เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 899
บทที่ 899 ความจริงใจที่ถูกเหยียบย่ำ
เมื่อมองแวบนี้เฉียวจื้อรู้สึกว่าหัวใจกระตุกไปครั้งหนึ่ง
เฉียวจื้อไม่เคยเห็นตวนมู่เสว่ในสภาพแบบนี้มาก่อน รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
ที่ผ่านมาทำตัวหยิ่งยโสมาตลอด ไม่เคยเห็นใครในสายตา แต่ตอนนี้ล่ะ
ริมฝีปากของเฉียวจื้อแสดงรอยยิ้มเยาะเย้ย เดินเข้าไปนั่งคุกเเข่าด้านหน้าเธอ “ความรู้สึกตกไปในโลกีย์เป็นยังไงบ้าง อึดอัดไหม”
ได้ยินดังนั้นดวงตาก็เธอเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ เฉียวจื้อหมายความว่ายังไง แต่เมื่อเห็นตอนที่เฉียวจื้อคุกเข่าลงด้านหน้าตัวเอง ในใจก็รู้สึกผิดหวังน้อยลง
เฉียวจื้อ…..คือคนที่ชอบเธอมาก่อน!
ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าจู่ๆทำไมเฉียวจื้อไม่ติดตามเธอแล้ว แต่สำหรับเธอในตอนนั้น การที่เขาไม่ติดตามเธอเป็นเรื่องดีซะอีก เพราะเธอก็ไม่ได้อยากเจอเขาทุกวันอยู่แล้ว
อีกทั้งคนจีบเธอก็เยอะแยะมากมาย ไม่มีเฉียวจื้อก็ยังมีคนอื่นอีก
ดังนั้นเฉียวจื้อจึงไม่ได้มีความสำคัญกับเธอมากเท่าไหร่
เมื่อเห็นเฉียวจื้อในสถานการณ์เช่นนี้จึงรู้สึกมีความหวัง
มองดูเขาสักพัก ก็จับแขนเขาไว้
“เฉียวจื้อ คุณต้องช่วยฉันนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ได้ทำร้ายเขานะ”
แขนของตนถูกจับไว้ เฉียวจื้อชะงักอยู่พักนึง จากนั้นก็ก้มลงไปมองส่วนที่ตวนมู่เสว่จับไว้ แววตาสั่นระริก แต่ก็กลับมาเย็นชาอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้อยากทำร้ายเขา แล้วเมื่อกี้…..ใครเป็นคนผลักเขาตกไป”
ได้ยินดังนั้นใบหน้าของตวนมู่เสว่ก็เปลี่ยนเป็นความกลัว “ฉันบอกว่าไม่ได้ตั้งใจคุณจะเชื่อไหม ฉันกับเขากำลังจะลงบันได จู่ๆก็ได้ยินเสียงของพวกคุณ ฉัน…..ฉันกลัว…..”
เฉียวจื้อหันไปมองเธอแบบตลก “เพราะคุณกลัว คุณเลยผลักเขาลงไป อยากใช้จังหวะหนีจากเขาสินะ”
คิดไม่ถึงว่าเฉียวจื้อจะพูดแทงใจดำตัวเองขนาดนี้ ตวนมู่เสว่ยืนมองเขาอย่างเหม่อลอย
“เมื่อก่อนผมชอบคุณ คุณรู้ใช่ไหม”
จู่ๆเฉียวจื้อก็พูดขึ้น
หลัวลี่ที่ยืนอยู่ด้านหลังไม่ไกลได้ยินประโยคนี้ก็หูผึ่งทันที โอ้มายก็อด
เธอคิดว่ามาที่นี่เพื่อช่วย คิดไม่ถึงว่า……ตัวเฉียวจื้อเองก็มีความแค้นเรื่องหัวใจส่วนตัวด้วยเหมือนกัน
เมื่อได้ยินว่าเขาชอบตน ตวนมู่เสว่ก็มีความหวังมากขึ้น เธอไม่ตอบแค่พูดว่า “คุณชอบฉัน งั้นคุณช่วยฉันได้ไหม ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ตอนนั้น…..ฉันสับสน ฉันจึง……”
“เหอะ ไม่ได้ตั้งใจ ครั้งก่อนที่วางยาเย่โม่เซินก็ไม่ได้ตั้งใจเหรอ”
ตวนมู่เสว่“……”
“คุณรู้ไหมเมื่อก่อนผมชอบคุณเพราะอะไร ” เฉียวจื้อถามหล่อน แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้หล่อนพูด เขาพูดต่อเองว่า “ผมชอบความจริงใจ มีเมตตาและความเก่งของคุณไง”
พูดถึงท่อนนี้แววตาเขามืดลงเล็กน้อยและเสียงก็ต่ำลง
“แต่ตอนหลังผมเพิ่งรู้ ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่ผมเห็นไม่ใช่ความจริง ยังจำครั้งสุดท้ายที่ผมไปบ้านตระกูลตวนมู่ได้ไหม คำพูดที่คุณพูดกับคนรับใช้ ผมได้ยินทั้งหมดแล้ว”
ประโยคสุดท้ายนั้น ทำให้เขาตัดใจจากตวนมู่เสว่ได้อย่างเด็ดขาด
มือที่จับแขนเขาค่อยๆวางลง สุดท้ายก็กองลงกับพื้นอย่างหมดแรง
มิน่าละ จู่ๆเขาก็ไม่ตามจีบเธอแล้ว ตอนนั้นไม่ได้สนใจ ตอนนี้ถึงได้รู้…..
“ตอนนี้มันเป็นเรื่องน่าขำที่จำได้ว่าตอนนั้นชอบคุณเพราะข้อดีเหล่านั้น แต่…..” เฉียวจื้อยิ้มขึ้น “ต้องขอบคุณสวรรค์ที่ให้โอกาสผมได้เห็นถึงธาตุแท้ของคุณวันนี้”
ตวนมู่เสว่รู้สึกหายใจติดขัด ตอนแรกคิดว่าจะฝากความหวังไว้กับเฉียวจื้อได้ แต่ตอนนี้เธอได้แค่รอให้ตวนมู่เจ๋อพี่ชายของเธอมาถึงไวๆเท่านั้น
“คราวนี้ผมจะปล่อยคุณไป” เฉียวจื้อพูดขึ้นมากะทันหัน
“คุณว่าอะไรนะ จริงเหรอ”ตวนมู่เสว่มองอย่างประหลาดใจ
“ใช่ แต่คุณต้องขอโทษกับสิ่งที่พูดกับผมในปีนั้น ขอโทษอย่างจริงใจที่คุณเหยียบย่ำผมในปีนั้น พูดว่าคุณผิดแล้ว”
คนที่เธอเคยดูถูก ตอนนี้มาขอให้เธอขอโทษเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนตวนมู่เสว่คงจะตบบ้องหูไปแล้ว แต่ตอนนี้เหรอ เธอทำความผิด ถูกล้อมไว้ ถ้าหากเฉียวจื้อแจ้งตำรวจ เธอต้องโดนจับแน่ๆ
ถ้าคำขอโทษจะทำให้เธอเป็นอิสระได้ พูดสักครั้งก็ไม่เห็นเป็นไร
ตวนมู่เสว่โพล่งออกมาก “ขอโทษนะ”
รอยยิ้มของเฉียวจื้อตรึงอยู่บนริมฝีปากเขา เขามองเธอด้วยความประหลาดใจ
ตวนมู่เสว่จับแขนเขาไว้ “ฉันขอโทษนะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรเหยียบย่ำความจริงใจของคุณ ฉันขอโทษแล้ว คุณจะปล่อยฉันได้แล้วใช่ไหม”
เฉียวจื้อไม่เข้าใจอารมณ์ของตัวเองในตอนนี้ ทั้งๆที่ก็ขอโทษไปแล้ว แต่ทำไมยังรู้สึกอึดอัดอยู่ลึกๆในใจ
หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะเยาะขึ้น “ได้สิ แต่นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายนะ ต่อไปหากคุณยังทำเรื่องแบบนี้อีก ผมจะเป็นคนจับคนเข้าคุกด้วยตัวผมเอง”
เฉียวจื้อลุกขึ้นแล้วเดินจากไป
ทุกคนไม่คิดว่าเรื่องจะจบเร็วแบบนี้ คนก็ไม่ได้จับ เข้ามาแล้วก็ออกไป
หลัวลี่ที่ยืนอยู่ในห้องหันมองตวนมู่เสว่แวบนึง แล้วหันเดินตามไปเดินข้างๆเฉียวจื้อ “จะปล่อยเธอไปแบบนี้เหรอ ถ้าต่อไปเธอมาทำร้ายมู่จื่ออีกจะทำยังไงล่ะ”
ได้ยินดังนั้น เฉียวจื้อก็หยุดเดิน หลัวลี่คิดว่าเขาจะไม่พอใจกับคำพูดของเธอ เฉียวจื้อมองไปข้างหน้า หลัวลี่ก็มองตามสายตาเขาไป
ตวนมู่เจ๋อเดินเข้ามาทางนี้ เขาก้าวยาวๆและเดินมาถึงด้านหน้าของเฉียวจื้ออย่างรวดเร็ว
“เฉียวจื้อ เสี่ยวเสว่เธอ……”
เฉียวจื้อแสยะยิ้ม “แอบอยู่ในนั้น ผมจะบอกอะไรนะตวนมู่เจ๋อ เธอผลักมู่จื่อตกบันได ตระกูลตวนมู่ของคุณไม่กล้าลงโทษเธอเหรอ ทำเรื่องแบบนั้นมาแล้ว ยังทำผิดซ้ำซากได้อีก หรือว่าตระกูลตวนมู่ของคุณต้องให้ตำรวจมาอบรมล่ะ”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ตวนมู่เจ๋ออึดอัดมาก แต่น้องสาวเขาทำผิดจริงจึงไม่มีอะไรจะโต้ตอบ ได้แค่เม้มริมฝีปากและพูดเสียงนิ่งเฉยว่า “ขอบคุณมาก
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เห็นแก่ความสัมพันธ์เมื่อก่อน ไม่งั้นผมแจ้งความนานแล้ว แต่ผมกล้ารับประกันนะ คราวหน้าไม่มีแบบนี้แล้ว”
เฉียวจื้อดึงมือหลัวลี่แล้วเดินออกไป
เขาจับมือหลัวลี่เดินมาไกล หลัวลี่อดไม่ได้ที่จะเตือนเขา “คุณจับมือฉันทำไม”
ได้ยินดังนั้นเฉียวจื้อจึงตั้งสติได้แล้วปล่อยมือของเธอ “ขอโทษจริงๆ”
หลัวลี่รู้สึกถึงความสูญเสียของเขาได้ชัดเจน พูดอย่างหมดหนทางว่า “คุณยังลืมเธอไม่ได้ใช่ไหม”
“ไร้สาระน่ะ ผมเลิกชอบเธอไปนานแล้ว”เฉียวจื้อได้ยินดังนั้นก็มองเธออย่างดุร้ายและกัดฟัน
“ผมยอมแพ้ตั้งแต่ได้ยินคำพูดของเธอในปีนั้นแล้ว แต่ยังมีอารมณ์บางอย่างค้างคา แต่ระบายออกมาหมดแล้ววันนี้”
“เหรอคะ” หลัวลี่พึมพำ บอกว่าระบายออกมาแล้ว แต่ตอนที่ตวนมู่เสว่ขอโทษ เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกอึดอัดมากขึ้น
เฉียวจื้อไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เขาเปลี่ยนเรื่อง “ปัญหาก็จัดการแล้ว ผมเลี้ยงเหล้าคุณนะ”
เขาไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้ ใช่ว่าหลัวลี่จะมองไม่ออก “ได้สิ มาคราวนี้ประโยชน์ของฉันก็ไม่น้อย วันนี้ฉันจะดื่มเหล้า”
แล้วทั้งสองก็เดินไปด้วยกัน