เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 796
บทที่ 796 นี่ไม่ใช่เจตนาชั่วคราว
“คุณปู่ยู่ฉือ ดูจากที่ท่านพูด……ล้วนแต่จะพูดให้ผมกับอาเซินกลายเป็นคนแบบไหนกัน แบบนั้นมันเรียกรวมกันว่าการกลั่นแกล้งหรือไม่ ผมเองก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี้”
เฉียวจื้อยิ้มหรี่ตาและยื่นมือออกไปเพื่อลูบหน้าอกของยู่ฉือจิน เสียงของเขาก็นุ่มนวลขึ้นเพื่อปลอบโยนนายท่าน
“ฮึ” คุณท่านยู่ฉือส่งเสียงออกมา ตบเสียงดังให้เขาเอามือออกไป “ฉันเชื่อว่านายมันเลว เด็กสารเลวอย่างนายมันแย่มาก นายเป็นคนทำให้อาเซินแย่ไปด้วยใช่ไหม”
เฉียวจื้อได้ยินดังนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างและส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธ “ไม่ ไม่ ไม่ นิสัยของอาเซินคุณก็รู้จักดี ผมจะไปควบคุมความคิดของเขาได้อย่างไร”
เมื่อได้ยินดังนั้น ยู่ฉือจินก็หรี่ตาไปมองเย่โม่เซิน
แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานาน แต่นิสัยของยู่ฉือเซินก็เป็นเหมือนกับที่เฉียวจื้อพูดมาทุกอย่าง แม้ว่าเขาจะสูญเสียความทรงจำก่อนหน้านี้ไป แต่ลักษณะนิสัยดั้งเดิมของเขาไม่เคยเปลี่ยน อารมณ์ของเขาก็ดื้อรั้น
ของที่ติดตัวติดกระดูกมา ก็คงจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ยู่ฉือจินก็คิดถึงลูกสาวคนโตของตนเอง
ตอนนั้น ……. ซินเอ๋อก็ดื้อรั้นพอๆกับเขา ไม่ยอมรับเชื่อฟังการจัดการที่เตรียมไว้ ยืนกรานในความคิดของตนเองว่าถูกต้อง จึงต้องลงเอยอย่างทุกวันนี้
เมื่อนึกถึงยู่ฉือซิน สายตาของ ยู่ฉือจินก็ดูหมองลงไปมาก
ลูกสาวคนนี้ ทำให้เขาต้องเจ็บใจ
ด้วยเหตุนี้ ยู่ฉือจินมองไปที่เย่โม่เซินด้วยสายตาที่ไม่แข็งกร้าวอีกต่อไป และพูดขึ้นอย่างเหนื่อยล้า “พวกนายสองคน ออกไปก่อนเถอะ ฉันขออยู่คนเดียวเงียบๆ”
เฉียวจื้อ “……คุณปู่ยู่ฉือ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม ต้องการให้ผมอยู่คอยสอนไหม”
“คนแก่อย่างฉัน ยังต้องการให้เด็กน้อยอย่างนายมาสอนทำไม ไปให้พ้น ไปให้พ้นทั้งคู่นั่นแหละ”
พูดจบ ยู่ฉือจินจึงหยิบไม้เท้าขึ้นมาและส่งสัญญาณคล้ายว่าจะตีทั้งสองคน เฉียวจื้อได้แต่ถอยหนีอย่างรวดเร็ว
เย่โม่เซินลุกขึ้นตาม สายตาของเขามองไปยังร่างกายของยู่ฉือจิน และพูดเบาๆ “อย่างนั้นพวกเราขอตัวออกไปก่อน คุณตารักษาสุขภาพด้วย”
“ฮึ” ยู่ฉือจินส่งเสียงออกไปอย่างเย็นชา หันหน้าออกไป ไม่ได้ตอบรับคำพูดของเขา
เฉียวจื้อเดินตามเย่โม่เซินออกจากห้องหนังสือ เมื่อออกไปไกลแล้วจึงกล้าที่จะพูดจา
“มันเป็นเพราะอะไรกัน คุณปู่ยู่ฉือถึงได้เคารพความต้องการของคุณ”
เย่โม่เซินไม่ได้ตอบอะไร แต่คิ้วของเขาขมวดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เรื่องต่าง ๆอาจจะไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด ความคิดของคุณตานั้นไม่ใช่เจตนาเพียงชั่วคราว
เนื่องจากมันไม่ใช่เจตนาเพียงชั่วคราว อย่างนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมแพ้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ ดูจากสีหน้าของคุณตาแล้วเหมือนจะคิดถึงเรื่องอะไรขึ้นมา จึงยังไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้
“ทำไมคุณไม่พูดอะไรเลย หรือว่าคุณไม่ได้รู้สึกรีบร้อนอะไรเลย หากว่าต้องให้คุณหมั้นกับตวนมู่เสว่ขึ้นมาจริง ๆจะทำอย่างไร”
เย่โม่เซินหยุดก้าวเท้าทันที ยกเปลือกตาขึ้นอย่างเย็นชา “นายกลับไปก่อน”
เฉียวจื้อ “หมายความว่าอย่างไร ผมกำลังคุยหัวข้อสำคัญกับคุณนะ คุณมาไล่ผมกลับไปหรือ”
“คุณสามารถจะเปลี่ยนความคิดของตาผมได้หรือเปล่า”
เฉียวจื้อ “……ดูเหมือนจะทำไม่ได้ ช่างเถอะ ผมไปดีกว่า”
พูดจบ เขาหันกลับจะเดินไปอีกทาง และพลางกระซิบ “กลับไปส่งวีแชทให้คุณผู้ช่วยน้อยดีกว่า”
“หยุดนะ” เสียงที่หนาวเหน็บของเย่โม่เซินดังมาจากด้านหลัง
เฉียวจื้อหยุดฝีเท้าลง หันกลับไปอย่างอารมณ์ไม่ดี “มีอะไรหรือ ให้ผมไปไม่ใช่หรือ มีเรื่องอะไรหรือ”
“อย่าไปรังควานเธอ”
“ชิ” ใบหน้าของเฉียวจื้อที่ดูหงุดหงิดเมื่อกี้นี้เปลี่ยนไปแสดงสีหน้าขำทันที “ในที่สุดคุณก็เผยหางจิ้งจอกออกมาแล้วหรือ ทนไม่ไหวไม่พอใจผมหรือไง”
เมื่อรู้ว่าดวงตาที่กำลังจ้องมองของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างฉับพลัน เฉียวจื้อจึงรีบก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ ผมไม่ล้อคุณแล้ว อย่างไรมีเรื่องอะไรคุณก็เก็บเอาไว้ในใจก็พอแล้วใช่ไหม คุณไม่เคยพูดอะไรออกมาเลย ผมไปแล้ว”
เฉียวจื้อรีบออกไปจากตระกูลยู่ฉือ เย่โม่เซินก็เดินไปยังห้องของตนเอง เมื่อตอนที่กำลังจะเข้าห้องน้ำเขาหยุดชะงักไป ทันใดนั้นก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
เสื้อผ้าชุดเก่าที่เขาเปลี่ยนก่อนหน้านี้……
ลืมเอาไว้ที่บ้านของผู้หญิงแปลกคนนั้น
*
และเป็นสัปดาห์ใหม่อีกครั้ง
หลังจากพักผ่อนไปสองวัน ร่างกายของหานมู่จื่อก็ไม่ได้เหนื่อยมากขนาดนั้นแล้ว น่องนั้นก็ไม่ได้ปวดเท่าไรแล้ว เพียงแค่ทิ้งไว้สองวันสิ่งต่างๆก็เพิ่มมากขึ้น ในตอนเช้าหานมู่จื่อก็ยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้ แม้แต่จะนั่งเพื่อพักหายใจก็ยังไม่มี
จนกระทั่งเลิกงาน เธอก็เหนื่อยจนไม่มีเรี่ยวแรงจะลงจากตึกไปกินข้าว ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาราวกับศพ
พี่หลินเห็นว่าเธอเป็นเช่นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะนาง “กำลังร่างกายของคุณไม่ดีเลยนะ แค่ยุ่งช่วงเช้า คุณก็เดินไม่ไหวแล้วหรือ”
ได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อก็เก้อเขินเล็กน้อย กล่าวด้วยสีหน้าขอโทษ “ขอโทษด้วยนะพี่หลิน ฉันเหนื่อยมากจริง ๆ ฉันขอนั่งพักตรงนี้สักพักนะก็ได้แล้ว”
“ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้ว คุณจะพักผ่อนอย่างไรก็ตามสบาย เพียงแต่คนหนุ่มสาวยังขาดการออกกำลังกาย หากไม่มีธุระอะไรก็ลุกขึ้นแต่เช้าออกมาวิ่งออกกำลังกาย”
“ได้ค่ะพี่หลิน ฉันจดจำไว้แล้ว”
หลังจากที่พี่หลินออกไปแล้ว ก็ได้ช่วยปิดประตูห้องเลขาให้กับเธอด้วยแล้ว หานมู่จื่อจึงเอนกายนิ่งอยู่บนโซฟา หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า
หลังจากตั้งครรภ์ เธอก็เซื่องซึมมาโดยตลอด จะเคลื่อนไหวอะไรก็ง่วงนอน
แต่ตั้งแต่เย่โม่เซินเกิดอุบัติเหตุ สภาพการณ์ต่างๆแบบนี้ของเธอก็หายไป แม้ว่าเปลือกตาของเธอจะสั่นด้วยความง่วงนอน เธอก็จะอดทนต่อไปด้วยความเข้มแข็ง
จะอยู่ในประเทศเพื่อช่วยเขาตรวจงานที่บริษัท หรือจะอยู่ที่นี่ก็ดี เธอก็ล้วนแต่มาแบบนี้
โชคดีที่เธอเลิกงานตอน 11โมง ระหว่างกลางก็จะได้มีเวลาในการพักผ่อนสองสามชั่วโมง เธอจึงไม่ต้องรีบกลับบ้าน หลังจากทานอาหารเสร็จก็นอนอยู่ที่นี่ จึงยังสามารถจะนอนได้นานขึ้นสักหน่อย
คิดแล้วคิดอีก หานมู่จื่อก็หลับไป แม้แต่ประตูห้องเลขาถูกเปิดออก มีคนเข้ามาก็ไม่รู้เรื่องอะไร
เฉียวจื้อมาเพื่อตามหาหานมู่จื่อ ตอนที่เขามาถึงก็พบว่าทุกคนล้วนเลิกงานหมดแล้ว จึงได้แต่ไปยังโรงอาหารเพื่อสกัดคน ใครจะรู้ว่ารออยู่ที่โรงอาหารยี่สิบนาทีแล้วยังไม่เห็นแม้เงาคน เห็นแต่เพียงหลัวลี่คนเดียวเท่านั้น เขาจึงเรียกหยุดเธอไว้เพื่อถามจึงได้รู้ว่า เธอเองก็ยังไม่เห็นหานมู่จื่อลงมาด้านล่าง
เฉียวจื้อจึงได้ขึ้นไปชั้นบนเพื่อตามหาเธอ ผลักประตูห้องเลขา จึงได้เห็นร่างหนึ่งกำลังนอนขดตัวอยู่บนโซฟา
“พี่สะใภ้ พี่สะใภ้~~ตื่นเร็วเข้า~”
ในระหว่างกำลังหลับ หานมู่จื่อเหมือนจะได้ยินเสียงใครบางคนเรียกตนเอง น้ำเสียงนั้นนุ่มนวล เสียงนั้นยังดังก้องอยู่ในหูของเธอ แต่เปลือกตาของเธอนั้นหนักเกินไป ลืมตาไม่ขึ้น และด้วยความเบลอนั้นทำให้เธอไม่รู้ว่าคือความจริงหรือความฝัน
“พี่สะใภ้ รีบตื่นเร็ว ผมจะพาคุณไปหายู่ฉือเซิน”
ยู่ฉือเซิน……
ยู่ฉือเซินคือใครกัน
“โอกาสดีแบบนี้ อย่าได้พลาดนะ พี่สะใภ้เลิกนอนได้แล้ว……”
คนคนนั้นยื่นนิ้วเข้าไปกระทุ้งที่แขนของเธอหลายครั้ง ทำอยู่หลายครั้ง หนอนขี้เซาของหานมู่จื่อได้ถูกไล่ออกไปแล้ว เธอลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ และสิ่งที่ปรากฏเข้ามาในสายตาคือใบหน้าที่ดูไม่จริงจังของเฉียวจื้อ ซึ่งกำลังจ้องมองเธออย่างอยากรู้อยากเห็น
“พี่สะใภ้ ในที่สุดคุณก็ตื่นแล้ว”
เมื่อเห็นว่าเธอลืมตาขึ้น เฉียวจื้อก็เผยให้เห็นรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
“เอ๊ะ”
หานมู่จื่อแสดงปฏิกิริยาตอบสนอง อุทานออกมา มือตบไปยังใบหน้าของเฉียวจื้อ