เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 814
บทที่814 ทำไมถึงไม่สะดวก
ก่อนที่เฉียวจื้อจะพูดเรื่องพวกนี้ออกมา เย่โม่เซินคิดเอาไว้แล้ว เรื่องที่คิดจะให้เขาแต่งงานกับตวนมู่เสว่ เขาไปจัดการก็เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นสำหรับเขาแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับเรื่องนี้เลย
หลังจากจัดการเรียบร้อย เรื่องทั้งหมดก็กลับมาเป็นปกติ ทุกคนยังคงใช้ชีวิตตามเดิม ทำทุกอย่างตามปกติ
แต่พอได้ยินเฉียวจื้อพูแบบนี้ เย่โม่เซินรู้สึกเหมือนแผนที่ตัวเองวางมาทั้งหมด ถูกก่อกวนจนวุ่นวายไปหมด
เหมือนเกมหมากล้อมหนึ่งกระดาน ที่เดิมทีเขาวางเกมไว้หมดแล้ว แต่กลับมีสัตว์ตัวหนึ่งพุ่งตัวเข้ามา จนชนเข้ากับกระดานหมากล้อม ทำให้ความตั้งใจทั้งหมดของเขาเสียเปล่าไปเลย
พอคิดได้แบบนั้น บรรยากาศรอบตัวของเย่โม่เซินก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น สายตาที่จ้องมองเฉียวจื้อเหมือนกำลังมองคนตาย รังสีที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเย่โม่เซินทำให้เฉียวจื้อถอยหลังหนีอย่างไม่รู้ตัว เขากระแอม ก่อนจะรีบพูดแก้ตัว
“ยู่ฉือ เรื่องนี้จะโทษฉันก็ไม่ได้นะ นายเองก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับฉันก่อนจริงไหมล่ะ แล้วอีกอย่าง… ตอนที่ฉันโทรไปหาผู้ช่วยของนาย เธอเองก็ไม่ได้รับสายนี่นา ฉันโทรหาเธอหลายสิบสาย นึกว่าเธอรู้เรื่องนี้แล้วจะโมโห…”
น้ำเสียงของเย่โม่เซินเคร่งขรึมมาก
“ใครใช้ให้นายยุ่งไม่เข้าเรื่อง นี่นายว่างไม่มีอะไรทำเลยหรือไง”
เฉียวจื้อถอยหลังไปอีกหลายก้าว “ไม่ใช่ ช่วงนี้ฉันงานยุ่งมากเลย เอ่อ คือว่า ในเมื่อฉันรายงานให้นายรู้หมดแล้ว งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ”
พอพูดจบ เฉียวจื้อก็หันหลังกลับ แล้ววิ่งออกไป โดยไม่สนใจว่าเย่โม่เซินจะมีปฏิกิริยาตอบสนองยังไง
หลังจากวิ่งออกมาไกลแล้ว เฉียวจื้อถึงได้กุมหน้าอกแล้วหันกลับไปมอง พอเห็นว่าเย่โม่เซินเดินไปทางโรงจอดรถ เขาถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
หวังว่าเขาจะไม่ใช่คนทำให้เรื่องนี้วุ่นวายนะ ถ้าหากทั้งสองคนไม่ได้คบกันเพราะเขา เขาคงต้องฆ่าตัวตายเพื่อชดใช้กรรมจริงๆแล้ว
หานมู่จื่อเดินเล่นไปตามถนนอีกพักใหญ่ พอเห็นว่าเย็นมากแล้ว เธอถึงได้รู้สึกว่าตนเองต้องกลับห้องได้แล้ว
ดังนั้นเธอจึงนั่งแท็กซี่มาถึงหน้าคอนโด ตอนที่จ่ายค่ารถเสร็จเดินลงจากรถ แล้วหยิบกุญแจขึ้นมา กลับมีเสียงผู้ชายดังขึ้นมาจากมุมมืดตรงฝั่งซ้าย
“ไปไหนมา”
น้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้นมา ทำให้หานมู่จื่อสะดุ้งตกใจจนกุญแจในมือตกลงบนพื้น
เดิมทีเธอกำลังคิดเรื่องอื่น จึงไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจรอบด้าน หลังจากเดินลงจากรถ รถแท็กซี่คันนั้นก็ขับรถออกไปเลย
หานมู่จื่อมองไปทางต้นกำเนิดของเสียง
ภายในความมืด มีดวงไฟดวงเล็กๆถูกจุดขึ้นมา และเสียงที่พูดเมื่อตะกี้ ถ้าเธอไม่ได้ฟังผิดไปล่ะก็ น่าจะเป็นเสียงของเย่โม่เซิน…
พอคิดถึงเย่โม่เซิน หานมู่จื่อก็นึกถึงเรื่องที่คืนนี้เขาไปคุยเรื่องการแต่งงานขึ้นมา
เธอคิดฟุ้งซ่านมาทั้งคืน หานมู่จื่อรับความรู้สึกแบบนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ เธอพยายามระงับอารมณ์ของตัวเอง ก่อนจะก้มตัวลงไปหยิบกุญแจขึ้นมา แต่กลับมีมือข้างหนึ่งเร็วกว่า ฝ่ายนั้นหยิบกุญแจไปซะก่อน
“ทำไมถึงไม่ตอบ”
หานมู่จื่อ “…”
หานมู่จื่อใช้แสงจันทร์ที่ส่องลงมามอง รีบหยิบกุญแจในมือของเย่โม่เซินมา “ขอบคุณ ฉันไปกินข้าวกับเพื่อนมาค่ะ”
กุญแจถูกเธอแย่งไปไว้ในมือ สัมผัสที่นุ่มนวลแตะถูกฝ่ามือของเขา
ในเวลานั้นเอง เย่โม่เซินก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ถึงมีความคิดที่อยากจะจับมือของเธอไว้
ตอนที่เขากำลังตะลึงในความคิดของตัวเอง หานมู่จื่อที่หยิบกุญแจคืนมาได้ ก็เปิดประตูทันที
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว หานมู่จื่อรู้สึกเหมือนเขาเดินตามเข้ามา จึงต้องหยุดเดิน
“นี่คุณ”
“ทางเดินมันมืด ผมเดินไปส่งคุณบนห้อง”
หานมู่จื่อ “…”
ที่จริงแล้วเธออยากจะถามเขา ว่าดึกดื่นอย่างนี้เขามาทำอะไรที่นี่ แล้วเขาไม่ได้ไปคุยกันเรื่องการแต่งงานอยู่เหรอ พอคุยเสร็จก็วิ่งมาหาตัวเองที่นี่ ไม่รู้สึกว่ามันเป็นการทำร้ายจิตใจกันเกินไปเหรอ
แต่สุดท้ายเธอก็กลืนคำพูดพวกนี้กลับเข้าไปในท้องตามเดิม ก่อนจะเดินไปข้างหน้าเงียบๆ
ไม่นานก็เดินมาถึงหน้าห้อง หานมู่จื่อจึงมองไปที่เขา “ถึงแล้วค่ะ”
ในความมืด แววตาของเย่โม่เซินดูเหมือนจะเป็นประกายมากกว่าแสงดวงจันทร์ เขาจ้องมองเธอนิ่ง ก่อนจะพูด “ไม่เชิญผมเข้าไปดื่มน้ำสักแก้วเหรอ”
หานมู่จื่อ “…”
เขาถึงกับยื่นคำขอออกมาเองเลยเหรอ
แต่พอหานมู่จื่อนึกถึงเรื่องที่เขาไปทำในวันนี้ขึ้นมา เธอก็กัดริมฝีปากพูดออกมาอย่างแข็งใจ “ดึกมากแล้วค่ะ คงจะไม่สะดวกเท่าไหร่”
“หึ”
เย่โม่เซินหัวเราะเสียงต่ำ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เธอ แล้วเป่าลมร้อนไปที่ลำคอระหงของเธอ
“งั้นคุณลองบอกผมมาสิ ว่าไม่สะดวกยังไง”
ลมหายใจของเขาในตอนที่พูดยังคงพัดผ่านลำคอของเธอ ทำให้เธอรู้สึกจั๊กจี้ หานมู่จื่อรีบก้าวถอยหลังเพื่อหลบหนี
เย่โม่เซินทำท่าจะเดินเข้าใกล้อีก หานมู่จื่อรีบไขกุญแจเปิดประตูอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบเดินไปเปิดไฟ “งั้นคุณนั่งตามสบายค่ะ เดี๋ยวฉันไปเทน้ำมาให้”
หลังจากเดินตามหลังเธอเข้ามา เย่โม่เซินก็ปิดประตูห้อง แล้วคิดหาวิธีอธิบายเรื่องในคืนนี้กับเธอ
แต่ถ้าเขาอธิบายออกมาเอง จะทำให้เธอเข้าใจผิดหรือเปล่านะ
หรือว่า จะรอให้เธอถามออกมาเอง แล้วเขาค่อยอธิบายดี
อืม เป็นความคิดที่ดี
หลังจากที่หานมู่จื่อไปหยิบน้ำมาให้เย่โม่เซินแล้ว ระหว่างทั้งสองคนก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ตอนนี้ดึกมากแล้ว ทำให้บริเวณรอบด้านล้วนแต่เงียบสนิท
เย่โม่เซินยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบ และกำลังนั่งรอให้หานมู่จื่อถามเขา แต่หลังจากที่เขานั่งดื่มน้ำจนน้ำใกล้จะหมดแก้ว ผู้หญิงตรงหน้าก็ยังนั่งเงียบอยู่เหมือนเดิม
ไม่นานน้ำในแก้วก็ถูกเขาดื่มจนหมดแก้ว
หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะพูดกับเขาเบาๆ “ดื่มน้ำเสร็จแล้ว ท่านประธาน”
เย่โม่เซิน “…”
เขาเริ่มอารมณ์เสีย ยกมือขึ้นมาดึงเน็คไทของตัวเอง “ผมยังรู้สึกคอแห้งอยู่”
“เอ่อ ค่ะ” หานมู่จื่อได้แต่พยักหน้าเข้าใจ “งั้นเดี๋ยวฉันไปเทน้ำมาให้อีกแก้วนะคะ”
เธอยกแก้วขึ้นมา แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง ด้วยท่าทางเชื่องช้า
เย่โม่เซินนั่งมองเธอเทน้ำอีกแก้วกลับมา แล้ววางลงบนโต๊ะตรงหน้าตัวเองอีกครั้ง ครั้งนี้เย่โม่เซินไม่ได้จิบดื่มช้าๆอีกแล้ว เพราะความอารมณ์เสีย ทำให้เขายกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มหลายอึกใหญ่
เสียงดื่มน้ำ อึกอึก ดังออกมาจากลำคอของเขา
หลังจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วจ้องมองผู้หญิงที่กำลังนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของตัวเอง ความเงียบที่เกิดขึ้น ทำให้เธอดูสลดและไม่มีความสดใสเอาซะเลย
เธอที่เป็นแบบนี้ทำให้เย่โม่เซินรู้สึกวุ่นวายใจมาก เขาวางแก้วลงบนโต๊ะอย่างแรงจนทำให้เกิดเสียงดัง
หานมู่จื่อที่นั่งเงียบอยู่สะดุ้งตกใจกับเสียง จึงรีบเงยหน้าขึ้นมองเขา แต่แค่ไม่นานเธอก็รีบก้มหน้าลงไปอีกครั้ง
“นี่คุณ ไม่มีคำถามอะไรจะถามผมบ้างเหรอ”
ในที่สุด เย่โม่เซินก็ถามออกมาอย่างทนไม่ไหว
สุดท้ายหานมู่จื่อที่นั่งเงียบมาตลอดก็มีปฏิกิริยาตอบกลับบ้างแล้ว เธอขยับริมฝีปาก เหมือนอยากจะพูดอะไรออกมา แต่พอคิดทบทวนดูแล้ว เธอจึงส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่มีค่ะ ตอนนี้ดึกมากแล้ว คุณไม่กลับไปที่บ้านของคุณเหรอคะ”
พอพูดจบ ก็ได้ยินเสียงเย่โม่เซินหัวเราะ พอเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง ก็พอว่าเขากำลังใช้แววตาเยาะเย้ยมองมาที่เธอ
แววตาแบบนี้ ทำให้หานมู่จื่อรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาเหมือนกัน
ทั้งที่คนที่ไปคุยเรื่องการแต่งงานเป็นเขา เขาไม่พูดออกมาเอง ยังคิดจะให้เธอเป็นคนถามเองอย่างนั้นเหรอ
เธอจะถามอะไรได้ และมีสิทธิ์อะไรจะถามอย่างนั้นเหรอ