เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 736
บทที่ 736 ทั้งเธอและบริษัท ผมก็จะเอาทั้งหมดนั่นแหละ
เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น หานมู่จื่อถึงกับขมวดคิ้วแน่น ในเวลาแบบนี้ใครโทรมาหาเธอกันนะ?
หรือว่าจะเป็นซูจิ่ว?
หานมู่จื่อวางแก้วลงก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู แต่กลับพบว่าไม่ใช่เบอร์ของซูจิ่ว
แต่เป็น… เย่หลิ่นหาน
เธอมองดูสายที่โทรเข้าเขาของเขาก่อนหน้า
เย่หลิ่นหานโทรหาเธอตอนนี้ เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
ในขณะที่หานมู่จื่อกำลังคิดหาเป้าหมายของเขา เธอกดรับสายโทรศัพท์แล้วกรอกเสียงลงไป “ ฮัลโหล? ”
เมื่อได้ยินเสียงของเธอ เย่หลิ่นหานก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ ดีจัง คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ”
หานมู่จื่อ “……”
ดังนั้นเขาเธอหาเธอเพื่อพูดแค่นี้?
เย่หลิ่นหาน “ วันนี้คุณปิดโทรศัพท์ทั้งวัน ผมติดต่อคุณไม่ได้เลย ”
ถ้าจะมาพูดแค่นี้ หานมู่จื่อก็ไม่รู้ว่าจะหยิบขึ้นมารับทำไม หลังจากนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เธอก็หยิบแซนด์วิชขึ้นมากัดไปหนึ่งคำ
เสียงเคี้ยวเบาๆ ดังไปถึงหูของเย่หลิ่นหาน เขาตกใจเล็กน้อยจึงถามออกไปเสียงแผ่วว่า “ คุณยังไม่ทานข้าวเช้าเหรอ? ”
หานมู่จื่อมองไปข้างหน้าเห็นการจราจรที่ติดขัดจนรถขยับไม่ได้ เธอจึงดื่มข้าวโอ๊ต แล้วกลืนแซนด์วิชลงไป
“ คุณเย่มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ? ”
อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ตอบกลับมาเสียงเบาว่า “ผมแค่คิดถึง คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ คุณ… ตอนนี้โอเคไหม?”
เมื่อได้ฟังอย่างนั้น หานมู่จื่อก็เม้มปาก มองสถานการณ์ภายนอกรถแล้วก็บอกกับเขาไปตามตรง
“ เกรงว่าจะไม่สะดวก ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ระหว่าง… ทางไปบริษัทตระกูลเย่ ”
คำพูดของเธอทำให้อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นหานมู่จื่อก็สังเกตว่าน้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นกังวลเล็กน้อย
“ มู่จื่อ? คุณไปทำอะไรที่บริษัทตระกูลเย่? ไม่ใช่ว่าคุณเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเหรอ? คุณควรที่จะพักผ่อนสิครับ ”
หานมู่จื่อยิ้มบางๆ “ ไม่ได้ทำอะไรหรอก ฉันเพียงแค่อยากไปดูสักหน่อยน่ะ ”
เธอค่อยๆ ดื่มข้าวโอ๊ตเข้าไปอีกคำ ไม่อยากจะบอกเลยว่าฝีมือการทำอาหารของสาวใช้คนนี้ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง เป็นการชงข้าวโอ๊ตเป็นอะไรที่อร่อยมาก ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น
“ที่บริษัทมีอะไรให้ดูเหรอ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ผมจะไปหาคุณ”
ปฏิกิริยานี้ของเขานั้นทำให้หานมู่จื่อรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“ คุณกลัวอะไร? ”
เธอเอ่ยถาม
เย่หลิ่นหานตกใจ หลังจากนั้นจึงพูดออกไปยิ้มๆ ว่า “ มู่จื่อ ผมจะกลัวอะไรล่ะ? ”
“ ถ้าคุณไม่ได้กลัวความผิด งั้นก็รอฉันที่บริษัท เอาไว้เราค่อยคุยกัน ”
พูดจบ หานมู่จื่อก็ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไรอีก เธอกดวางสายในทันที
เธอวางโทรศัพท์ทิ้งเอาไว้ก่อนจะกินแซนด์วิชที่ยังกินไม่เสร็จต่อ
รอเธอกินแซนด์วิชและดื่มข้าวโอ๊ตจนหมดแล้ว การจราจรตรงหน้าก็สามารถคลี่คลายได้ในที่สุด หานมู่จื่อรีบปัดเศษขนมปังในมือก่อนจะขับรถต่อ
ที่นี่อยู่ใกล้กับบริษัทของตระกูลเย่มาก ใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีเธอก็มาถึงที่หมาย
หลังจากสิบห้านาที หานมู่จื่อก็มาถึงบริษัท เธอเอารถเข้าไปจอดในส่วนของตระกูลเย่
เพราะคนของตระกูลเย่ล้วนเคยเจอเธอมาหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครมาหยุดเธอเมื่อเธอจะขึ้นลิฟต์ เธอเดินตรงไปทางลิฟต์ที่มีไว้สำหรับเย่โม่เซิน ขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นลิฟต์ แขนของเธอก็ถูกใครบางคนคว้าเอาไว้
หานมู่จื่อหันกลับไปมองก็เห็นว่าเป็นเย่หลิ่นหาน
“ อย่าขึ้นไป ” เขาบอก
หานมู่จื่อ “ ? ”
สีหน้าของเย่หลิ่นหานดูไม่ค่อยดีนัก กรอบแว่นสีทองช่วยปกปิดอารมณ์ขุ่นมัวในแววตาของเขา เขาหลุบสายตาลง ดึงหานมู่จื่อออกมา เมื่อเห็นว่าประตูลิฟต์ปิดลงแล้วจึงยอมปล่อยตัวเธอ
หานมู่จื่อดึงมือตัวเองกลับมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ คุณจะทำอะไร? ”
“คุณเพิ่งจะกลับมา ร่างกายยังไม่ทันฟื้นตัวดีเลยไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณ คุณจะได้พักผ่อน ”
พูดจบ เย่หลิ่นหานหวังดึงมือของหานมู่จื่อเพื่อลากไปอีกครั้ง
หานมู่จื่อก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าเย็นชา พลางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ คุณเย่ โปรดให้เกียรติตัวคุณเองด้วย ”
น้ำเสียงเธอฟังดูหนักแน่นและจริงจังเป็นอย่างมาก จนเย่หลิ่นหานถึงกับผงะไป มือค้างไว้กลางอากาศ พูดด้วยรอยยิ้มที่ดูบิดเบี้ยวว่า “ ทำไม คุณรังเกียจผมเหรอ? แม้แต่จะเป็นห่วงก็ไม่ได้เลยเหรอ?”
“ เป็นห่วง หรือสำนึกผิด? ”
เย่หลิ่นหาน “ หมายความว่าไง? ”
“คุณเย่คะ คุณอย่ามาแสร้งโง่กับฉัน จุดประสงค์ที่ฉันกลับมา คุณก็ควรที่จะเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้โม่เซินไม่อยู่ ฉันจะดูแลทุกอย่างแทนเขาเอง”
เย่หลิ่นหานตกตะลึง เขาคิดว่าหานมู่จื่อคงพอเดาได้ว่าเขาคิดจะทำอะไร ทว่า… ด้วยนิสัยของเธอ ควรที่จะปกป้องตัวเอง แต่คิดไม่ถึงเลยว่า… เธอกลับพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา
ไม่ไว้หน้าเขาไปแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นเย่หลิ่นหานก็รู้สึกหดหู่ใจขึ้นมา
เมื่อมองดูหญิงสาวบอบบางตรงหน้า ริมฝีปากของเย่หลิ่นหานก็ยกยิ้มอย่างประชดประชัน
“มู่จื่อ ในสายตาของคุณ ผมเป็นคนที่แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? ”
เธอไม่ตอบคำถามของเขา แต่สายตาของเธอกลับแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอคิดอย่างไร
“ หรือจะบอกว่าตอนนี้ในใจของคุณคิดว่าผมจะมาแทนที่ในบริษัทเหรอ? เพราะว่าเกิดเรื่องโม่เซิน ดังนั้นผมก็เลยหาโอกาสทำอย่างนั้นเหรอ? แต่ว่านะมู่จื่อ คนไม่คิดบ้างเหรอ ว่าผมเป็นคนแบบไหนถึงคิดจะฉวยโอกาสเข้ามา? ”
หานมู่จื่อเม้มริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอ “ คุณคิดว่าคุณไม่ใช่งั้นเหรอ?”
เย่หลิ่นหานจ้องมองเธอโดยไม่พูดอะไร
“ ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่ใช่ งั้นคุณก็ไม่ต้องเข้าร่วมการประชุมในวันนี้ ”
เย่หลิ่นหานหน้าถอดสี ดูเหมือนว่าเธอจะรู้หมดทุกอย่างแล้ว
ติ๊ง—
หานมู่จื่อกดลิฟต์ ประตูลิฟต์เปิดออก เธอก้าวเข้าไปด้านใน
ก่อนจะกดประตูลิฟต์ เธอก็จ้องมองไปที่เขาก่อนจะยิ้มเยาะออกมา “ แสดงให้ฉันดูสิ ว่าท้ายที่สุดแล้วคุณเป็นคนแบบไหนกัน ”
พรึ่บ!
ในช่วงที่ประตูลิฟต์ปิดสนิท เย่หลิ่นหานที่ยืนอยู่ด้านนอกลิฟต์ก็กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นที่หน้าผาก
“คุณชายหาน คุณอย่าซื่อไปหน่อยเลย เธอแค่กระตุ้นคุณเท่านั้น ถ้าคุณฟังเธอ ทุกอย่างก็จะเข้าแผนของเธอพอดี” ผู้ช่วยที่ยืนอยู่ด้านข้างของเขามาตลอด เมื่อเห็นว่าหานมู่จื่อจากไปแล้ว เขาก็เดินเข้ามาพูดอย่างรีบร้อน
เมื่อเย่หลิ่นหานได้ฟังคำพูดของเขาที่พูดจาใส่ร้ายว่า “ผู้หญิงใครๆ ก็ชอบเข้ามาเอาอกเอาใจผู้ชายรวยทั้งนั้น รอให้คุณหานได้เป็นประธานบริษัทตระกูลเย่ก่อนเถอะ เธอจะไม่หันมามองเลยหรือ? ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่เรื่องของเย่โม่เซิน แต่มันก็ชั่วคราวแค่นั้นแหละ? ”
พูดจบเขาก็โดนกระชากคอเสื้อขึ้นมา ดวงตาดำขลับภายใต้กรอบแว่นจ้องมองมาอย่างน่ากลัว “ใครใช้ให้นายพูดถึงเธอแบบนั้น? ”
ชายหนุ่มถึงกับหน้าเปลี่ยนสี “คุณหานครับผมผิดไปแล้ว นี่ผมคิดเผื่อคุณนะ ถ้าคุณไม่พอใจคราวหลังผมจะไม่พูดอีกแล้ว ครั้งนี้ยกโทษให้ผมด้วยนะครับ ”
เย่หลิ่นหานมองเขาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ดึงมือกลับไป ผู้ช่วยกลับไปยืนอยู่ข้างๆ เขาพลางจัดแจงคอเสื้อตัวเองให้เข้าที่
“ มู่จื่อเป็นผู้หญิงที่พิเศษที่สุดที่ฉันเคยเจอ นายอย่าได้มาพูดจาให้ร้ายเธออีก ”
เขายกยิ้มที่มุมปาก ดวงตาฉายแววชั่วร้าย ในแบบที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน
“ทั้งเธอและบริษัท ฉันจะเอาทั้งหมดนั่นแหละ”
ผู้ช่วยลอบกลืนน้ำลาย พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
เย่หลิ่นหานเงยหน้ามองลิฟต์ที่ค่อยๆ ขึ้นไปทีละชั้น ริมฝีปากบางก็ยิ่งเม้มแแน่นขึ้นเรื่อยๆ
มู่จื่อ คุณอย่ามาโทษผมแล้วกัน
ไว้ผมเอามาได้ทั้งหมดเมื่อไหร่ ผมจะอธิบายให้คุณฟังเอง
เย่โม่เซิน นายไม่ชอบที่จะสู้กับฉันงั้นเหรอ? ตอนนี้นายก็ตายไป แล้วฉันจะคอยดูว่านายจะเอาอะไรมาสู้?