เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 751
บทที่751 เจอกันอีกครั้ง
หานมู่จื่อถูกลากเข้าลิฟต์ไป
ติ๊ง
หลัวลี่กดที่ชั้นสิบห้า ไม่นานประตูลิฟต์ก็ปิดลง
หานมู่จื่อดูตัวเลขชั้นที่กำลังจะขึ้นไป ภายในใจรู้สึกแปลกๆ จึงถามออกมาอย่างอดไม่ได้ “จริงสิ ทำไมคนอื่นๆถึงไม่ขึ้นลิฟต์ตัวนี้ล่ะ ลิฟต์ฝั่งนั้นคนเต็มไปหมดเลย แต่ลิฟต์ตัวนี้กลับไม่มีใครเลยสักคน”
ได้ยินแบบนั้น หลัวลี่ก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “เธอไม่รู้เหรอ”
หานมู่จื่อมองด้วยสายตาสงสัย “รู้อะไรเหรอ”
“ลิฟต์ตัวนี้ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถใช้ได้หรอกนะ”
หานมู่จื่อ “?… ”
หลัวลี่ “ดูท่าทางเธอคงจะไม่รู้อะไรเลยจริงๆนะ นี่เป็นลิฟต์ที่มีไว้ให้สำหรับประธานบริษัทบริษัทตระกูลยู่ฉือใช้งานเท่านั้น อย่าว่าแต่คนที่มาสมัครงานใหม่อย่างพวกเราเลย แม้แต่พนักงานในบริษัทยังไม่กล้าใช้ลิฟต์ตัวนี้เลย”
พอได้ยินถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว เธออดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ “แล้วพวกเราทำไมถึง…”
“เอาน่า ไม่ต้องกลัวหรอก” หลัวลี่ปิดปากอมยิ้ม “ฉันเองก็เจอที่นี่โดยบังเอิญตอนมาเข้าห้องน้ำ ฉันก็เลย… เข้าไปหาข้อมูลดู ถึงได้รู้เรื่องนี้ วางใจได้ ฉันไม่พาเธอมาซวยหรอก ยังไงเราก็ขึ้นลิฟต์ถึงแค่ชั้นสิบห้า พอถึงแล้วพวกเราก็ออกจากลิฟต์ วางใจได้ พวกเราคงไม่โชคร้ายถึงขนาดมีคนมาเจอหรอก”
เพิ่งพูดเสร็จ ลิฟต์ก็หยุดลงที่ชั้นเจ็ด
หานมู่จื่อ “…”
หลัวลี่ “???”
โอ้แม่เจ้า
คงไม่ดวงซวยถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง
หลัวลี่ยืนชะงักอยู่ที่เดิม พอเสียงลิฟต์ดัง ติ๊ง ขึ้นมา แล้วประตูลิฟต์ก็เปิดออกช้าๆ
ทันใดนั้นเอง เธอรู้สึก… ประตูตรงหน้าไม่ใช่ประตูลิฟต์ แต่เป็น… ประตูยมโลก
แง แง ทำไมเธอต้องขึ้นลิฟต์ตัวนี้ด้วย ทำไมถึงรักความสะดวกสบาย ทำไมถึงได้ปากพล่อยขนาดนี้
เธอซวยคนเดียวก็ช่างมันเถอะ แต่นี่ยังทำให้เพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันต้องเดือดร้อนไปด้วย แย่แล้ว
ติ๊ง
หลังจากประตูลิฟต์เปิด ก็มีผู้ชายใส่ชุดสูทเดินเข้ามาหลายคน ตอนที่เห็นพวกเธอสองคน ทุกคนก็ชะงักไปเล็กน้อย แต่… เพราะอยู่ในลิฟต์ ทำให้ขยับตัวไปจากที่นี่ไม่สะดวกเท่าไหร่
หลัวลี่หดตัวเข้ามุม หานมู่จื่อเองก็ขยับไปยืนชิดมุม เพื่อเว้นที่ว่างให้พวกเขา
สีหน้าของเธอเสียมาก คิดไม่ถึงว่าหลัวลี่เพิ่งพูดจบ ประตูก็เปิดออกมา ดวงซวยมากจริงๆ
หานมู่จื่อที่ปกติจะสงบเยือกเย็น ตอนที่เห็นคนที่เข้ามาในลิฟต์เป็นคนสุดท้าย สีหน้าของเธอก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที
ทำไมถึงเป็นเขาล่ะ
หานมู่จื่อมีสายตาหวาดหวั่น แทบจะควบคุมความคิดที่อยากจะเข้าไปกอดเขาไว้ไม่อยู่ แต่ไม่นานเธอก็ตั้งสติได้
ไม่ได้นะ ตอนนี้เย่โม่เซินความจำเสื่อม จำเธอไม่ได้แล้ว
ถ้าเธอเข้าไปกอดเขา เขาคงจะสั่งให้คนไล่เธอออกไปแน่ๆ
อีกอย่าง… ตอนที่เจอกันครั้งแรกเธอก็ทำอะไรแปลกๆไปแล้วด้วย
ดังนั้นตอนที่เย่โม่เซินมองมา เธอจึงหันหลังกลับ เพื่อหลบหน้าเขา
แต่ที่ว่างในลิฟต์ก็ยังไม่พออยู่ดี หานมู่จื่อทำสมาธิอธิษฐานกับตัวเองในใจ ขออย่าให้เย่โม่เซินมองเห็นเธอเลย
เธอยังไม่ได้เป็นพนักงานที่แท้จริงของบริษัทตระกูลยู่ฉือเลย แต่กลับกล้าใช้ลิฟต์ของประธานบริษัท ถึงตอนนั้น… เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะมีโอกาสได้เข้ามาทำงานในบริษัทนี้ไหม
ถ้าหากเย่โม่เซินจำเธอได้ แล้วสั่งให้คนไล่เธอออกไป แผนที่เธอวางไว้ทั้งหมดก็จะล้มเหลวทันที
หานมู่จื่อรู้จักนิสัยของเย่โม่เซินดี เมื่อก่อนเขาทำดีกับเธอแค่คนเดียว แต่กับคนอื่น… เขาจะเย็นชามาก ตอนนี้เขาจำเธอไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่าจะทำนิสัยเหมือนเดิมหรือเปล่า…
ขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลย
“เอ๊ะ”
หลังจากที่เย่โม่เซินเข้าลิฟต์ เขาไม่ได้สังเกตเลยว่ามีผู้หญิงสองคนเพิ่มเข้ามาด้วย เพราะในลิฟต์มีทีมผู้จัดการยืนอยู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงยืนหันหน้าไปทางประตูลิฟต์
แต่มีคนอุทานอย่างสงสัยออกมา แล้วใช้ภาษาอังกฤษถามเย่โม่เซิน
“นี่เป็นลิฟต์ที่ทำขึ้นมาเพื่อให้นายใช้งานไม่ใช่เหรอ”
เย่โม่เซินพยักหน้าให้ด้วยสีหน้านิ่ง
“แล้วทำไมถึงมีผู้หญิงเข้ามาในนี้ได้ล่ะ แถมยังเป็นสาวจีนอีก พวกเธอเป็นพนักงานที่นายพามาจากประเทศจีนเหรอ”
หานมู่จื่อที่พยายามลบตัวตนของตัวเองอยู่ “…”
คนคนนี้ทำไมถึงได้พูดมากอย่างนี้ ทั้งๆที่เย่โม่เซินแทบไม่รู้สึกตัว และแทบไม่รู้เลยว่าเธออยู่ในนี้ด้วย
แต่ตอนนี้กลับถูกพูดขึ้นมาซะแล้ว
พอได้ยินว่ามีผู้หญิงอยู่ด้วย เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้วขึ้นมา และรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที
มิน่าล่ะตอนที่เขาเดินเข้ามา ถึงรู้สึกเหมือนได้กลิ่นหอมที่แปลกประหลาดและคุ้นเคย ไม่เหมือนกลิ่นของผู้ชาย แต่กลับเหมือนกลิ่นของผู้หญิงมากกว่า
แต่เขาไม่ได้สนใจ พอตอนนี้พวกเขาพูดขึ้นมา เย่โม่เซินจึงได้มองไปทางด้านหลัง หลัวลี่ที่หดตัวอยู่ตรงมุมถูกจับได้ทันที พอสบตาเข้ากับสายตาที่เย็นชาของเย่โม่เซิน หลัวลี่ก็นกมือขึ้นทั้งสองข้าง แล้วก้มหน้าลงทันที
“ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจะใช้ลิฟต์ตัวนี้… ขอโทษจริงๆค่ะ”
หานมู่จื่อรีบหลบอยู่ด้านหลังชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ทันที ผู้ชายคนนี้ยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอ แค่ขยับสองสามก้าวก็พาร่างของเธอไปหลบได้แล้ว
หลัวลี่ เธออย่าโกรธกันนะ
ฉันให้เขารู้ว่าฉันอยู่ทีานี่ไม่ได้จริงๆ เพราะเป้าหมายในการมาที่นี่ของฉันก็คือเขา ขอแค่เขาฟื้นความจำได้ ฉันจะพาเขากลับประเทศกับฉันทันที ให้อยู่ต่อนานๆไม่ได้
ถึงแม้จะรู้ว่าที่เธอทำแบบนี้มันเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง แต่หานมู่จื่อกลัวมากจริงๆ
เธอรอเย่โม่เซินมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว ถึงแม้จะได้ข่าวว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้ว แต่เรื่องที่เขาสูญเสียความทรงจําและจำเธอไม่ได้ เป็นเรื่องที่ทำให้เธอหวาดกลัวมาก
ถ้าหากพลาดโอกาสในครั้งนี้ไป เธอไม่รู้เลยว่าเธอจะมีโอกาสอีกไหม
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่ผู้หญิงอีกคนที่หลบอยู่ด้านหลัง ไม่ยอมออกมา แววตาของเขาแหลมคมดั่งมีด หลัวลี่ถูกเขาจ้องมองจนเหงื่อเย็นไหลออกมาเต็มหมด เธอพูดอ้ำอึ้ง รีบขอโทษไม่หยุด
คนที่พูดก่อนหน้านี้เอ่ยปากพูด “เฮ้ นายอย่ามองคนอื่นเขาแบบนี้สิ เดี๋ยวคนสวยก็ตกใจกลัวหรอก สวัสดีครับสาวสวยชาวจีน ผมชื่อเฉียวจื้อนะครับ”
เขาพูด ก่อนจะยื่นมือไปทางหลัวลี่ แล้วทักทายด้วยสีหน้าอยากทำความรู้จัก
หลัวลี่ “…”
เธอกระพริบตาปริบๆ ความรู้สึกหวาดกลัวยังคงพุ่งมาที่ตัวเธอ ภายใต้แววตาที่เหมือนจะฆ่าคนได้ของเย่โม่เซิน เธอจะกล้ายื่นมือออกไปจับมือทักทายกับเฉียวจื้อได้ยังไงกัน
นอกจากว่าเธอจะไม่กลัวตาย
ถึงแม้แววตาของเย่โม่เซินจะเยือกเย็นน่ากลัว แต่ริมฝีปากของเขาก็ยังปิดสนิทไม่พูดอะไรออกมา
ลิฟต์ค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นไปเรื่อยๆ
บรรยากาศภายในลิฟต์กลับดูอึดอัดมาก
หานมู่จื่อแอบเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วมองตัวเลขที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าจอ
พวกเธอจะขึ้นไปชั้นสิบห้า ส่วนพวกเย่โม่เซินดูเหมือนจะเป็นชั้นยี่สิบเอ็ด
นั่นก็หมายความว่า ตอนที่ลิฟต์หยุดที่ชั้นสิบห้า พวกเขาจะยังไม่ออกไปจากลิฟต์ แต่เธอกับหลัวลี่ต้องออกไปจากลิฟต์
ถ้าเธอเดินออกไป ถึงเวลานั้น… เย่โม่เซินจะต้องเห็นเธอแน่ๆ
ทำยังไงดี
พอใกล้จะถึงชั้นสิบห้าแล้ว ลิฟต์ก็ค่อยๆหยุดลงช้าๆ
ติ๊ง