เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 802
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่802 เธอยังอยากจะยุ่งเรื่องชีวิตส่วนตัวของคนอื่นอีกยังงั้นเหรอ
หานมู่จื่อไม่ได้ไปคาดเดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เธอเปลี่ยนรองเท้าแตะเสร็จแล้วก็เดินเข้าไปด้านใน เดินไปยังห้องครัวด้วยพร้อมกับพูดว่า “คุณนั่งก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันเอาน้ำให้ แล้วเดี๋ยวไปเก็บผ้ามาให้”
เหมือนกับว่าเย่โม่เซินจะไขว่คว้าหาข้อมูลสำคัญอะไร เขาไม่ได้นั่งลง แต่ว่ายืนอยู่ในห้องรับแขก พร้อมกับมองไปรอบๆ
ไม่นาน หานมู่จื่อก็ถือแก้วน้ำอุ่นออกมา “คุณดื่มน้ำก่อนเถอะ ฉัน……ฉันจะไปเก็บเสื้อผ้ามาให้”
หานมู่จื่อพูดจบแล้วก็เดินไปที่ระเบียง
เมื่อวานตอนเย็นเสื้อผ้าของเย่โม่เซินถูกทิ้งไว้ในห้องน้ำของเธอ เธอไม่สามารถทิ้งเสื้อผ้าของอีกฝ่ายได้ ก็เลยช่วยซักให้เขา แล้วก็เอามาตาก
ตอนที่ไปเก็บเสื้อผ้าที่ระเบียงนั้น หานมู่จื่อใจเต้นแรง ไม่รู้ว่าเย่โม่เซินจะตามมารึเปล่า แล้วก็หัวเราะเยาะว่าเธอเป็นบ้า
แต่ว่าครั้งนี้เขาไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอเก็บเสื้อผ้าได้อย่างราบรื่นแล้วก็กลับเข้ามา
“นี่คือเสื้อผ้าที่คุณทิ้งไว้เมื่อวาน ส่วนชุดสูทอีกชุดหนึ่งนั้น ฉันส่งซักแห้งให้คุณแล้ว น่าจะได้พรุ่งนี้”
เย่โม่เซินมองไปที่เสื้อผ้าที่เก็บมาอย่างเรียบร้อย เธอแม้แต่เอาถุงมาใส่อย่างเรียบร้อย แล้วเขาก็พูดว่าอืมแทนคำตอบ
หานมู่จื่อเห็นว่าเขาตอบว่าอืมแล้วก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรอีก ก็รู้สึกว่ามันน่าแปลกเล็กน้อย รู้สึกแปลกมากที่ทั้งสองคนอยู่ในห้องรับแขกแต่ไม่ได้พูดอะไรกัน แต่ว่าเย่โม่เซินก็นั่งอยู่ตรงนั้น ไม่ได้มีท่าทีว่าจะกลับไปเลย
หานมู่จื่อก็เลยได้แต่พูดว่า “เดี๋ยวฉันจะไปซาวข้าวก่อน แล้วก็ทำกับข้าว แล้วเดี๋ยวก็จะลงไปซื้อผักสดกับพวกเนื้อสัตว์ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตด้านล่างตึกหน่อย”
เย่โม่เซินพยักหน้า “อืม”
หานมู่จื่อ :“???”
ตอนนี่เขาควรจะพูดว่า ถ้ายังงั้นเขากลับก่อนนะไม่ใช่เหรอ เขาจะแค่มาเอาสูทกับเสื้อผ้าไม่ใช่เหรอ? ได้แล้ว ก็ควรจะกลับได้แล้วสิ
เมื่อกี้เธอก็พูดชัดเจนแล้วนะ ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำแค่นี้
หรือว่า……
“คุณ…..จะอยู่กินข้าวเหรอ? ” หานมู่จื่อถามอย่างระมัดระวัง พร้อมกับมองเขาด้วยสายตาสำรวจ
พูดตามตรง เธอไม่ได้คิดเรื่องนี่เลย เมื่อวานเขาบอกว่าซุปปลาที่เธอทำมันธรรมดามาก น่าจะไม่อยากกินอาหารที่เธอทำอีกสิถึงจะถูก
แต่ว่าการแสดงออกที่ผิดปกติของเขานี้ ทำให้หานมู่จื่อเผลอโพล่งถามออกมา
พอถามเสร็จเธอก็รู้สึกพลาดมาก อยู่ดีๆ ก็ดีอยู่แล้วจะถามคำถามที่ทำให้ตัวเองอับอายไปทำไมกัน
ตอนที่หานมู่จื่อกำลังคิดสับสนว่าจะถอนคำพูดยังไงนั้น เย่โม่เซินก็กลับพูดออกมาอย่างไม่คาดคิด “ในเมื่อเธอเชิญฉัน ถ้ายังงั้นฉันก็คงต้องตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจแล้วกัน”
หานมู่จื่อ :“???”
หืม? เธอไปเชิญเขาเมื่อไหร่กัน? เธอก็แค่ถามเขาเฉยๆ เองนะ
“เดี๋ยวก่อน คือว่า….เมื่อไหร่ที่ฉัน…..”
เธอยังไม่ทันจะพูดจบ เย่โม่เซินก็ลุกขึ้นยืน “ไม่ได้จะไปซาวข้าวหรอกเหรอ ยังไม่ไปอีก? ”
หานมู่จื่อ :“……”
ก็ได้ ยังไงมันก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว เธอยังจะคิดอะไรอีก?
ดังนั้นหานมู่จื่อก็เลยกลับไปทำอาหารที่ห้องครัว ตอนที่กำลังซาวข้าวอยู่นั้นจู่ๆ เธอก็รู้สึกว่า อยู่ที่นี่ต่อก็ดีเหมือนกัน ถ้าเกิดว่าต่อไปหลังจากนี้เขามาทุกวัน เธอพูดอะไรเขาก็พยักหน้า
แบบนี้มันก็ดีมากเลยไม่ใช่เหรอ?
ไม่นาน หานมู่จื่อก็ออกไปซื้อผัก เธอไม่ได้บอกให้เย่โม่เซินไปด้วย ให้เขารอตัวเองอยู่ในห้อง เธอไปแป๊บเดียวเท่านั้น
แต่ไม่คิดเลยว่าตอนที่เธอเดินถึงหน้าประตูนั้น เย่โม่เซินก็ตามออกมาเอง
หานมู่จื่อเองก็ไม่ได้พูดอะไร ทั้งสองคนก็ลงไปชั้นล่างด้วยกัน
ซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ใกล้มาก เดินไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว เพราะฉะนั้นทั้งสองคนก็เลยไม่ได้ขับรถไป
หานมู่จื่อชอบกินปลา แล้วอีกอย่างปลาก็สามารถบำรุงร่างกายเธอในตอนนี้ได้มาก เพราะฉะนั้นหลังจากซื้อผักเสร็จเธอก็เดินไปที่แผนกขายปลา
พึ่งจะเดินเข้าไปใกล้ กลิ่นคาวปลาก็โชยเข้ามาแตะหน้าทันที เย่โม่เซินหยุดเดิน พร้อมกับขมวดคิ้วและมองหน้าเธอ
“เธอจะซื้อปลาอีกแล้วเหรอ? ”
“กินปลาดีจะตาย ฉันชอบกินซุปปลา”
พอพูดจบ เธอก็รู้สึกได้ว่าสีหน้าของคนข้างๆ แปลกๆ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดติดตลกว่า “คุณไม่ต้องห่วง ปลาวันนี้จะทำสดๆ เพราะฉะนั้นฉันจะให้เจ้าของร้านฆ่าให้ ไม่ให้คุณฆ่าให้อีกแล้วล่ะ”
หลังจากประโยคนี้ก็ตามมาด้วยการพึมพำเงียบๆ “ฉันไม่อยากให้เสื้อผ้าคุณเปียกอีกแล้วล่ะ”
เย่โม่เซิน:“……”
เขาขมวดคิ้ว มองดูแผ่นหลังของเธอที่เดินไปไกลแล้ว เหมือนกับว่าเธอดูถูกเขามากเลยใช่ไหม? เพราะว่าแม้แต่เงินเขาก็คว้ามาไม่ได้ แถมยังฆ่าไม่ได้อีก?
หานมู่จื่อซื้อปลาเสร็จแล้วกลับมา บรรยากาศจากร่างกายของเย่โม่เซินดูดิ่งลึกมากกว่าเดิม แต่ว่ารูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาของเขายังคงดึงดูดสายตาได้มากมาย ตอนที่กำลังคิดเงินอยู่นั้นก็มีผู้หญิงหลายคนมองมาที่นี่ แม้แต่หยิบโทรศัพท์ออกมาอยากจะถ่ายรูป
ผลก็คือเมื่อสายตาที่ดุดันและรุนแรงของเย่โม่เซินเหล่มองไป คนพวกนั้นก็จำเป็นต้องเก็บโทรศัพท์ลงไป แล้วก็มองเขาอย่างวิตกกังวล
ภาพเหตุการณ์ที่ทำให้หานมู่จื่ออดคิดไม่ได้ว่า ที่แท้…..คนหน้าตาดีไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน ในประเทศก็ดี ต่างประเทศก็ดี ก็มักจะได้รับการต้อนรับเป็นพิเศษเสมอ
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็กลับไปที่ที่พักของหานมู่จื่ออย่างรวดเร็ว ตอนที่ทั้งคู่มาถึงหน้าประตูก็พบว่ามีคนๆหนึ่งอยู่ตรงนั้น เฉียวจื้อนั่งอยู่หน้าประตู สายตาที่มองมาที่ทั้งคู่นั้นดูประหลาดใจมาก
“พวกนาย……”
เฉียวจื้อจ้องภาพเหตุการณ์นี้อย่างอึ้งๆ
ในมือของเย่โม่เซินถือถุงข้าวของที่พึ่งซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต ดูหนักมาก ส่วนในมือของหานมู่จื่อนั้นถือถุงเล็กๆ ดูเบามาก
ท่าทางแบบนี้ ดูไปดูมา…..มันเหมือนกับชีวิตประจำวันของคู่สามีภรรยายังไงยังงั้นเลย
แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา และก็รีบลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็พูดว่า “คิคิ ผมมากินข้าวฟรีอีกแล้ว”
พึ่งจะสิ้นเสียงของเขา เฉียวจื้อก็รู้สึกได้ถึงสายตาแห่งความตายที่กำลังจับจ้องมา รอยยิ้มของเขาค้างนิ่งอยู่ตรงมุมปาก ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าใครเป็นคนส่งสายตานี้มาให้
เฉียวจื้อกระแอมเบาๆ ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หานมู่จื่อเปิดประตู ไม่ได้สนใจอะไร
“เข้ามาสิ”
เฉียวจื้ออยากจะก้าวไปด้านหน้า แต่ว่าร่างที่สูงใหญ่ของเย่โม่เซินกลับยืนอยู่ที่ประตู ขวางทางเขาไว้ มองดูหานมู่จื่อเปลี่ยนรองเท้า จนถือถุงเข้าไปในห้องครัว เย่โม่เซินถึงได้ดึงสายตากลับมา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “นายจะทำอะไรกันแน่? ”
เฉียวจื้อ “ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรสักหน่อย ฉันแค่รู้สึกว่าผู้ช่วยตัวน้อยของนายมีฝีมือ ทำอาหารอร่อย ก็เลยมาอาศัยกินด้วยแค่นั้นเอง”
คำพูดของเขาทำให้เย่โม่เซินขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน ถ้าเกิดว่าวันนี้เขาไม่ได้ตามเธอมา เฉียวจื้อก็มาที่นี่อยู่ดีใช่ไหม?
“ฉันควรให้นายอาศัยกินข้าวด้วยงั้นเหรอ? ” เย่โม่เซินหันกลับมา จ้องเขาด้วยสายตาที่ไม่พอใจ
พอเฉียวจื้อได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก “แปลกจัง นายจะควรหรือไม่ควรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย? ฉันไม่ได้จะกินข้าวที่นายทำสักหน่อย”
“……”
“ทำไม? นานก็เป็นแค่เจ้านายของเธอเท่านั้นเอง หรือว่าเวลาเลิกงานแล้วก็ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องชีวิตส่วนตัวของลูกน้องด้วยยังงั้นเหรอ? ” เฉียวจื้อหัวเราะคิกๆ ล้อเลียนเขา ทำท่าทางไม่สุภาพแล้วพูดว่า “ยู่ฉือเซิน นายจะมาเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้นะ แม้แต่ชีวิตส่วนตัวของคนอื่นยังต้องมายุ่ง”
“พวกคุณยืนอยู่ตรงหน้าประตูทำไมกัน? ” ตอนที่หานมู่จื่อออกมาจากห้องครัวนั้น ก็เห็นทั้งคู่ยังคงยืนอยู่หน้าประตูห้องครัว ก็เลยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วถามออกมา
“เปล่า! ” เฉียวจื้ออาศัยตอนที่เย่โม่เซินใจลอย เบียดตัวเข้ามา หลังจากนั้นก็เอ่ยปากถามเสียงดัง “วันนี้ทำอะไรอร่อยๆ เหรอ? ”