เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 738
บทที่ 738 การแย่งชิงอำนาจ
เมื่อถึงเวลาที่การประชุมเริ่มขึ้น หานมู่จื่อจึงได้ส่งเอกสารให้เซียวซู่เก็บรักษา
เนื่องจากเธอไม่สะดวกที่จะถือมันไว้ในมือ เพราะว่าเซียวซู่จะไม่เต็มใจที่จะกลับไปรักษาตัวนัก เธอจึงปล่อยเขาเลยตามเลย
รอจนกว่าปัญหาจะคลี่คลาย หลังจากนั้นเธอค่อยเรียกคนให้ส่งเขาไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล
ในห้องประชุม
ทุกคนในห้องนี้ล้วนรู้จักหานมู่จื่อ ถึงอย่างไรในช่วงก่อนที่เธอจะแต่งงานกับเย่โม่เซินก็เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นสถานะของตัวเธอเองก็ไม่ใช่ว่าจะต่ำต้อย เป็นนักออกแบบที่ขึ้นชื่อ แถมยังเป็นถึงคุณหนูใหญ่จากบริษัทตระกูลหาน
เมื่อเจอเธอ ในเวลานั้นทุกคนก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในการประชุมครั้งนี้ทุกคนต่างก็ไม่คิดว่าเธอจะมาปรากฏตัวที่นี่
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? นี่ไม่ใช่หานมู่จื่อจากบริษัทตระกูลหานหรอกเหรอ? ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”
หลายคนต่างพากันกระซิบกระซาบกัน
“ยังไม่แน่ใจว่าเธอมาทำอะไร?”
มีคนหนึ่งลุกขึ้นยืนนำหน้ามายืนขวางตรงหน้าหานมู่จื่อ
“วันนี้เป็นการประชุมภายในของบริษัทตระกูลเย่ คุณมาที่นี่เกรงว่าคงจะไม่เหมาะสม”
หานมู่จื่อหยุดฝีเท้า สายตาจ้องมองไปที่อีกฝ่าย
“ไม่เหมาะสมตรงไหน?”
“คุณ….” เขามองมาที่หานมู่จื่อด้วยแววตาซับซ้อน “แม้ว่าทุกคนจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเย่โม่เซิน แต่คุณก็ไม่ใช่สมาชิกระดับสูงของตระกูลเย่ ยิ่งไปกว่านั้นคุณไม่ใช่พนักงานของบริษัทตระกูลเย่ ดังนั้นสำหรับบริษัทตระกูลเย่ของพวกเราแล้ว คุณเป็นแค่คนนอกคนหนึ่งเท่านั้น”
“ในเมื่อคุณเป็นคนนอก คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมการประชุมภายในของพวกเรา”
“ไล่เธอออกไปให้ฉัน! ผู้หญิงคนนี้เป็นคนนอก แล้วยังจะสะเปะสะปะอยากเข้ามาร่วมการประชุมของบริษัทตระกูลเย่อีกเหรอ?” น้ำเสียงน่าเกรงขามดังมาจากประตูทางเข้า กลุ่มผู้คนจึงหันไปตามเสียง
เป็นชายสูงวัยคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถเข็นที่กำลังถูกเข็นเข้ามา แม้ว่าจะอายุมากแล้วทว่าสายตาก็ยังคงดูฉลาดและเฉียบคม ลักษณะภายนอกที่ผ่ายผอมของเขาทำให้เขาดูดุขึ้นมาหลายเท่า
เซียวซู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังของหานมู่จื่อถึงกับตากระตุก
ท่านนี้คือ….. นายท่านตระกูลเย่
ส่วนคนที่กำลังเข็นรถเข็นเข้ามาก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเย่หลิ่นหาน
ในเวลาที่เย่หลิ่นหานเข็นนายท่านตระกูลเย่เข้ามา สายตาเขาก็เหลือบมองไปที่หานมู่จื่อ ทั้งคู่สบสายตากัน เย่หลิ่นหานรู้สึกราวกลับว่าแววตาของหานมู่จื่อมีความเย้ยหยันอยู่ในสายตา ทั้งยังดูเหมือนกลับกำลัง…. ผิดหวังอีกด้วย
ผิดหวัง?
นิ้วมือของเย่หลิ่นหานขยับไปมา ริมฝีเม้มเป็นเส้นตรง
ไม่นึกว่าเธอ… จะยังคาดหวังในตัวเขาอีกเหรอ? ไม่อย่างนั้นจะมีสายตาผิดหวังอย่างนั้นได้ยังไง? ถึงจะผิดหวังแล้วยังไงล่ะ ในเมื่อเส้นทางนี้เป็นสิ่งที่เขาเดินมาโดยตลอด
รอให้เขาได้บริษัทก่อนเถอะ เย่โม่เซินก็ไม่อยู่แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นไว้เขาค่อยคิดหาวิธีให้เธอยอมมอบหัวใจให้เขาก็แล้วกัน
คำพูดของนายท่านตระกูลเย่ฟังดูมีน้ำหนัก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองสามคนรีบตรงเข้ามาหาหานมู่จื่อ
เมื่อเซียวซู่เห็นดังนั้นก็หน้าเปลี่ยนสี เขาฝืนต่อความเจ็บบนใบหน้าร้องตะโกนออกมาเสียงดัง “ไม่เจียมตัว นี้คือภรรยาของคุณชายเย่นะ พวกนายกล้าลงมือเหรอ?”
เซียวซู่ผู้ที่อยู่ข้างกายเย่โม่เซินมาเป็นเวลานาน ทุกคนล้วนรู้จักเขา
ในตอนนี้เมื่อเห็นเขาพยายามปกป้องหานมู่จื่อทั้งที่หน้าใบเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ พวกเขาต่างก็ไม่ใจแข็งพอจึงไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าอีก
นายท่านตระกูลเย่กล่าวออกมาอีกด้วยน้ำเสียงดุดัน “เซียวซู่! นี่นายคิดว่า… ภรรยาของเย่โม่เซินมีค่ามากกว่านายท่านตระกูลเย่อย่างฉันงั้นเหรอ?”
“นายท่านครับ เซียวซู่ไม่ได้พูดอย่างนั้นไม่ใช่เหรอครับ? แต่นายท่านสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้มาลากตัวคุณผู้หญิงออกไป บางทีนายท่านอาจจะคิดว่าพวกเขามีค่ามากกว่าคุณผู้หญิงเสียอีก”
นายท่านตระกูลเย่ “นาย!” เขาหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
แม้ว่าใบหน้าของเขาจะยังเจ็บจากบาดแผล ทว่าในใจของเขาก็รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก โชคดีที่เขาติดตามคุณชายเย่มานาน ดังนั้นลิ้นอาบยาพิษของคุณชายเย่จึงเป็นแบบอย่างให้เขานำเอามาพูด
“คุณปู่ อย่าโมโหไปเลยครับ” เย่หลิ่นหานก้มตัวไปพูดอะไรบางอย่างข้างหูนายท่านตระกูลเย่ พลางลูบหน้าอกของเขาเบาๆ เพื่อให้ช่วยระงับอาการโมโหของเขา
เมื่อนายท่านตระกูลเย่เริ่มอารมณ์ผ่อนคลายลง เขาก็เงยหน้าขึ้นมาใหม่ สายตาฉลาดเฉียบคมจ้องมองไปที่ใบหน้าของหานมู่จื่อ “ได้ ถึงฉันจะไม่ได้ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไล่เธอออกไป แต่เธอก็อยู่ที่นี่ไม่ได้ นี้เป็นการประชุมภายในของบริษัทตระกูลเย่”
หานมู่จื่อมองไปที่นายท่านตระกูลเย่อย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัว บนใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นมา หลังจากนั้นเธอก็หมุนตัวก่อนจะค่อยๆ เดินไปยังตำแหน่งที่นั่งกลางห้องประชุม
ทุกคนที่เห็นภาพฉากนั้นต่างอดไม่ได้ที่จะเผลอกลั้นหายใจ
ตำแหน่งที่นั่งนั่น….
เป็นตำแหน่งที่นั่งของเย่โม่เซิน ในบริษัทนอกจากเย่โม่เซินแล้วก็ไม่มีใครกล้าที่จะไปนั่งในตำแหน่งนั้น
นี่ภรรยาของคุณชายเย่เตรียมที่จะเข้ามานั่งในตำแหน่งของคุณชายเย่งั้นเหรอ? ในขณะที่ทุกคนกำลังคาดเดาไปต่างๆ นานา หานมู่จื่อก็ใช่มือผลักเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงไป หลังจากนั้นเธอก็เงยหน้ามองทุกคนที่อยู่โดยรอบ พลางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอันดัง
“ฉันเป็นภรรยาของเย่โม่เซิน ตอนนี้เย่โม่เซินไม่อยู่ที่นี่ ในส่วนตำแหน่งงานของเขาฉันจะเข้ามาทำแทนเอง ในเมื่อพวกคุณบอกว่านี้เป็นการประชุมภายในที่สำคัญ งั้น… ฉันก็ไม่สามารถที่จะขาดประชุมได้ เนื้อหาการประชุมในวันนี้คือเรื่องอะไรล่ะ? มาเริ่มประชุมกันเลยเถอะ”
เมื่อเธอนั่ง ทั้งคำพูด น้ำเสียง และท่าทางของเธอราวกับถอดแบบมาจากเย่โม่เซิน ผู้อาวุโสเฉินที่ในเวลาปกติมักจะไม่ลงรอยกับเย่โม่เซินอยู่เสมอ ในเวลานี้เขากลับตอบรับอย่างรวดเร็ว
“ดี! พูดถูก! ตอนนี้เย่เซินก็ไม่อยู่ที่นี่ ในเมื่อเธอเป็นภรรยาก็สามารถเป็นตัวแทนเขามาประชุมได้เหมือนกัน ฉันเห็นด้วย!”
หลังจากนั้นเขาก็นั่งลงก่อน
ตำแหน่งของเขาก็ถือว่าอยู่ในระดับสูงมาก คำพูดของเขาถือว่าโดดเด่นมากในบริษัท หุ้นส่วนในมือนอกจากเย่โม่เซินก็มีเขาอีกคนที่ถือหุ้นส่วนใหญ่
เมื่อเห็นว่าเขายอมพยักหน้าเห็นด้วย ก็มีอีกหลายคนที่ยอมนั่งตามลงไป
คนเริ่มนั่งลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่งที่เป็นคนของฝ่ายลุงหลิน
ลุงหลินมองมาทางหานมู่จื่อ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอย่างผู้อยู่เหนือกว่า
“ผู้อาวุโสเฉิน นี่คุณจะไม่เปลี่ยนเร็วไปหน่อยเหรอ แม้ว่าเธอจะเป็นภรรยาของเย่โม่เซิน แต่ว่านี้เป็นเหตุผลที่จะให้ภรรยามาเข้าร่วมการประชุมแทนได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่พวกเราพูดกัน เธอจะฟังเข้าใจเหรอ? หรือต่อให้เธอเข้าใจ แต่เธอสามารถตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ ได้เหรอ? นี่มันเป็นเรื่องความอยู่รอดของตระกูลเย่เลยนะ คุณอย่าคิดไม่เข้าท่าไปหน่อยเลย”
ผู้อาวุโสเฉินหันกลับไปสบสายตาเขาด้วยท่าทีผ่อนคลาย “ทำไม? ก็ทีคุณยังให้ท้ายคนนอกได้ แล้วจะมาห้ามไม่ให้ผมให้ท้ายสะใภ้ในตระกูลงั้นเหรอ? ประโยคหลังพูดซะดิบดีว่าเกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของตระกูลเย่ ผมก็ต้องระมัดระวังรอบคอบเป็นธรรมดา ไม่อย่างนั้น…”
สายตาของเขาเหลือบมองไปทางเย่หลิ่นหานอย่างมีความหมาย “วันไหนที่ตระกูลเย่ได้กลายเป็นว่าถูกบางคนมาฉวยโอกาสแย่งชิงไป แต่ความสามารถไม่เพียงพอ ตระกูลเย่ของพวกเรายังจะสามารถรักษาตำแหน่งในเมืองเป่ยได้อยู่อีกเหรอ? กลัวว่าเมื่อถึงเวลานั้นอาจถูกเบียดจนตำแหน่งตกไปจากสามอันดับแรกนะสิ”
กลุ่มคนที่นั่งลงไปกับเขาต่างก็พากันพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่แล้ว ความสามารถของคุณชายเย่ ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถเปรียบก็ได้”
“ใช่ แม้ว่าในเวลาปกติคุณชายเย่มักจะทำสีหน้าแข็งกระด้างจนน่าชังอยู่บ่อยครั้ง แต่พวกเราก็ล้วนเคยชินกันแล้ว เพียงแค่เขาสามารถจัดการบริหารตระกูลเย่ และทำให้กลุ่มบริษัทของตระกูลเย่เจริญรุ่งเรือง เรื่องเหล่านี้ก็ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อยที่สามารถละเลยได้”
“ผู้อาวุโสหลิน ผมว่าทางที่ดีคุณอย่าช่วยคนเลวให้ทำชั่วจะดีกว่า ตอนนี้โม่เซินเพียงแค่หายไปชั่วคราวเท่านั้น นี้คุณถึงกลับร่วมมือกันกับคนนอกเพื่อจะเข้ามาแทนที่ ถึงเวลาที่คุณชายเย่กลับมาคุณไม่กลัวว่าเขาจะมาถลกหนังคุณเหรอ?”
ผู้อาวุโสเฉิน “…นี่ทำไมคุณพูดอย่างนี้ล่ะ?”
ในเวลานั่นเอง เย่หลิ่นหานก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา
“ทุกท่าน ได้โปรดฟังที่ผมจะพูดสักหน่อยเถอะครับ”