เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 746
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 746 ผู้หญิงที่แปลกประหลาด
ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ ไม่เหมือนกับผู้หญิงที่พยายามเข้าหาเขาในช่วงนี้เลย
สายตาที่เธอมองตนเองนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ไม่มีความประหม่าตกใจเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกนี้ดูจริงใจ
“ช่วยฉันด้วย……”
หานมู่จื่อยังคงขอความช่วยเหลือจากเขา แต่ว่าความสิ้นหวังนัยน์ตานั้นกลับยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ชายที่ทนไม่ได้ที่ต้องเห็นเธอลำบากแม้เพียงเล็กน้อย มาตอนนี้กลับยืนอยู่ข้างๆ มองดูอย่างเย็นชา
หรือว่า จะเป็นอย่างที่ซูจิ่วและหานชิงบอกจริงๆ เขาจำเธอไม่ได้จริงหรือ
แต่ว่า ทำไมเขาถึงจำเธอไม่ได้แล้ว ทำไมกัน
หานมู่จื่อตะโกนออกมาอย่างทนไม่ได้“ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อว่าคุณจะไม่รู้จักฉัน ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ พวกคุณปล่อยฉันนะ”
มองเธอที่อยู่ตรงหน้าถูกชายร่างสูงใหญ่จับยึดแขนขาวเนียนไว้จนเป็นรอยแดง เย่โม่เซินจู่ก็โกรธขึ้นมา คิ้วขมวดเตรียมจะให้พวกเขาปล่อยเธอ
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนักแน่นของผู้ชายคนหนึ่งดังแทรกเข้ามา
“ขอโทษครับ ขอรบกวนหน่อยนะครับ น้องสาวผมจำคนผิด ผมจะเธอกลับไปเดี๋ยวนี้ ปล่อยเธอได้หรือยังครับ”
คนสองคนที่จับหานมู่จื่ออยู่นั้น ก็สัมผัสได้ว่าเธอแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น มองไปที่หานชิง ที่แต่งตัวภูมิฐานสะอาดสะอ้าน คงไม่น่าจะเป็นพวกโกหกหลอกลวง
ดังนั้นพวกเขาสองคนจึงปล่อยเธอ
วินาทีที่หานมู่จื่อเป็นอิสระนั้นเองเธอก็เดินตรงเข้าไปหาเย่โม่เซิน แต่กลับถูกหานชิงคว้าแขนเอาไว้ได้ก่อน
“หยุดก่อเรื่องได้แล้ว กลับไปเถอะ!”
“พี่คะ พี่ปล่อยฉันนะ ฉันจะไปถามเขาให้รู้เรื่อง ว่าเขาลืมฉันได้อย่างไรกัน ฉันไม่เชื่อ……ต้องมีอะไรมีปัญหาแน่ พี่ช่วยฉันหน่อยนะได้มั้ยคะ ไม่ ฉันไม่ต้องให้พี่ช่วยฉัน พี่ปล่อยฉัน ฉันจะไปถามเขาด้วยตัวเอง”
เพราเย่โม่เซิน หานมู่จื่อจึงเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่ได้อีกแล้ว เดิมที่เขาแกล้งสมมุติขึ้นมานั้นก็ทำให้เธอแทบรับไม่ได้อยู่แล้ว
ตอนนี้เรื่องกลับกลายเป็นความจริง เย่โม่เซินยังยืนมองอยู่ข้างๆด้วยสายตาเย็นชา หานมู่จื่อใกล้จะสติแตกเต็มทน
เรี่ยวแรงหานชิงมีพลังมาก ควบคุมเธอไว้ได้ ไม่ให้เธอไปด้านหน้าได้แม้แต่น้อย
เขาเงยหน้าขึ้น สบตากับเย่โม่เซิน
เย่โม่เซินก็มองเขา
“ขอโทษครับ น้องสาวผมจำคนผิด ทำให้คุณคนนี้ไม่สบายใจ ผมขอโทษคุณแทนน้องผมด้วย คุณคงไม่ถือสานะครับ”
เย่โม่เซิน“……”
มุมปากเขากระดกขึ้น ทำท่าทางตามสบาย
หานชิงลากหานมู่จื่อออกไป หานมู่จื่อไม่ยอม ขัดขืนอยู่ตลอด แววตายังคงจับจ้องอยู่ที่เย่โม่เซิน
“พี่ พี่ปล่อยฉันนะ ฉันมีเรื่องจะถามเขาตั้งมากมาย พี่ปล่อยฉันสิ……ปล่อยฉัน”
เธอไม่อาจสู้เรี่ยวแรงของหานชิงได้ ได้แต่มองดูเย่โม่เซินจากไปไกลๆขึ้นเรื่อยๆ
เย่โม่เซินรู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้คงจำคนผิดจริงๆ ไม่อย่างนั้น….คงไม่คลั่งสติแตกแบบนั้นต่อหน้าพี่ชายตัวเอง
แต่ว่า นี่มันเกี่ยวอะไรกับเขาเล่า
เขาหมุนตัว สาวเท้าเดินจากไป
เดินออกไปไม่รู้ว่าไกลแค่ไหน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงคนนั้น
เย่โม่เซินชะงักฝีเท้าลงอย่างไม่รู้ตัว หันร่างกลับไปตามสัญชาตญาณ
แวบแรก เย่โม่เซินก็เห็นน้ำตาที่เมื่อครู่หญิงสาวพยายามสะกดกลั้นไว้ตลอด มาตอนนี้กลับไหลพรั่งพรูออกมาราวกับฝน แต่ละหยดร่วงหล่นออกมา
เธอร้องออกมาว่าไม่ตลอดเวลา อาจเป็นเพราะสุดท้ายแล้วอารมณ์ของเธอแปรปรวนมากเกินไป จึงทำให้หมดสติไป จากนั้นเย่โม่เซินก็เห็นชายหนุ่มที่กำลังประคองเธออุ้มเธอไปที่รถซึ่งจอดอยู่ด้านข้าง
“คุณชายเซิน คุณดูอะไรอยู่ครับ”
คนที่ตามมาด้านหลังเขาถามขึ้น
พอได้ยิน เย่โม่เซินก็ดึงสติกลับมา ส่ายหน้า
“เปล่า”
เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ต้องมองผู้หญิงคนนั้นนานขนาดนี้ด้วย ริมฝีปากบางเม้มแน่น ดวงตาคู่สวยที่มีน้ำตาไหลพรั่งพรูนั้นราวกับประทับตราตรึงอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของตน
จำคนผิด……จริงๆเหรอ
“ใช่ครับคุณชายเซิน ให้คุณครับ”
ลูกน้องยื่นผ้าเช็ดหน้าสะอาดให้เขาผืนหนึ่ง
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว“ทำอะไร”
ลูกน้องมีสีหน้าตกใจ“คุณชายเซินไม่ได้รักสุขอนามัยเหรอครับ ปกติหากมีคนมาแตะต้องตัวคุณ คุณก็จะรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัวต้องฆ่าเชื้อทันที ลืมไปแล้วเหรอครับ เมื่อครู่ผู้หญิงคนนั้นจับมือคุณด้วยนะครับ”
คำพูดของอีกฝ่ายทำเอาเขาตกตะลึงอยู่ที่เดิม
ใช่สิ เมื่อครู่ผู้หญิงคนนั้นจับมือเขา แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกว่าไม่สบายอะไร ตอนแรกยังรู้สึกเหมือนชาๆเข้าไปถึงห้องหัวใจ
ไม่เพียงเท่านั้น เขายัง…..ดูเหมือนเขายังเป็นฝ่ายม้วนเส้นผมสลวยของเธอในมือเล่นเองอีกด้วย
ปกติแล้ว เขาจะไม่มีทางทำแบบนี้
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว รับผ้าเช็ดหน้าไป ก้มหน้าเช็ดมือ
ดวงตาคู่สวยที่มีน้ำตาเอ่อนองนั้นลอยขึ้นมาตรงหน้าเขาอีก ทำให้เย่โม่เซินวุ่นวายใจ เขาโยนผ้าเช็ดหน้าให้ลูกน้อง เอ่ยว่า“เอาไป”
“ครับ” ลูกน้องรับมา จากนั้นก็เอ่ยนอบน้อมว่า “คุณชายเซินครับ นายท่านให้คุณไปพบตอนนี้เลยครับ”
ยู่ฉือจินเหรอ เย่โม่เซินพยักหน้า“ฉันรู้แล้ว”
สิ่งปลูกสร้างที่หรูหราคลาสสิกตั้งตระหง่านท่ามกลางป่าไผ่เขียวขจี
ที่นี่ เป็นที่ที่ยู่ฉือจินซื้อเอาไว้ เพราะว่าเขาเป็นคนจีน ต่อมาย้ายมาสร้างความเจริญรุ่งเรืองในต่างประเทศ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้คนสร้างที่นี่ขึ้นมา โอบล้อมไปด้วยสิ่งปลูกสร้างที่มีความเป็นจีน
จากการออกแบบจนถึงเป็นรูปเป็นร่าง ยู่ฉือจินเฝ้าดูด้วยตนเองมาตลอด
ใครจะคาดคิดว่า คฤหาสน์ส่วนตัวของยู่ฉือจิน จะมีต้นไม้ใบหญ้าสะพานเล็กๆ แม้แต่ประตูก็ยังเป็นประตูโบราณแบบกลมเลย
ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่ถนนก็ยังทำมาจากก้อนหินก้อนเล็กเรียงกันออกมา ช่องว่างระหว่างก้อนหินก็มีหญ้าสีเขียวแซมอยู่ สองข้างทางเต็มไปด้วยพืชพันธุ์ไม้นานาชนิด ให้ความรู้สึกเหมือนที่พักตากอากาศบนเขา
นี่คือบ้านในแบบที่ยู่ฉือจินชอบ
นอกจากนี้ ทุกครั้งที่มีการประมูลของโบราณ เขาก็มักจะไปร่วมงาน
แต่ทุกคนต่างก็รู้ชื่อของยู่ฉือจิน ยิ่งรู้ดีว่าชื่อของเขาต้องมีการลงทะเบียนของโบราณเอาไว้ เพราะเขาเป็นนักสะสมของโบราณที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง
เงาของร่างสูงใหญ่ทอดยาวข้ามสะพาน เดินผ่านถนนหิน จากนั้นก็เข้ามาในบ้าน
“คุณชายเซินมาแล้วเหรอครับ นายท่านรอท่านอยู่ที่ห้องหนังสือครับ”
แม้จะอยู่ต่างประเทศ แต่ว่าคนใช้ที่ช่วยงานเขาที่นี่ล้วนเป็นคนจีนทั้งหมด เป็นคนที่เขาพามาก่อนหน้านี้ เป็นคนเก่าคนแก่ คนสนิทของเขา
“รู้แล้ว”
เย่โม่เซินเดินไปทางห้องหนังสือ เคาะประตู เสียงเคร่งขรึมดังออกมาจากด้านใน
“เข้ามาเถอะ”
เย่โม่เซินจึงได้เปิดประตูเข้าไป
นายท่านถือไม้เท้านั่งอยู่บนโซฟามะฮอกกานี กำลังพูดคุยบางอย่างกับคนตรงหน้า
“อาเซิน มาแล้วเหรอ” ยู่ฉือจินชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆตนเอง แสดงความหมายให้เย่โม่เซินนั่งลง
“ผู้อำนวยการเห่าจะกลับไปที่จีนช่วงระยะหนึ่ง ก่อนจะไปเขาก็เลยแวะมาหาตาที่นี่ก่อน อยากมาดูว่าร่างกายของหลานฟื้นตัวเป็นปกติอย่างไรบ้างแล้ว”
ผู้อำนวยการเห่าที่ในมือถือถ้วยชาอยู่ ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มพลางเอ่ยว่า“ใช่ครับ ลูกและภรรยาผมอยู่ที่โน่น ครั้งนี้กลับไปก็อาจจะครึ่งค่อนเดือน จึงตั้งใจแวะมาดูสภาพร่างกายของคุณชายเซินก่อน ช่วงนี้….ยังมีอาการเวียนหัวอยู่มั้ยครับ”
เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากบาง ส่ายหน้า
ตอนแรกที่เขาฟื้นขึ้นมานั้น พอพยายามรื้อฟื้นความทรงจำที่หายไป ก็จะปวดหัว จากนั้นก็จะไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ
ช่วงนี้ เขานับวันยิ่งจะสงบนิ่งมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีอาการวิงเวียนแล้ว