“ก็เพราะกระทบกระเทือนจิตใจรุนแรง ดังนั้นคุณมู่จื่อถึงต้องเปลี่ยนแปลง เธอไม่สามารถยอมรับการจากไปของคุณชายเย่ได้ ดังนั้นตัวเองจะทำทุกวิถีทาง เพื่อโน้มน้าวให้ตัวเองยอมรับ นี่มัน……ยากยิ่งกว่าที่จะให้เธอยอมรับว่าคุณชายเย่ประสบอุบัติเหตุ คุณเข้าใจไหม? แต่……ในขณะเดียวกัน มันก็ง่ายกว่า”
ไม่มีวิธี บางครั้งชีวิตคนเรา ก็ยุ่งเหยิงเช่นนี้
พวกเขาก็เป็นเช่นนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ? ตัวอย่างเช่น เมื่อโดนโกง ก็ปลอบใจตัวเองว่าคือการฟาดเคราะห์ หรือคือการเสียเงินซื้อบทเรียน เพราะการปลอบใจแบบนี้ ทำให้คนยอมรับได้ง่ายกว่าความจริง แต่ในเวลาเดียวกัน ก็โหดร้ายเช่นกัน
ทั้งชีวิตของมนุษย์ อาจจะปลอบตัวเอง หลอกตัวเองอย่างนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดทั้งชีวิต
เสี่ยวเหยียนไม่พูดแล้ว เธอพิงประตูไว้ มองหานมู่จื่อในหน้าต่างกระจกด้วยสายตาที่ลึกล้ำ หวังว่าเธอจะลุกขึ้นยืนหยัดสู้ต่อไปในเร็ววัน
หานมู่จื่อนอนหลับไปนานมาก ตอนที่ตื่นขึ้นมา สองตาว่างเปล่า เสี่ยวเหยียนได้เตรียมโจ๊กร้อนๆไว้ให้เธออีกแล้ว ครั้งนี้ให้เธอกินเพียงครึ่งชามเท่านั้น ทุกครั้งที่เธอกินเข้าไปคำหนึ่ง เสี่ยวเหยียนก็จะสังเกตปฏิกิริยาของเธออย่างละเอียดรอบคอบ
หานมู่จื่อ “……ฉันไม่เป็นไร เรื่องในตอนเช้าเป็นอุบัติเหตุ ต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว”
ต่อให้จะมีอีก เธอก็จะไม่ให้คนที่ห่วงใยเธอเหล่านี้ได้เห็นอีก
“จริงเหรอ? ฉันกลัวว่ากระเพาะของคุณจะยังไม่ดีนัก ถ้าคุณรู้สึกไม่สบาย ก็อย่าลืมบอกฉันนะ”
“อืม”
กินโจ๊กอย่างนี้เกือบจะหมดชาม เสี่ยวเหยียนก็จัดเก็บเรียบร้อย บอกว่าหลังจากที่เธอพักฟื้นได้ดีประมาณหนึ่ง จะให้เธอกินอีก หานมู่จื่อบอกว่า อยากจะเจอหานชิง เสี่ยวเหยียนเบิกตากว้างทันที
“พี่ชายคุณ เขา……”
“ฉันแค่อยากจะถามเขาว่า ได้พบเบาะแสของเย่โม่เซินบริเวณนี้ไหม เท่านั้นเอง เสี่ยวเหยียน คุณไม่ต้องขวางฉันไว้แบบนี้”
เสี่ยวเหยียนเห็นว่า เสียงของเธอฟังดูแล้วยังคงสงบ เลยรู้สึกโล่งใจอีกหน่อย จากนั้นก็ไปเรียกหานชิงเข้ามา
หลังจากที่หานชิงเข้ามา ก็พูดอย่างตรงไปตรงมา
“ยังไม่มีเบาะแส แต่กองกำลังของเรายังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยังคงตามหาอยู่ มู่จื่อ ตอนนี้โม่เซินไม่เห็นแม้แต่เงาเลย เธอเข้าใจความหมายของพี่ใช่ไหม?”
หานมู่จื่อพยักหน้า ดูเหมือนว่าจะเข้าใจ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เข้าใจ
เนิ่นนานเธอก็ยิ้มเยาะ “พี่ชาย ฉันรู้ว่าพี่อยากจะบอกว่า ถ้าหาไม่เจอจะยิ่งดีกว่า มันหมายความว่า…… โอกาสในการมีชีวิตรอดของเขา จะมากยิ่งขึ้น ใช่ไหม?”
คำพูดโดนเธอพูดหมดแล้ว หานชิงได้แต่พยักหน้า
“ฉันรู้ หาไม่เจอ……ยังดีกว่ากู้ซากศพขึ้นมา แล้วส่งมาตรงหน้าฉันเลย ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ยังคงมีความหวังอยู่ตลอดเวลา และฉันก็รู้ว่า…… เย่โม่เซิน เขาจะไม่เป็นอะไรแน่นอน คนมากมายขนาดนี้ที่รอดชีวิต ผู้คนที่โชคดีเหล่านั้น ฉันเชื่อว่า เขาก็จะเป็นอีกหนึ่งคน ที่ฟ้าโปรดปราน พี่ชายใช่ไหม?”
เมื่อพูดถึงตอนสุดท้าย หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นมองหานชิง อยากจะได้รับความเห็นชอบจากเขา
หานชิงไม่รู้ว่าจะพูดอะไร จึงทำได้เพียงพยักหน้าตาม
สักพัก เขาเดินไปข้างหน้าลูบหัวของหานมู่จื่อ พูดด้วยเสียงเบา “มู่จื่อ เธอสามารถคิดอย่างนั้นได้ พี่ดีใจมาก เธอท้องแล้วนะ เธอรู้ไหม?”
ริมฝีปากของหานมู่จื่อขยับเล็กน้อย ลดสายตามองที่หน้าท้องของตัวเอง “น่าจะรู้มั้ง?”
“ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกนิดหน่อย แต่ฉันไม่แน่ใจ ฉันอยากจะรอให้พิธีแต่งงานจบลง แล้วให้โม่เซิน……พาฉันไปตรวจให้แน่ใจ ถ้าได้ท้องจริงๆ ก็……ถือว่าเป็นของขวัญวันแต่งงาน ที่ฉันมอบให้เขา”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แก้มของหานมู่จื่อ มีรอยยิ้มที่อบอุ่นราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิปรากฏขึ้น
“เขารู้ว่าตั้งท้องแล้ว จะต้องดีใจมากแน่ๆ พี่ชาย……พี่คิดว่าถ้าฉันปล่อยข่าวนี้ออกไป เขาจะกลับมาเร็วยิ่งกว่าเดิมไหม?”
หานชิง “……แน่นอน”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะรอเขาอยู่ที่นี่ตลอดเวลา เรื่องที่ฉันท้อง ก็รบกวนพี่ชายแล้ว”
“เธอวางใจได้” มือของหานชิงที่ทั้งสองข้าง กำหมัดไว้แน่น มองน้องสาวของตัวเองด้วยสายตาที่แน่วแน่ “เพียงแค่เขายังอยู่ในโลกใบนี้ นั้นพี่ชายก็จะต้องช่วงเธอหาเขากลับมาแน่นอน จะต้องให้เขากลับมาข้างกายของเธออย่างปลอดภัย”
แน่นอน เขาไม่ได้พูดว่า…… ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว แล้วเขาจะทำยังไงได้?
“พี่ชาย ฉันจำไว้แล้ว พี่จะต้องรักษาสัญญานะ”
เย่โม่เซิน คุณก็ต้องรักษาสัญญานะ เหมือนที่เคยสัญญากับฉันไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อให้เซอร์ไพรส์กับฉัน
ฉันเชื่อว่าคุณ จะไม่เกิดเรื่องอะไร รอเซอร์ไพรส์ที่คุณให้ฉัน
ในช่วงเวลาต่อจากนั้น หานมู่จื่อก็ได้พักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล ตอนแรก หานชิงเฝ้าดูแลอยู่ที่นี่ทุกวัน แต่ในประเทศมีเรื่องมากมาย ที่จะต้องให้เขาไปจัดการ ดังนั้นเขาจึงต้องหาเวลากลับประเทศ หลังจากกลับประเทศ ถึงพบปัญหาที่ยุ่งยากเรื่องหนึ่ง
นั่นก็คือเสี่ยวหมี่โต้ว
เนื่องจากในวันแต่งงาน หานมู่จื่อรู้ว่าในงานมีสื่อมวลชน ไม่อยากให้ เสี่ยวหมี่โต้วถูกคุกคามจากสื่อไร้จรรยาบรรณพวกนั้นในอนาคต จึงไม่ให้เสี่ยวหมี่โต้วเข้าร่วมงานแต่งงาน