เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 828
บทที่828 เพราะรักมากจึงกลัวจะสูญเสียไป
หานมู่จื่อบอกเล่าเรื่องราวในอดีตอย่างสั้นๆได้ใจความ ตัดเรื่องราววุ่นวายทิ้งไป จึงใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เล่าจบ หลังจากที่เฉียวจื้อได้ฟังจนจบ สีหน้าของเขาก็ตกตะลึงมาก เขานิ่งอึ้งอยู่นานกว่าจะได้สติกลับมา
“งั้นก็หมายความว่า คุณกับยู่ฉือกำลังจะแต่งงานกัน แต่ในวันแต่งงานยู่ฉือกลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาซะก่อนอย่างนั้นสินะครับ”
หานมู่จื่อพยักหน้า “อืม ในวันแต่งงานเขาไม่ปรากฏตัว เกิดอุบัติเหตุกับเครื่องบินที่เขานั่ง พวกเราออกตามหาเขาอยู่นาน ถึงได้ตามมาถึงที่นี่ แต่ฉันกลับพบว่าเขาสูญเสียความทรงจำไปหมดแล้ว และจำฉันและทุกคนไม่ได้แล้ว”
“ดังนั้นคุณก็เลยหาวิธีเข้ามาทำงานในบริษัทและมาอยู่ข้างกายยู่ฉือใช่ไหมครับ”
หานมู่จื่อมีสีหน้าไม่ค่อยดี “ฉันเองก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ ตอนที่ฉันไปเจอเขาครั้งแรก เขามองหน้าฉันด้วยแววตาเย็นชา เขาจำฉันไม่ได้เลย ถ้าหากฉันบอกกับเขาไปตรงๆว่าฉันกับเขาเป็นคนรักกัน เขาคงจะคิดว่าฉันเป็นคนบ้า”
พอพูดถึงเรื่องนี้ น้ำเสียงของหานมู่จื่อก็เหมือนกำลังพูดเยาะเย้ยตนเอง แววตาของเธอเศร้าหมอง
พอเห็นหานมู่จื่อเป็นแบบนี้ เฉียวจื้อก็รู้สึกปวดใจมาก
“พี่สะใภ้ ลำบากคุณแล้วจริงๆ ตอนนี้ผมรู้สึกว่ายู่ฉือเหมือนผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลย แต่ว่า… เรื่องงานแต่งงานที่คุณพูดถึง ผมเหมือนพอจะจำได้อยู่บ้าง”
ในตอนนั้นเขาได้ยินจากเพื่อนในวงเหล้าพูดกัน ว่าประเทศxจะมีงานแต่งงานครั้งใหญ่ แต่น่าเสียดายที่เจ้าสาวถูกทิ้งให้รอ เพราะเจ้าบ่าวไม่ปรากฏในงาน แล้วยังถูกพูดเย้ยหยัน ว่าหน้าตาสวยแล้วจะมีประโยชน์อะไร ถึงยังไงก็ดึงผู้ชายเอาไว้ไม่อยู่
พอมาคิดๆดู เวลามันตรงกันพอดีเลย
คิดไม่ถึงเลยว่างานแต่งงานนั้น จะเป็นงานแต่งงานของหานมู่จื่อกับยู่ฉือ
เฉียวจื้อมองไปทางหานมู่จื่อที่ตัวบอบบาง แล้วรู้สึกว่าเธอแบกรับเรื่องราวไว้หนักมากจริงๆ เขาอดที่จะถามออกมาไม่ได้ “แล้วคุณไม่มีรูปภาพตอนที่อยู่ด้วยกันเหรอครับ อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ถ้าหากคุณเอาหลักฐานออกมาให้เขาดู ยู่ฉือน่าจะเชื่อนะครับ”
“เชื่อแล้วยังไงคะ” หานมู่จื่อยิ้มเศร้า “วันนั้นที่คุณส่งข้อความมาบอกฉัน ว่าเขากำลังจะแต่งงาน คุณรู้ไหมว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่”
เฉียวจื้อนิ่งอึ้ง ก่อนจะตอบกลับ “คิดอะไรครับ”
“ฉันกำลังคิด ถ้าหากเขาเลือกแบบนี้จริงๆ ถ้าอย่างนั้น… ฉันก็จะเคารพการตัดสินใจของเขาค่ะ”
เฉียวจื้อ “เฮ้ย”
หานมู่จื่อส่ายหน้า แล้วยิ้มเศร้าเหมือนเดิม “การจะรักใครสักคน ไม่ใช่ว่าจะต้องครอบครองเขาไว้ ฉันหวังแค่ว่าเขาจะมีความสุข ถ้าหากหลังจากที่เขาสูญเสียความทรงจําแล้ว และไม่รักฉันอีก แต่ไปรักผู้หญิงคนอื่น ฉันก็จะไม่บีบบังคับเขาให้เขากลับมาอยู่กับฉัน ตอนที่เจอกับเขาครั้งแรก สายตาเย็นชาที่เขามองมาที่ฉัน ฉันคิดว่า… ถ้าหากตอนนั้นฉันบอกเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง เขาจะต้องเกิดอาการต่อต้านแน่ๆ”
“ดังนั้น…”เฉียวจื้อมองแววตาของหานมู่จื่ออย่างระมัดระวัง “จนถึงตอนนี้… ยู่ฉือก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหมครับ”
หานมู่จื่อลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ
“ฉันกำลังพยายามกระตุ้นความทรงจําของเขาอยู่ค่ะ แต่ว่า… ดูเหมือนเขาจะจำอะไรไม่ได้เลย แล้วฉันก็พบเรื่องหนึ่ง วันนั้นฉันได้เจอกับตวนมู่เจ๋อ เขาบอกกับฉัน ว่าเรื่องของฉันกับเขาถูกลบข้อมูลไปหมดแล้ว นอกจากในประเทศของพวกฉันที่รู้ คนอื่นไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย”
เฉียวจื้อ “…”
เฮ้ย เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้รู้ความลับที่สำคัญมากอยู่เลย
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที “หรือว่า… จะเป็นฝีมือของคุณปู่ยู่ฉือ”
ดูไปแล้วคงจะมีแค่ท่านที่สามารถทำเรื่องนี้ได้แล้วล่ะ แล้วจุดประสงค์ที่ท่านทำแบบนี้ มันก็ชัดเจนมาก
ท่านไม่อยากให้ยู่ฉือกับพี่สะใภ้อยู่ด้วยกัน และอยากให้ตระกูลยู่ฉือกับตระกูลตวนมู่ไม่เป็นทองแผ่นเดียวกัน
ถ้าหากเป็นอย่างนี้ เรื่องราวคงจะมีอุปสรรคเยอะน่าดู
“จากที่คุณพูดมา คุณปู่ยู่ฉือจะต้องจำหน้าคุณได้แน่ๆ ถ้าหากเขาพบว่าคุณกับยู่ฉืออยู่ด้วยกัน ท่านจะต้อง…”
พอพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของเฉียวจื้อก็ซีดเผือด ก่อนจะมองไปทางหานมู่จื่ออย่างเป็นห่วง “พี่สะใภ้ ตอนนี้คุณจะทำยังไงต่อไป คุณคิดวิธีรับมือไว้บ้างหรือยัง”
หานมู่จื่อก้มหน้าลง ริมฝีปากของเธอไร้สีเลือด
“ฉันเองก็ไม่รู้ค่ะ ได้แต่ลองพยายามดู”
“เอาอย่างนี้ไหมครับ…”เฉียวจื้อออกความเห็นออกมา “พวกเราบอกความจริงกับยู่ฉือทั้งหมด แล้วคุณก็พาเขาไปจากที่นี่ กลับประเทศไปเลยดีไหมครับ”
พอได้ยินความคิดเห็นนี้ หานมู่จื่อก็ตกใจ พาเย่โม่เซินกลับประเทศอย่างนั้นเหรอ
“คุณคิดว่าทำแบบนี้… จะได้เหรอคะ เขาจะไปกับฉันเหรอคะ แล้วถ้าฉันบอกความจริงออกไป ฉันไม่รู้ว่าเขาจะรับได้หรือเปล่า…”
เพราะรักมากจึงกลัวจะสูญเสียไป
เธอรู้สึกว่าถ้าเธอบอกความจริงกับเขาตั้งแต่แรก เธอคงจะมีความกล้ามากกว่านี้ แต่ตอนนี้… เธอรู้สึกว่าตัวเองขี้ขลาดมากจริงๆ
เย่โม่เซินที่สูญเสียความทรงจําไป จะเชื่อในสิ่งที่เธอพูดไหม
“พี่สะใภ้ ไม่ว่าจะได้หรือไม่ได้ ก็ควรจะลองดูนะครับ คุณบอกชื่อทุกคนที่เกี่ยวข้องกับพวกคุณสองคนกับผม ผมจะทำหน้าที่กระตุ้นความทรงจําของเขาเอง รวมถึงเรื่องราวระหว่างพวกคุณสองคนด้วย”
เฉียวจื้อตัดสินใจแล้ว เรื่องนี้เขาจะรับหน้าที่ทำเอง
ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เรื่องราวจะยิ่งยุ่งยากมากขึ้นเรื่อยๆ
หานมู่จื่อยังรู้สึกลังเลอยู่บ้าง
“ผมจะลองกระตุ้นความทรงจําของเขาดูสักช่วงหนึ่ง ถ้าหากไม่ได้ผลจริงๆ พี่สะใภ้ค่อยพูดความจริงให้เขาฟัง ถึงตอนนั้นถ้ายู่ฉือไม่ยอมกลับไปพร้อมกับคุณ งั้นผมจะเป็นคนตีให้เขาสลบ แล้วส่งกลับประเทศให้คุณเองครับ”
หานมู่จื่อ “…”
เฉียวจื้อยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ถึงตอนนั้นพี่สะใภ้ก็จับเขาขังไว้ ไม่ให้เขาไปไหน คิดแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ”
หานมู่จื่อรู้สึกว่าสมองของเขามีปัญหา
“จะจับใครขังอย่างนั้นเหรอ”
ในขณะนั้นเอง มีเสียงเย็นชาดังขึ้นมาตรงประตู
พอได้ยินเสียงที่คุ้นเคยทั้งสองคนก็มองไปที่ประตูพร้อมกัน
ไม่รู้ว่าเย่โม่เซินมายืนอยู่ที่ประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ เย่โม่เซินปรากฏตัวขึ้นมากะทันหัน ตอนนี้สายตาของเขาจ้องไปที่เฉียวจื้อ ด้วยสายตาคมกริบเหมือนคมมีด
ตอนที่เห็นหน้าเขา หานมู่จื่อเหมือนหัวสมองจะระเบิดออกมา ทำอะไรไม่ถูก
เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เรื่องที่เธอคุยกับเฉียวจื้อก่อนหน้านี้ เขาได้ยินมากน้อยแค่ไหน
เฉียวจื้อเองก็มีสีหน้าเหมือนกับหานมู่จื่อ ตอนแรกเขาคิดว่าการจับยู่ฉือเซินขังไว้จะเป็นเรื่องที่สนุกมาก คิดไม่ถึงว่าวินาทีต่อมาจะได้ยินเสียงของยู่ฉือดังขึ้นมา
ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองจะเห็นภาพหลอนไปเอง แต่พอเห็นท่าทางของพี่สะใภ้ เขาถึงได้แน่ใจว่าไม่ใช่ภาพหลอน
ยู่ฉือเซินมาที่นี่จริงๆด้วย
เฉียวจื้อแทบจะบ้าตาย
สรุปแล้ว ยู่ฉือเซินได้ยินมากน้อยแค่ไหน
เฉียวจื้อกระแอมออกมา ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ยู่ฉือ นายมาได้ยังไงกัน ฮ่าฮ่าฮ่า รีบเข้ามานั่งก่อน ฉันสั่งอาหารไปตั้งหลายอย่าง พนักงานล่ะ ทำไมถึงไม่ยกอาหารเข้ามาสักที โธ่เอ๊ย ทำไมงานบริการของร้านนี้แย่ขนาดนี้ แค่ยกอาหารเข้ามาก็ชักช้า พนักงาน พนักงาน”
เขาตะโกนเรียกพนักงาน ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก คิดจะหนีไปจากเงื้อมมือของยมทูต แต่ตอนที่เดินผ่านยู่ฉือเซิน ก็ถูกเขายกมือไปขวางทางไว้ก่อน