เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 821
บทที่821 เลิกงานแล้วรอผมด้วย
ทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน
พอเห็นน้องสาวร้องไห้ถึงขนาดนี้ จะบอกว่าตวนมู่เจ๋อไม่รู้สึกปวดใจก็คงจะเป็นเรื่องโกหก
แต่ถึงแม้จะปวดใจ ก็ไม่สามารถทำเรื่องแยกคู่รักออกจากกันเพื่อน้องสาวได้ มันเป็นเรื่องที่ไม่ดี ตวนมู่เจ๋อลูบหลังตวนมู่เสว่เพื่อปลอบใจ ก่อนจะพูดเสียงอ่อนโยน “เด็กดี ไม่ต้องร้องไห้แล้ว เย่โม่เซินมีอะไรดี บนโลกใบนี้ไม่ใช่ว่าจะมีเขาเป็นผู้ชายคนเดียว เดี๋ยวพี่แนะนําที่ดีกว่าเขาให้ แล้วอีกอย่าง เขาก็ไม่คู่ควรกับน้องสาวของพี่ด้วย โอเคไหม”
ตวนมู่เสว่ไม่ตอบกลับ แต่น้ำตาก็ยังไหลอาบแก้ม และส่ายหน้าไปมา ตวนมู่เจ๋อทำได้แค่ปลอบเธอต่อไป
ตวนมู่เจ๋อร้องไห้ไม่หยุด ตอนที่หยุดร้องไห้ก็ยังสะอื้นอยู่ เธอสะอื้นพร้อมกับมองไปที่แขนของตวนมู่เจ๋อ ตรงที่ถูกเธอกัดจนเลือดไหล และแผลเหวอะ ดูไปแล้วน่ากลัวมาก
“พี่คะ ขอโทษนะคะ… หนูทำอะไรโดยไม่คิด เจ็บไหมคะ”เธอถามด้วยเสียงสะอื้น
ตวนมู่เจ๋อลูบศีรษะของเธอ ก่อนจะยิ้มแหย “ขอแค่น้องไม่ทำอะไรโง่ๆ พี่ให้น้องกัดกี่ครั้งพี่ก็ยอม แผลแค่นี้ทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก”
“ขอโทษนะคะพี่ ต่อไปนี้… หนูจะไม่ทำอะไรโดยไม่คิดแบบนี้อีกแล้วค่ะ”
พอตวนมู่เจ๋อได้ยินแบบนี้ เขาก็คิดว่าตวนมู่เสว่จะตัดใจจากเย่โม่เซินได้แล้ว จึงเริ่มรู้สึกวางใจ “น้องคิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว ผู้ชายแบบนั้นไม่มีค่าพอหรอก”
“พี่คะ หนูไม่เป็นไรแล้วค่ะ พี่รีบไปทำแผลเถอะ เดี๋ยวแผลจะอักเสบได้” พอพูดจบ ตวนมู่เสว่ก็รีบเช็ดน้ำตา แล้วพูดเร่งเร้าตวนมู่เจ๋อ
ตวนมู่เจ๋อมองแผ่นหลังของเธอด้วยท่าทางลังเล ก่อนจะพูด “งั้นเดี๋ยวพี่ไปทำแผลก่อน เดี๋ยวให้คนรับใช้มาทำความสะอาดห้องของน้องสักหน่อย น้องไปพักผ่อนเถอะ ไปอาบน้ำให้สบายตัว เดี๋ยวพี่พาออกไปเที่ยว พาไปแนะนําผู้ชายที่ดีว่าให้”
“พี่คะ พี่รีบไปทำแผลเถอะค่ะ” ตวนมู่เสว่ผลักเขาลงไปชั้นล่าง ตวนมู่เจ๋อต้านทานแรงกดดันเธอไม่ไหวจึงต้องลงไปหาหมอทำแผลก่อน
หลังจากยืนมองแผ่นหลังของตวนมู่เจ๋อเดินจากไป สีหน้าน่าสงสารของเธอก็เปลี่ยนไปทันที เธอยิ้มเยาะออกมาอย่างชั่วร้าย
ยกนิ้วชี้ขึ้นมา แล้วเช็ดน้ำตาบริเวณขอบตาออกจนหมด
พี่ชายของเธอพูดถูก ถ้าเธอจะอาละวาดต่อไป นอกจากคนอื่นจะหัวเราะเยาะแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ไม่ว่าเธอจะอาละวาดยังไง ร้องไห้ถึงขนาดไหน เย่โม่เซินก็ไม่เห็นและไม่ชอบเธออยู่ดี
การจะจัดการกับผู้ชายเย็นชาอย่างเขา ดูท่าทาง…เธอคงจะใช้วิธีเดิมๆไม่ได้แล้วล่ะ
เธอยังคงเชื่อโชคชะตา ในเมื่อสวรรค์ให้โอกาสเธออีกครั้ง เธอก็จะคว้าโอกาสนี้ไว้ ไม่มีทางปล่อยมือเด็ดขาด
เย่โม่เซิน… คุณคอยดูนะ ถึงคุณจะไม่รักฉัน แต่แค้นที่คุณปฏิเสธฉันในครั้งนี้ฉันจะจำไว้ ฉันจะต้องทำให้คุณเป็นคนยอมมาขอเธอแต่งงานให้ได้เลย
หลังจากที่ตวนมู่เสว่ทำข้อตกลงกับตัวเองในใจแล้ว เธอก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
พวกคนรับใช้ที่ซ่อนตัวอยู่ตรงมุมห้องยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้า ก่อนจะตัวสั่น พวกเธอมองหน้ากันไปมา ก่อนจะกระซิบคุยกัน “คุณหนูไม่เป็นไรใช่ไหม รอยยิ้มเมื่อตะกี้มันดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้สิ”
“ไม่รู้สิ คุณหนูถูกประคบประหงมดูแลมาจนโต ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธเธอแบบนี้ ฉันคิดว่าคุณหนูคงจะได้รับบาดเจ็บหนักเหมือนกัน เฮ้อ…”
“หวังว่าคุณหนูจะกลับมาเป็นปกติเร็วๆ ถ้าอาละวาดแบบนี้บ่อยๆ พวกเราคงจะไม่มีวันดีๆในการทำงานแล้วล่ะ และอาจจะได้รับบาดเจ็บจนลงจากเตียงไม่ไหวเลยก็ได้”
“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ…”
ส่วนอีกด้าน ใกล้จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว หานมู่จื่อเดินมาส่งเอกสารที่ห้องทำงานของเย่โม่เซิน เพราะคำพูดที่เย่โม่เซินพูดกับเธอ เธอจึงไม่กล้าอยู่ในห้องนานๆ พอเธอวางเอกสารลงก็รีบหันหลังเตรียมจะเดินออกไปเลย แต่เย่โม่เซินกลับเงยหน้าขึ้นมาพูดซะก่อน “เลิกงานแล้วรอผมด้วย”
หานมู่จื่อหยุดชะงัก หันกลับมามองหน้าเขาอย่างไม่แน่ใจ “อะไรนะคะ”
เย่โม่เซินเม้มปาก แล้วหรี่ตามองเธอ “ไม่ยอมรอหรือไง”
หานมู่จื่อ “…ไม่ใช่ค่ะ งั้นฉันออกไปก่อนนะคะ”
เพื่อไม่ปล่อยโอกาสให้เขาพูดว่าเธอยั่วเขาอีก
“อืม”
หลังจากหานมู่จื่อเดินออกไป เย่โม่เซินก็เปิดเอกสารออกมาดู โดยที่ริมฝีปากของเขากำลังยกยิ้มบาง
ในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงาน ตอนที่หานมู่จื่อเก็บของเดินออกมาจากห้องทำงานเลขา เธอพยายามเดินช้าลง จนเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของเย่โม่เซิน
ก่อนหน้านี้เย่โม่เซินบอกกับเธอไว้ ถ้าเธอเลิกงานแล้วให้รอเขาด้วย แต่ว่าเขากลับไม่ได้บอกว่าให้รอแบบไหน
รออยู่ในบริษัท แล้วกลับพร้อมกันหรือว่าจะให้รอเหมือนก่อนหน้านี้ดี
คิดไปคิดมา หานมู่จื่อรู้สึกว่าอย่างหลังน่าเชื่อถือที่สุด เพราะถึงแม้ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเย่โม่เซินจะพัฒนาขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ทั้งสองคนยังไม่ได้ประกาศสถานะอย่างชัดเจน
และสำหรับฐานะของเย่โม่เซินในตอนนี้ ถ้าหากเธอกับเขาเดินออกจากบริษัทพร้อมกันจะต้องถูกผู้คนนินทาอย่างแน่นอน
ถึงตอนนั้นเรื่องนี้จะต้องตกถึงหูของคุณท่านยู่ฉือแน่ๆ
พอคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็ตัดสินใจทำเหมือนก่อนหน้านี้ หลังจากตัดสินใจเรียบร้อย เธอก็เดินเข้าไปในลิฟต์ หลังจากนั้นก็เดินออกจากบริษัทไป
เพราะว่าเธอต้องรอเย่โม่เซิน ดังนั้นหานมู่จื่อจึงเดินช้าๆ เหมือนกำลังเดินเล่นอยู่
แล้วก็เป็นไปตามที่คาด ไม่นานรถของเย่โม่เซินกับขับตามหลังเธอมา ยังไม่ทันที่เขาจะลดกระจกลงมา หานมู่จื่อก็เดินเลี้ยวไปจากหลังรถไปที่ประตูรถอีกด้าน ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งเอง
ตอนที่กำลังคาดเข็มขัดนิรภัย เธอก็ได้ยินเสียงเขาถามออกมาซะก่อน
“ผมบอกให้คุณรอผมไม่ใช่หรือไง”
พอได้ยินแบบนั้น หานมู่จื่อก็คาดเข็มขัดนิรภัยด้วยท่าทางเชื่องช้า เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับดวงตาสีนิลของเขา เธอพบว่าแววตาของเขาเหมือนจะไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
เธองุนงงเล็กน้อย “ฉันรอแล้วนี่ไงคะ คุณไม่สังเกตเลยเหรอคะ ว่าวันนี้ฉันเดินช้ามาก”
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว สีหน้าของเขายังคงไม่พอใจเหมือนเดิม
“…”
หานมู่จื่อไม่เข้าใจ ทั้งๆที่เธออุตส่าห์จงใจเดินช้าๆแล้ว แต่ทำไมเขายังทำท่าทางเหมือนไม่พอใจอยู่ หลังจากคิดทบทวนดู หานมู่จื่อก็เข้าใจขึ้นมาทันที “นี่คุณ… คงไม่ได้จะให้ฉันรอคุณในบริษัท แล้วเดินออกมาด้วยกันหรอกใช่ไหมคะ”
เขาเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ไม่ตอบคำถาม คำตอบมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว
หานมู่จื่อหมดคำพูด หลังจากที่เธอคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จ เธอก็รีบหันหน้าไปทางอื่น
“ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันเดินออกจากบริษัทพร้อมกับคุณไม่ได้”
สีหน้าของเย่โม่เซินที่เดิมทีก็ไม่พอใจอยู่แล้ว หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหานมู่จื่อก็ยิ่งหน้าบึ้งตึง “ทำไม กลัวว่าคนอื่นจะเห็นว่าคุณกับผมอยู่ด้วยกันหรือไง”
หานมู่จื่อพยักหน้าตามความเป็นจริง
เธอกลัวว่าคนอื่นจะเห็นพวกเธออยู่ด้วยกันจริงๆ ถึงเวลานั้นจะต้องมีคำนินทาออกมา จะไม่ให้เธอกังวลได้ยังไงกัน
พอเห็นว่าเธอยอมรับโดยไม่มีลังเล เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้ว รอบกายของเขาเหมือนกำลังแผ่ไอเย็นออกมา
“คุณกลัวว่าคนอื่นจะเห็นมากถึงขนาดนั้นเลยเหรอ อยู่กับผมมันน่าขายหน้ามากหรือไง หืม”
หานมู่จื่อไม่อยากออกมาจากบริษัทพร้อมกับเขา เพราะกลัวว่าทางคุณท่านยู่ฉือจะรู้เรื่องนี้ ถึงตอนนั้นเธอคงจะรับมือไม่ไหว ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่นเลย
เธอรู้สึกได้ว่าเย่โม่เซินดูอารมณ์ไม่ค่อยดี เธอถึงได้รู้ตัวว่าอาจจะเป็นเธอที่พูดอะไรผิดไป จึงรีบพูดแก้ตัว “ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ ฉัน…”