เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 808
บทที่808 ฉันต้องเป็นผู้ควบคุม
สุดท้ายตวนมู่เจ๋อก็โดนไล่ออกมา หลังจากนั้นตวนมู่เสว่ก็กระแทกประตูอย่างแรง เสียงดังอย่างกับโลกสั่น ดึงดูดให้คนรับใช้หลายคนมองมาว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ตวนมู่เจ๋อไม่มีทางเลี่ยง ได้แต่โบกมือให้พวกเธอ “ไปทำงานต่อเถอะ คุณหญิงใหญ่อารมณ์ร้ายขนาดไหนเมื่อก่อนพวกเธอไม่เคยเห็นรึไง? ”
ดังนั้นทุกคนก็เลยเดินจากไป
ตวนมู่เจ๋อโทรหาผู้ช่วยของตัวเอง ให้เขาสิบเกี่ยวกับเรื่องของยู่ฉือเซินช่วงนี้ว่ามันคือเรื่องอะไรกันแน่
หลังจากวางสาย ตวนมู่เจ๋อก็จ้องมองโทรศัพท์ของตัวเองและส่ายหน้าอย่างไม่มีทางเลี่ยง
โชคดี ที่ตวนมู่เจ๋อแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยต้องป่วยเพราะความรัก ไม่เหมือนกับเสี่ยวเสว่ ทำเรื่องที่มันบ้าบอขนาดนี้
*
เวลาทำงานยังคงเป็นไปตามปกติ หลังจากที่หานมู่จื่อเลิกงานเตรียมจะไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินนั้น รถของเย่โม่เซินก็ตามมาอีกครั้ง เหมือนกับว่าเช็คมาแล้วว่าที่นี่ไม่มีที่จอดรถ ให้เธอขึ้นรถไป
หลังจากนั้นก็มาส่งเธอที่หน้าประตู แล้วก็ลงรถตามเธอไป ก่อนที่หานมู่จื่อจะเอ่ยปากถามเขาก็แย่งถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาก่อน “เมื่อวานฉันลืมเนกไทไว้ที่นี่ เธอเอาไปแล้วรึเปล่า? ”
เนกไท?
หานมู่จื่อกะพริบตา อดไม่ได้ที่จะเหล่ตามองไปยังเย่โม่เซินหลายครั้ง
เมื่อคืนหลังจากที่เขากลับไปแล้ว เหมือนกับว่าเธอไม่เห็นว่ามีอะไรตกอยู่นะ?
“ฉัน เหมือนว่าจะไม่เห็นเลยนะ”
เย่โม่เซินก้าวไปข้างหน้าและขยับเข้าไปใกล้ “ไม่เห็น หรือว่าแอบเอาไปซ่อนไว้? ”
หานมู่จื่อ :“……”
ท่าทางเจ้ายศและเย่อหยิ่งของเขาทำให้หานมู่จื่อรู้สึกผิดขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าเมื่อวานเธอจะไม่เห็นอะไรตกอยู่จริงๆ แต่ว่าเธอก็ไม่ได้เก็บกวาดห้อง ถ้าเกิดว่าเขาทำตกไว้จริงๆ แล้วเธอไม่เห็นล่ะ?
ความมั่นใจเธอถดถอย หานมู่จื่อถอยหลังไปหลายก้าว และกระแอมเบาๆ “ฉันไม่ได้บ้าขนาดนั้นนะ คุณช่วยมองฉันด้วยสายตาบ้าๆ ให้มันน้อยกว่านี้หน่อยเถอะ ทำตกไว้ไหมไปหาเองก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ”
ดังนั้นเย่โม่เซินก็ได้ตามเธอขึ้นไปชั้นบนอย่างโจ่งแจ้ง สุดท้ายก็พบเนกไทเขาอยู่ใต้โต๊ะกาแฟ พอเย่โม่เซินได้เนกไทมาก็เอามาผูกให้ตัวเองตามปกติ
หานมู่จื่อยืนอยู่ข้างๆ มองท่าทางของเขาผูกเนกไท ในใจก็คิดว่า……
เนกไทนี้ มันไปหล่นอยู่ใต้โต๊ะกาแฟได้ยังไงกัน??
มิน่าล่ะเมื่อวานเธอถึงมองไม่เห็นว่ามีของหล่นอยู่
หลังจากเย่โม่เซินผูกเนกไทเสร็จ ก็เห็นจากหางตาว่าหานมู่จื่อเอาแต่มองตัวเอง เขาเม้มริมฝีปากบางของตัวเอง แล้วก็หันไปมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา
“จ้องฉันทำไม? ”
พอได้ยินเสียงของเขา หานมู่จื่อก็ได้สติกลับมา ตอนที่เผชิญกับดวงตาสีหมึกคู่นั้นก็ส่ายหน้าทันที “ไม่ ไม่มีอะไร ฉันก็แค่คิดว่า……เนกไทมันไปอยู่ใต้โต๊ะกาแฟได้ยังไงกัน แปลกมากเลย”
พอได้ยินดังนั้น ท่าทางของเย่โม่เซินก็ค้างนิ่ง ดวงตาสีหมึกฉายแววแปลกประหลาด จากนั้นเขาก็ยกริมฝีปากบางของเขาและยิ้มเยาะเย้ยเธอ
“ทำไม เธอสงสัยว่าฉันโยนเนกไทตัวเองเข้าไปยังงั้นเหรอ? ”
หานมู่จื่อ :“???”
พระเจ้าเป็นพยาน ก่อนที่เขาจะพูดประโยคนี้ออกมา เธอไม่เคยคิดแบบนี้เลย
เธอแค่คิดว่า เนกไทมันหล่นไปตรงนี้ได้ยังไง ก็แค่งงๆ เท่านั้นเอง
แต่ว่าหลังจากที่เย่โม่เซินพูดแบบนี้ จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่า……ก็เหมือนกับว่าจะเป็นไปได้
ถ้าเกิดว่าเย่โม่เซินไม่ได้โยนเนกไทนี้เข้าไปใต้โต๊ะกาแฟ เนกไทมันก็คงไม่ได้มีขาที่จะเดินเข้าไปในนั้นเองได้ แต่ว่า……ทำไมเย่โม่เซินต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ?
เหมือนว่าเขา ไม่ได้มีเหตุผลให้ทำแบบนี้นะ
ตอนที่หานมู่จื่อกำลังคิดอย่างถี่ถ้วนนั้น ก็เห็นสีหน้าของเย่โม่เซินดำราวกับก้นหม้อ ถึงได้รีบพูดออกมา “เปล่าๆ น่าจะเป็นเพราะว่าเมื่อวานฉันไม่ทันเห็นแล้วก็เผลอเตะมันไปใต้นั้น ฉันไม่ได้สงสัยคุณเลยนะ อย่าโกรธไปเลย ใช่สิ คุณหิวไหม? ให้ฉันไปทำกับข้าวไหม? ”
ประโยคหลังเหมือนเป็นการขอโทษ ไม่คิดว่าหลังจากที่เย่โม่เซินได้ยินคำพูดของเธออารมณ์ที่เยือกเย็นก็ผ่อนคลายลงไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็พยักหน้า แล้วก็หัวเราะเย้ยหยัน “จะใช้ข้าวมื้อเดียวแทนคำขอโทษงั้นเหรอ? ”
“ถ้ายังงั้น……ฉันเลี้ยงข้าวคุณหนึ่งอาทิตย์เลยเป็นไง? ”หลังจากพูดจบ หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าตัวเองพูดเกินไป เย่โม่เซินจะตกลงได้ยังไง?
ใครจะไปรู้ว่าเย่โม่เซินจะหัวเราะอย่างเย็นชา “ฝืนใจตกลงแล้วกันเพราะถือว่าเธอจริงใจ”
หานมู่จื่อ :“……”
*
ตระกูลยู่ฉือ
“คุณปู่ยู่ฉือ วันนี้พี่เซินจะกลับบ้านเร็วมากินข้าวไหมคะ? เสี่ยวเสว่มาตั้งหลายวันแล้ว ร่างกายเขาน่าจะทนไม่ไหวกับการทำงานล่วงเวลาทุกวันนะคะ คุณปู่ไปพูดกับพี่เซินหน่อยได้ไหมคะ? ”
หลายวันมานี้ ยู่ฉือจินต้องปวดหัวเพราะตวนมู่เสว่เอาแต่มาพัวพัน
ถึงแม้ว่าเขาจะชอบสาวน้อยตวนมู่เสว่คนนี้ และก็คาดหวังว่าเธอจะได้หมั้นกับอาเซิน กลายมาเป็นหลานสะใภ้ของเขา แต่ว่าก็เห็นได้ชัดว่าอาเซินไม่ได้คิดแบบนั้น ดังนั้นสาวน้อยคนนี้ก็เลยเอาแต่วิ่งวนอยู่รอบตัวเขา หวังว่าเขาจะสามารถจัดการยู่ฉือเซินในฐานะตาได้
แต่ว่าถ้าเกิดว่าเขาจัดการได้ ก็คงไม่ต้องมานั่งกินข้าวอยู่คนเดียวแบบนี้หรอก
“คุณปู่ยู่ฉือ โอเคไหมคะ? ” ตวนมู่เสว่เขย่ามือเขา
ยู่ฉือจินเริ่มหมดความอดทน ทำได้แค่พยายามใจเย็นแล้วพูดว่า “โอเค พวกผู้ชายออกไปทำงานหนัก มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีงานยุ่งบ้างเป็นครั้งคราว หลายวันนี้เขาก็แค่ทำงานล่วงเวลาเท่านั้นเอง สาวน้อยอย่างเธอถ้าสามารถไปโน้มน้าวได้ก็ไปโน้มน้าวอย่างเต็มที่เลย แต่ว่าถ้าโน้มน้าวไม่ได้ ตาอย่างฉันก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
เดิมทีตวนมู่เสว่คิดว่ายู่ฉือจินรักตัวเองมาก ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำหน้าตึง ตอนนี้เธอพึ่งได้สติ
จะพูดยังไงยู่ฉือจินก็เป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์บริษัทตระกูลยู่ฉือ แน่นอนว่าเป็นคนระดับสูง การกระทำของเธอในช่วงนี้มันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก
พอคิดได้แบบนี้ ตวนมู่เสว่ก็รีบปล่อยมือเขา ขยับมานั่งข้างๆ อย่างอ่อนแรง พร้อมกับก้มหน้าขอโทษ
“ขอโทษด้วยนะคะคุณปู่ยู่ฉือ หลายวันนี้เสี่ยวเสว่น่าจะเพราะว่าเป็นกังวลมากเกินไป ก็เลย……เอาแต่วนอยู่กับคุณปู่แล้วพูดแต่เรื่องแบบนี้ หนูรับปากว่าต่อไปจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว คุณปู่ยู่ฉืออย่าโกรธหนูเลยนะคะ”
เห็นว่าอีกฝ่ายขอโทษ แถมยังมีท่าทีที่น่าสงสาร ความรู้สึกรำคาญในใจของยู่ฉือจินก็หายไปเยอะ เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “อาเซินเป็นหลานของฉัน ถึงแม้ว่าฉันพึ่งจะอยู่กับเขาได้ไม่นาน แต่ว่าฉันก็เข้าใจนิสัยของเขาดี เรื่องที่เขาให้ความสำคัญกับกิจการเป็นเรื่องที่ดี แล้วอีกอย่างเมื่อวานเขาก็พูดถูกแล้ว เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรื่องบางเรื่องเขาสามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้แล้ว ถึงแม้ว่าตระกูลยู่ฉือจะเคยสัญญาทางปากว่าจะหมั้นกับตระกูลตวนมู่ของเธอ ฉันจะหาเวลาที่เหมาะสมคุยกับปู่ของเธอเรื่องงานหมั้นแล้วก็วัน แต่……เรื่องวิธีการเข้ากันได้เรื่องความรู้สึกของพวกวัยรุ่นอย่างพวกเธอ ก็ต้องพึ่งพาตัวเธอเอง ถ้าเกิดว่าเขาไม่ยอมสนใจเธอ ถ้ายังงั้นปู่ก็ไม่สามารถไล่ตามเขาทุกวัน คอยบอกให้เขาทำอะไรได้ใช่ไหม?
ตวนมู่เสว่ทำลักษณะท่าทางต่ำต้อยลงกว่าเดิมมาก เธอพยักหน้าตอบว่าใช่
“คุณปู่ยู่ฉือพูดถูกแล้วค่ะ หลายวันมานี้หนูผิดไปแล้ว ต่อไปหนูจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว หนูจะเชื่อคุณปู่แล้วไปต่อสู้ด้วยตัวเองค่ะ”
“อืม พรุ่งนี้ก็หาเวลาพาปู่ของหนูมารวมตัวกันหน่อย มาคุยกันเรื่องหมั้นอย่างเป็นทางการดีกว่า”
พอได้ยินดังนั้น ตวนมู่เสว่ก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างเซอร์ไพรส์ “คุณปู่ยู่ฉือ ได้……จริงๆ เหรอคะ? พี่เซินเขา……”
ยู่ฉือจินหัวเราะในลำคอ “เรื่องอื่นของเขาฉันยุ่งไม่ได้ แต่ว่าเรื่องแต่งงาน ฉันต้องเป็นคนจัดการ”