เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 883
บทที่883 จิตใจสกปรก
ตูม——
ประโยคนี้เหมือนกับเสียงฟ้าผ่า ความรู้สึกที่ยังมีความหวังหลงเหลืออยู่ของตวนมู่เสว่พังทลายลงในทันที ใบหน้าซีดเผือด ร่างกายล้มไปด้านหลังอย่างควบคุมไม่ได้
เธอ เธอพูดอะไร?
ทุกคนรู้แล้วยังงั้นเหรอ? แล้วอีกอย่าง……ยังให้คนไปบอกที่บ้านของเธออีกงั้นเหรอ?
ทำไม……ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้?
ตวนมู่เสว่รู้สึกว่าร่างกายสูญเสียแรงทั้งหมดไป เธอรู้สึกว่าได้เลือดในร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้าเย็นลงในทันที เธอจับผ้าห่มไว้อย่างหมดแรงแล้วก็มองไปที่ยู่ฉือจิน
นี่คือความหวังสุดท้ายของเธอแล้ว
ถ้าเกิดว่ารู้เรื่องที่เธอได้ทำลงไปนั้น ปู่ยู่ฉือยังจะช่วยเธออยู่ไหม?
แต่ว่าพอยู่ฉือจินเห็นว่าส้งอานจะออกไป ตาเฒ่าก็ร้อนใจจนไม่ไหว ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ก้าวตามลูกสาวของตัวเองส้งอานไปในทันที
ไม่ง่ายเลยกว่าที่เธอจะกลับมา ทำไมถึงอยู่แค่แป๊บเดียวก็จะกลับแล้วล่ะ?
ในหัวของยู่ฉือจินมีตวนมู่เสว่ที่ไหนกัน ทั้งสายตาและจิตใจของเขามีแต่ลูกสาวตัวน้อยสุดที่รักของเขาเท่านั้น
พอเห็นว่ายู่ฉือจินจะไป ตวนมู่เสว่รู้สึกได้ว่าแสงสว่างสุดท้ายของตัวเองได้หายไปแล้ว มือของเธอตกลงอย่างหมดแรง ตอนนี้เธอเหมือนกับลูกโป่งฟิบ ไม่มีแรงเลยแม้แต่นิดเดียว
ผ่านไปนาน ตวนมู่เสว่ถึงได้เงยหน้าขึ้นมา สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าของพ่อบ้านหยูโป
“หยู พ่อบ้านหยู ผู้หญิงคนนั้น……คือใครกัน? ”
เธอกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความโกรธและความไม่พอใจ “ทำไมพอปู่ยู่ฉือเห็นเธอแล้วอารมณ์ถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนั้น แถมยังจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีก? เธอ เธอทำอาชีพอย่างว่าเหรอ? ปู่ยู่ฉือเลี้ยงดูเธอไว้งั้นเหรอ? ”
ประโยคนี้ยิ่งพูดยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าพูดแบบนั้นมันไม่ถูกต้อง แต่ว่าเธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
พอพูดออกมาแล้ว ตวนมู่เสว่ถึงได้รู้สึกตัวว่าเมื่อกี้ตัวเองพูดอะไรออกมา
แต่ว่าพอมาย้อนคิดดูแล้ว ผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวสวยขนาดนั้น แถมทัศนคติที่มีต่อปู่ยู่ฉือยังแย่ขนาดนั้นอีก ปู่ยู่ฉือยังตามเธอออกไปด้วย ผู้หญิงแบบนี้แค่มองก็รู้แล้วว่าทำอาชีพอย่างว่า
เธอก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง มีอะไรให้ต้องเสียใจด้วยล่ะ?
หลังจากที่หยูโปได้ยินเธอพูดแบบนี้แล้วนั้น :“……”
เขาอดไม่ได้ที่จะมองเธอแล้วถามอย่างแผ่วเบา “คุณเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ทำไมถึงได้จิตใจสกปรกขนาดนี้? ”
พอพูดจบ ก็เหมือนกับว่าเขาคิดอะไรขึ้นมาได้ ใบหน้าของเขาดูเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง “ก็ถูก ถ้าเกิดว่าจิตใจของคุณหนูตวนมู่ไม่ได้สกปรกล่ะก็ เมื่อคืนก็คงไม่ใช้กลอุบายที่นอกคอกแล้วมาทำเรื่องแบบนั้นกับคุณชายเซินของพวกเราหรอก”
พอได้ยินดังนั้น สีหน้าของตวนมู่เสว่ก็แย่ลงทันที
“พ่อบ้านหยู นาย……”
หยูโปมองเธอพร้อมกับยิ้มรอยยิ้มที่ลึกลับ “คุณหนูตวนมู่ ท่านเมื่อกี้นี้ไม่ใช่คนนอก แต่ว่าเป็นลูกสาวคนเล็กของนายท่านที่ออกจากบ้านไปเมื่อหลายปีก่อน และก็คือคุณหนูของตระกูลยู่ฉือ ถ้าจะดูตามลำดับความอาวุโสแล้วนั้น คุณเป็นรุ่นน้องของเธอ แต่ว่าสิ่งที่คุณพูดเมื่อกี้นี้ เฮ้อ……คุณหนูตวนมู่ ถึงแม้ว่าผมจะเป็นแค่พ่อบ้านของตระกูลยู่ฉือ แต่สำหรับการแสดงออกของคุณนั้น มันช่างน่าผิดหวังจริงๆ ”
“นายพูดอะไรนะ? เธอ แต่ว่าเป็นลูกสาวคนเล็กที่ออกจากบ้านไปเมื่อหลายปีก่อน? ”
ถ้ายังงั้นก็คือ……น้าของเย่โม่เซินยังงั้นเหรอ?
เลือดบนใบหน้าและริมฝีปากของตวนมู่เสว่ก็จางลงทันที เธอเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้เธอยังคงมีโชคดีหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ว่าตอนนี้แม้แต่โชคดีของเธอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและเอาแต่ใจคนนั้น ที่แท้……คือลูกสาวคนเล็กของตระกูลยู่ฉือนี่เองเหรอเนี่ย
เรื่องนี้เมื่อก่อนเธอเคยได้ยินปู่ของเธอเล่าให้ฟังอย่างเลือนราง ตอนแรกเหมือนว่าจะเป็นเพราะปัญหาการเกี่ยวดองสมรสระหว่างสองครอบครัว หลังจากนั้นลูกสาวทั้งสองคนของยู่ฉือจินก็จตัดขาดกับพ่อไปเลย ละทิ้งทรัพย์สมบัติของตระกูลยู่ฉือทั้งหมด แล้วจากไปทันที หลังจากนั้นก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย
หลังจากนั้นตวนมู่เสว่ก็คิดว่า เกรงว่าลูกสาวทั้งสองคนน่าจะไม่กลับมาอีกตลอดชีวิต น่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่ก็เหตุผลอื่น
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า จะกลับมาด้วยวิธีนี้ได้
ดูท่าทางที่ยู่ฉือจินมีต่อส้งอาน เดาว่าตอนนี้เธอน่าจะไม่มีโอกาสอีกแม้แต่นิดเดียว แต่ว่า……ในใจเธอก็ยังรู้สึกไม่พอใจ
เห็นได้ชัดว่า ตอนนี้เธออยู่ห่างความสำเร็จอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ทำไมถึงเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดเยอะขนาดนี้ได้ มันเป็นเพราะอะไรกัน?
หยูโปไม่สนใจเธออีก หลังจากพูดจัดการเรื่องราวได้อย่างเรียบร้อยแล้วก็ออกไป
คนของตระกูลตวนมู่มาเร็วมาก หลังจากที่ได้รับข่าวนี้ ตวนมู่อ้าวเทียนก็โทรเรียกหลานชายของตัวเองทันที ให้เขารีบไปพาตวนมู่เสว่กลับมาจากตระกูลยู่ฉือด่วน อย่าอยู่ให้ขายขี้หน้าคนอื่นอีก
หลังจากที่ตวนมู่เจ๋อได้รับคำสั่งนั้น ก็รีบออกมาจากบริษัทแล้วก็ตรงไปที่บ้านตระกูลยู่ฉือในทันที
ระหว่างทางอารมณ์ของเขาซับซ้อนมาก แต่ว่าการแสดงออกบนใบหน้าของเขานั้นสงบนิ่งมาก ดูไม่ได้มีปัญหาอะไร
พอมาถึงบ้านตระกูลยู่ฉือ หยูโปก็มานำทางให้เขา
ตวนมู่เจ๋อมองแผ่นหลังของหยูโป มีอะไรที่อยากจะพูดอยู่หลายครั้ง แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
น้องสาวแท้ๆ ของตัวเองทำเรื่องแบบนี้ มันน่าอายไหม?
แน่นอนว่ามันน่าอายมาก!
แต่ว่า อารมณ์แบบนี้เป็นเรื่องรอง
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขารู้สึกผิดหวังในตัวตวนมู่เสว่อย่างมาก ทั้งๆ ที่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมการศึกษาที่ดีขนาดนั้น สิ่งที่ตระกูลตวนมู่สอนเธอก็ไม่ใช่ให้มีความคิดแบบนี้ แล้วเธอเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน?
หยูโปนำทางตวนมู่เจ๋อขึ้นไปชั้นบน ทันใดนั้นก็อธิบายว่า “เดิมทีนายท่านกะจะมาด้วยตัวเอง แต่ว่าช่วงนี้ตระกูลยู่ฉือมีเรื่องอื่นเกิดขึ้นนิดหน่อย เพราะฉะนั้นนายท่านก็เลยไม่ได้มาต้อนรับคุณชายตวนมู่ด้วยตัวเอง คุณชายตวนมู่อย่าตำหนิไปเลยนะครับ”
พอได้ยินดังนั้น ตวนมู่เจ๋อก็ดึงสติกลับมา แล้วก็ส่ายหน้า “ลุงหยู คุณพูดรุนแรงเกินไปแล้วครับ น้องสาวผมทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แล้วผมยังจะกล้าให้ปู่ยู่ฉือมารับผมด้วยตัวเองอีกงั้นเหรอ? แล้วอีกอย่าง ผมก็เป็นแค่รุ่นน้องเท่านั้นเอง”
หลังจากที่ตวนมู่เจ๋อพูดจบ สายตาของหยูโปก็เต็มไปด้วยความชื่นชม ตวนมู่เจ๋อคนนี้ดูได้รับการสั่งสอนอบรมทางด้านศีลธรรมมาอย่างดี แต่ว่าทำไมตวนมู่เสว่นั้น……
เฮ้อ
ไม่นาน ก็มาถึงตรงหน้าห้องของตวนมู่เสว่
“นี่เป็นห้องที่คุณหนูตวนมู่อยู่ครับ”
ตวนมู่เจ๋อพยักหน้าให้เขา แล้วก็โค้งตัว “ขอบคุณนะครับลุงหยู วันนี้ต้องรบกวนคุณแล้ว ลุงหยู ครั้งนี้น้องสาวของผมทำเรื่องเหลวไหลไร้สาระ ครั้งนี้ผมจะพาเธอกลับบ้านไปอบรมสั่งสอนเพิ่มเติม ต่อไปเธอจะไม่มีวันทำเรื่องแบบนี้อีกแล้ว แต่ว่าวันนี้เวลายังไม่เหมาะสม เดี๋ยววันหน้าผมจะให้เธอมาสารภาพผิดแล้วขอให้ทางนี้ลงโทษเธออีกทีนะครับ”
หยูโปพยักหน้า
หลังจากนั้นก็เคาะประตู ตวนมู่เสว่ที่ซ่อนอยู่ที่นี่ได้ยินเสียงเคาะประตู ไม่กล้าแม้แต่จะออกเสียง หลบซ่อนมุดหัวอยู่ใต้ผ้าห่ม
ที่จริงแล้วเธอได้ยินบทสนทนาระหว่างตวนมู่เจ๋อกับพ่อบ้านหยู เธอกลัวจริงๆ ไม่คิดเลยว่าพวกเธอจะส่งคนไปบอกที่บ้านเธอจริงๆ
หลังจากเธอกลับไปแล้ว จะต้องทำยังไง?
ประตูเปิดออก ตวนมู่เจ๋อยืนอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น มองดูตวนมู่เสว่ที่หดอยู่ในผ้าห่มไม่กล้าโผล่หน้าออกมา
“ลุกขึ้นมา กลับบ้าน”
ตวนมู่เสว่นอนนิ่งไม่ขยับ
ตวนมู่เจ๋อยืนด้วยสีหน้าที่เย็นชาอยู่ตรงนั้นสักพัก หลังจากนั้นก็เดินเข้ามา
เขายื่นมือมาดึงผ้าห่มออก ตวนมู่เสว่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ สบตาเขาอย่างตะลึงพรึงเพริด
และแล้ว ตวนมู่เจ๋อก็เห็นใบหน้าของน้องสาวตัวเองที่เต็มไปด้วยน้ำตา ร้องไห้จนตาบวมไปหมด
ถ้าเกิดว่าเป็นเวลาปกติ เห็นน้องสาวของตัวเองร้องไห้ขนาดนี้ เขาต้องปวดใจแน่นอน แต่ว่าวันนี้เขายังคงมีสีหน้าเย็นชา และเอื้อมมือไปจับแขนของเธออย่างเยือกเย็น “ลุกขึ้น”