เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 865
บทที่ 865 พบผู้ใหญ่
เรื่องนี้ หานมู่จื่อสังเกตเห็นได้
ตอนที่ส้งอานพูดถึงยู่ฉือจิน ไม่เพียงแต่ทำให้แววตาอันอ่อนโยนหายไป อีกทั้งยังทำให้อุณหภูมิโดยรอบลดลงทันที
การเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วเช่นนี้ ถ้าไม่ได้รับผลกระทบทางจิตใจมาก คงไม่สามารถแสดงออกมาได้เด่นชัดเช่นนี้
ทันใดนั้นหล่อนรู้สึกสงสัยขึ้นมา
ในตอนนั้นเกิดเรื่องบาดหมางอะไรขึ้นระหว่างนายท่านยู่ฉือกับยู่ฉือซินและยู่ฉืออานกันแน่ ทำไมพี่น้องสองสาวจึงละเลยไม่สนใจคนสูงอายุอย่างคุณปู่ และทิ้งเขาไปแบบนั้น
อีกอย่างหลายปีที่ผ่านมานี้ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน แต่กลับไม่มีท่าทีการให้อภัยหรือชะล้างบาปให้กับคนแก่ท่านนี้เลย
ความโกรธแค้นของส้งอานหนักหนามาก
แต่ก็ยังคงรู้สึกน่าสงสัย แต่เมื่อมีศักดิ์เป็นลูกหลาน หล่อนก็ไม่กล้าพอที่จะถามเรื่องอะไรแบบนี้ออกมา
และดูเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายดายขนาดนั้น คงเป็นแผลลึกในใจของส้งอาน
ไม่เช่นนั้น หล่อนคงไม่คิดลังเลนานขนาดนี้จึงจะยอมโทรมาตอบตกลงหล่อน
เมื่อคิดถึงตอนนี้ หานมู่จื่อพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา: “คุณน้ายอมมาหาครั้งนี้ มู่จื่อรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก ถ้าติดปัญหาอะไรตรงไหน คุณน้าบอกมู่จื่อได้เสมอนะคะ มู่จื่อจะไม่ยอมให้คุณน้าต้องลำบากเรื่องอะไรเลย”
นี่เป็นเรื่องของหล่อนแท้ๆ เพียงแต่ไม่มีวิธีอื่น หล่อนจึงต้องขอความช่วยเหลือจากส้งอาน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ส้งอานยิ้ม สายตาอันอ่อนโยนกลับมาอีกครั้ง หล่อนมองไปที่หานมู่จื่อ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาลูบท้ายทอยของหล่อน
“เด็กดี ขอบใจที่คิดเป็นห่วงแทนน้าเยอะมากขนาดนี้นะ แต่น้าไม่เป็นไรจริงๆ ในเมื่อน้าตัดสินใจมาแล้ว เรื่องบางเรื่อง…ก็ควรแก้ไขได้แล้ว”
หลบหนีปัญหา ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด
หล่อนจะคอยดูว่า คุณปู่นั่นยังคิดจะทำอะไรอีก จะต้องรอให้ถึงเมื่อไหร่จึงจะยอมวางมือ
นึกอะไรขึ้นมาได้ ทันใดนั้นส้งอานพูดขึ้น: “ฉันได้ยินมาว่า…เธอท้องแล้ว?”
พูดถึงข่าวเรื่องท้องขึ้นมา สีหน้าของหานมู่จื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบพยักหน้าลง: “เรื่องนี้โม่เซินยังไม่รู้”
“ถึงแม้ว่าหมอนั่นจะรู้ ตอนนี้เขาก็ลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว ไร้คุณธรรมสิ้นดี”
“ไม่โทษเขาหรอก สถานการณ์ในตอนนั้น…เขารอดชีวิตมาได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว”
“เธอแก้ตัวแทนเขาเก่งจริงนะ ถ้าผู้ชายของฉันเป็นแบบนี้ ฉันจะจัดการเขายกใหญ่ ให้เขารู้ว่าคำว่าเมียสะกดยังไง”
หานมู่จื่อ: “…”
คิดไม่ถึงเลยว่าส้งอานจะดุดันขนาดนี้
เส้นทางไม่ไกลมากนัก ดังนั้นอีกไม่นานก็ถึงที่หมาย ระยะห่างของทั้งสองเข้าใกล้กันอีกครั้ง หานมู่จื่อกับส้งอานไม่ได้คุยเรื่องราวเกี่ยวกับเย่โม่เซินกันอีก เพียงแค่คุยกันเรื่องทั่วไปว่าอีกประเดี๋ยวจะไปกินอะไรกัน
หลังจากขึ้นไปบนรถ หานมู่จื่อเพิ่งสังเกตเห็นว่าเย่โม่เซินไม่ได้แตะต้องขนมปังถุงนั้นเลยแม้แต่น้อย หรือจะพูดได้ว่า ตั้งแต่เลิกงานจนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้กินอะไรเลย กระทั่งน้ำก็ไม่ได้ดื่ม
ทันใดนั้น หานมู่จื่อรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
เขากลับไม่พูดบ่นสักคำ และยังเอาเสื้อคลุมให้หล่อนใส่อีก
เย่โม่เซินขับรถ สายตามองไปที่ส้งอานที่นั่งอยู่ด้านหลัง ถามขึ้น: “น้าส้ง อยากทานอะไรไหมครับ?”
หานมู่จื่อเรียกหล่อนว่าน้าส้ง เย่โม่เซินก็ทำได้เพียงเรียกตามหล่อน
คำว่าน้าส้งที่ออกจากปากเขาทำให้ส้งอานรู้สึกตกใจกลัวขึ้นมา ผ่านไปสักพักจึงจะตั้งสติกลับมาได้ “น้าทานได้หมด ถามมู่จื่อเถอะจ้ะ”
เมื่อหานมู่จื่อที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับได้ยินเช่นนั้น จึงพูดขึ้น: “ฉันก็กินอะไรก็ได้ แล้วแต่คุณเลย”
เย่โม่เซินไม่พูดอะไรต่อ ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ รถถูกจอดไว้ที่ด้านหน้าของโรงแรมสไตล์ผสมผสานระหว่างจีนและตะวันตก เขาปลดเข็มขัดพลางพูดขึ้น: “นี่เป็นโรงแรมภายใต้ตระกูลยู่ฉือ อาหารมีทั้งจีนและตะวันตก อยากทานอะไรก็สั่งได้ตามสบายเลยครับ”
หานมู่จื่อทอดถอนใจกับความละเอียดรอบคอบของเขา พลางปลดเข็มขัดออก
เมื่อลงมาจากรถ ส้งอานกลับยืนอยู่ด้านข้างรถและเงยหน้าขึ้น มองโรงแรมอันหรูหราสวยงามด้วยความตกตะลึง
มองดูอยู่สักพักใหญ่ สายตาของหล่อนก็ปรากฏแววตาอันเยือกเย็นขึ้นมา
“น้าส้ง?” หานมู่จื่อเรียกหล่อน ส้งอานตั้งสติขึ้นมาได้ แววตาอันเยือกเย็นก็หายไป ใบหน้ากลับมายิ้มแย้มอย่างอบอุ่นอีกครั้ง
“เมื่อครู่ฉันกำลังชื่นชมความสวยงามของโรงแรมแห่งนี้อยู่น่ะ ไปกันเถอะ”
กลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง ห่างหายไปนานหลายปี ผู้คนที่เดินผ่านไปมาล้วนแล้วแต่เป็นคนแปลกหน้า ไม่มีใครรู้จักหล่อน
ที่แท้เวลาสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้จริงๆ สิ่งของยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่คนกลับเปลี่ยนไปหมดแล้ว
อาหารมื้อนี้ คงเป็นเพราะทานไปคุยไป สามทุ่มจึงจะทานกันเสร็จ
หลังจากทานกันอิ่มแล้ว หานมู่จื่อหยิบมือถือออกมา กำลังจะโทรจองห้อง กลับถูกมือคู่หนึ่งจับไว้เสียก่อน พูดด้วยเสียงนิ่งขรึม: “น้าส้งนั่งเครื่องบินมานานขนาดนี้ คืนนี้เปิดห้องให้เขาพักด้านบนก่อนดีไหม”
ที่นี่คือโรงแรม มีที่ทานข้าวแน่นอนว่าต้องมีที่พัก หานมู่จื่อได้ยินเช่นนั้นจึงนึกขึ้นมาได้
จริงสิ ที่นี่คือโรงแรมภายใต้ตระกูลยู่ฉือ ถ้าให้ส้งอานพักที่นี่ หล่อนจะรู้สึกต่อต้านรึเปล่า
เมื่อคิดถึงปัจจัยเรื่องนี้ หานมู่จื่อจึงหันไปมองส้งอาน “น้าส้ง?”
แน่นอนว่าน้าส่งอ่านความคิดของหล่อนออก ยิ้มและพูดขึ้น: “ได้สิ เดินทางมาทั้งวัน น้าก็เหนื่อยแล้ว งั้นก็เปิดห้องที่นี่พักผ่อนเลยแล้วกัน”
เมื่อเห็นว่าหล่อนตกลง เย่โม่เซินจึงเรียกพนักงานผู้รับผิดชอบให้มาจัดการเรื่องห้องพักVIPให้ส้งอาน จากนั้นพูดขึ้น: “น้าส้ง หากคุณต้องการอะไรบอกผู้จัดการโรงแรมได้เลยนะครับ”
“ขอบใจจ้ะ วันนี้ลำบากพวกเธอเยอะแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนกันเถอะจ้ะ”
หลังจากนั้นส้งอานก็ถูกผู้จัดการโรงแรมพาตัวออกไป
หานมู่จื่อเดินลงมาด้านล่างกับเย่โม่เซิน ระหว่างนั้นมือถือก็สั่นขึ้น หานมู่จื่อรอให้เย่โม่เซินไปเอารถก่อนจึงจะหยิบมือถือออกมา
เป็นข้อความที่ส่งมาจากน้าส้ง
หานมู่จื่อเหลือบมองดูสถานที่จอดรถ จากนั้นโทรหาส้งอาน
“น้าส้ง”
“อืม” ส้งอานตอบกลับ “ทางด้านยู่ฉือจินยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรใช่ไหม? ช่วงนี้สังเกตการณ์เงียบๆไปก่อน ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง เธอรายงานฉันทันทีเลยนะ”
หานมู่จื่อตอบตกลง
“ค่ะ”
เมื่อวางสายลง หานมู่จื่อเก็บมือถือลง และเดินไปรอเย่โม่เซินที่ทางออก
คนของโรงแรมรู้จักยู่ฉือเซิน จึงให้ความเคารพเขามากเป็นพิเศษ แต่หานมู่จื่อซึ่งเป็นคนที่เขาพามา และตอนนี้กำลังรอเขาอยู่ที่ทางออก เมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้นจึงอดไม่ได้ที่มองหล่อนด้วยความอิจฉา ต่างพากันพูดซุบซิบขึ้นมา
ไม่นานนัก เย่โม่เซินก็กลับมา หานมู่จื่อขึ้นรถไป
ภายในรถเงียบสงัด ดูจากเส้นทางแล้วคงไปที่บ้านพักที่เย่โม่เซินได้จัดเตรียมไว้ให้หล่อนก่อนหน้านี้
หานมู่จื่อนึกถึงปฏิกิริยาตอนที่เขาเจอส้งอานขึ้นมา ดูเหมือนถูกกระตุ้นความทรงจำ จึงค่อยๆหันเหลือบมองเขา
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเย่โม่เซินที่กำลังเม้มปาก และหันมามองหล่อนพอดี
สายตาคู่นั้นมองด้วยความลึกซึ้ง จนทำให้หานมู่จื่อใจเต้นระรัว
ทำไมเขาถึงมองตัวเองด้วยท่าทางแบบนั้นล่ะ หรือว่าเขาเกิดเอะใจอะไรขึ้นมา รู้สึกว่าตัวเองกำลังวางแผนทำบางอย่างกับเขา?
จากนั้น หานมู่จื่อมองแววตาของคนจนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา พูดติดขัด: “มะ…มีอะไรเหรอ?”
นัยน์ตาสีดำของเย่โม่เซินปรากฏรอยยิ้มขึ้นอันขำขันขึ้น
“อันที่จริงคุณไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้”
“ห้ะ?”
“ต่อไปถ้ามีเรื่องแบบนี้อีก ก็บอกฉันมาตรงๆว่าไปพบผู้ใหญ่ ฉันไปกับเธออยู่แล้ว”
หานมู่จื่อ: “…”
ทันใดนั้น หล่อนรู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรไม่ออกขึ้นมาทันที
เป็นเพราะเย่โม่เซินคิดว่าส้งอานคือน้าของหล่อน จึงคิดว่าการเจอกันครั้งนี้คือการมาทำความรู้จักพบเจอผู้ใหญ่?
“อีกอย่าง ถ้าบอกฉันล่วงหน้า ฉันจะแสดงออกได้ดีกว่านี้”