เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 960
บทที่ 960 ฉันไม่ใช่คนที่ใครจะทำอะไรก็ได้
“.…..”
มู่จื่ออดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลงมองเด็กน้อย แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย
เด็กคนนี้ไปเรียนมาจากไหนกันแน่ ทำไมอายุแค่นี้ถึงชอบคุยเรื่องผู้ใหญ่ แถมเมื่อคืนเธอเพิ่งสงสัยอยู่เลยว่าเซียวซู่อาจจะชอบเสี่ยวเหยียน ทำไมเสี่ยวหมี่โต้วถึงทำเหมือนรู้มาก่อนเธออย่างไรอย่างนั้น
ไม่นาน ภายใต้สายตาคาดคั้นของมู่จื่อ เสี่ยวหมี่โต้วรีบพูดออกมา
“พ่อเป็นคนบอกผม”
เรื่องจริงที่เสี่ยวหมี่โต้วหักหลังพ่อตัวเองอีกแล้ว
“พ่อบอกหนูเหรอ” มู่จื่อ
“ใช่ครับ พ่อเป็นคนบอกครับ แล้วที่พ่อบอกเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ”
มู่จื่อขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าเย่โม่เซินจะเอาเรื่องนี้ไปคุยกับลูกชายของตัวเอง แต่สิ่งที่เธอคิดถึงก็คือพวกผู้ชายก็ชอบคุยซุบซิบหรอ แม้แต่เรื่องนี้ก็…
“อย่าไปฟังพ่อพูดไร้สาระ เดี๋ยวแม่จะจัดการพ่อ ไม่ต้องเอาสิ่งที่พ่อพูดไปคิด อีกอย่างเรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่ควรจะถามมากนะ ทางที่ดีอย่าไปพูดเรื่องนี้กับน้าชาย น้าเสี่ยวเหยียนแล้วก็ลุงเซียวซู่ด้วย ไม่งั้นพวกเขาจะรู้สึกลำบากใจ เข้าใจไหม”
“ครับ” เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “เข้าใจแล้วครับ”
จากนั้น เขาก็ไม่น่าจะเชื่อฟังอีก
เพียงครู่หนึ่งสองแม่ลูกเดินกลับห้องด้วยความคิดที่แตกต่างกัน
*
เสี่ยวเหยียนไข้ลดแล้ว ตอนนี้นอกจากอาการมึนและหนักศีรษะ เธอก็ไม่รู้ว่ามีส่วนไหนผิดปกติอีก อีกทั้งเธอยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่เธอเมา แค่คิดว่าเป็นอาการปวดหัวจากเมาค้าง
เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่ได้คิดอะไรมาก เธอเอามือยกแขนเสื้อขึ้นแล้วเตรียมทำอาหาร
ตอนที่เซียวซู่เข้ามา เธอกำลังใช้มือล้างข้าวอยู่
มือขาวนุ่มจุ่มอยู่ในน้ำเย็น
เซียวซู่เห็นภาพนั้น จึงขมวดคิ้วขึ้นทันที จากนั้นจึงเดินเข้าไป
“อาการของเธอยังไม่หายดีเลย ทำไมถึงมาทำอะไรแบบนี้”
เขาเข้ามาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง ทำให้เสี่ยวเหยียนตกใจ เธอเงยหน้ามองเขา “เซียวซู่”
เธอประหลาดใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าเซียวซู่จะมา เธอคิดถึงคำที่เขาพูดเมื่อครู่แล้วพูดออกมาว่า “นายเข้ามาได้ยังไง แล้วที่นายพูดเมื่อกี้ อาการของฉันยังไม่ได้หายดีอะไร ฉันป่วยตอนไหน”
ยิ่งพูดยิ่งโกรธ เธอพูดด้วยความหงุดหงิด “พูดมั่วซั่ว นายว่าฉันป่วยเหรอ ถึงเมื่อวานนายจะเลี้ยงข้าวฉัน แต่อย่าคิดว่าจะพูดอะไรก็ได้นะ”
“.…..” เซียวซู่
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเสี่ยวเหยียน เซียวซู่รู้สึกว่าเธอคงจะเป็นไข้จนเบลอ เขาก้าวเข้าไปหาเธอแล้วยื่นมือออกไปแตะหน้าผากขาวของหญิงสาว
การกระทำเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตา
เสี่ยวเหยียนไม่ทันได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย เธอคิดว่าเซียวซู่จะยกมือตีเธอ ยังคิดในใจอยู่เลยว่าเขาโหดร้ายอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร พูดออกมาสองสามคำก็จะทำร้ายคนแล้ว
จากนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เธอทำอะไรเชื่องช้าไปหมด ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น
เธอไม่แม้แต่จะหลบ
ตอนที่มือเย็นของเซียวซู่ทาบลงมาบนหน้าผากของเธอ เสี่ยวเหยียนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะตั้งสติได้
เธอเงยหน้าขึ้นถามเขา
“นายทำอะไร”
เซียวซู่ไม่ได้ชักมือกลับมา เพราะจะวัดอุณหภูมิของเธอ
เขาเพิ่งกลับมาจากข้างนอก เพราะตื่นเช้าและไม่ได้ทานอะไร ทำให้มือของเขาเย็น เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่ามันเย็นเล็กน้อย จึงถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ แล้วพูดว่า “เพราะมือขอนายเย็น นายจึงจะวัดอุณหภูมิ นายนี่มัน…”
เธอไม่ทันพูดจบ เหมือนเซียวซู่จะไม่พอใจที่เธอถอยหลัง เขาก้าวเข้าไปแล้วเอามือจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอ แล้วโน้มตัวลง เอาหน้าผากของตัวเองทาบกับหน้าผากของเธอ
เสี่ยวเหยียนเบิกตาโพลง ในมือยังถือกะละมังล้างข้าวอยู่ เธอยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
เธอมองเซียวซู่ที่อยู่ใกล้ด้วยความตกใจ ลมหายใจของทั้งคู่รดใส่กัน เธอเห็นทุกรูขุมขนบนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
ถึงแม้เธอจะรู้จักกับเซียวซู่มาเป็นเวลานาน เธอเคยเข้าใจผิดว่าเซียวซู่ชอบเธอ
แต่เมื่อเธอพูดออกไป เซียวซู่กลับปฏิเสธ แถมยังดูเหมือนไม่ได้ชอบเธอจริงๆ อีกด้วย เพราะว่าใจของเธอไม่ได้อยู่ที่เขา เมื่อเขาปฏิเสธเธอก็ไม่ได้ยินดียินร้ายและไม่ได้ใส่ใจ
แต่ทว่าตอนนี้มันหมายความว่าอะไร ทำไมถึงแสดงออกมาเช่นนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวเหยียนอยู่ใกล้ผู้ชายขนาดนี้ เธอรู้สึกเพียงแค่เขินและเกร็งไปหมด ปากและขนตาของเธอสั่นระริก สั่นจนพูดติดๆ ขัดๆ ไปหมด
“นะ นะ นายจะทำอะไร”
เซียวซู่ไม่ได้จะทำอะไร แค่อยากจะวัดอุณหภูมิบนหน้าผากของเสี่ยวเหยียนอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจแล้วว่าอุณหภูมิบนหน้าผากของเธอไม่ได้แตกต่างจากเขามากนัก จึงถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา
น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว เมื่อครู่ยังคิดว่าเธอเบลอ
ตอนที่เซียวซู่กำลังจะผละออก ก็พบว่าเสี่ยวเหยียนเบิกตาโตมองเขาอยู่ เซียวซู่อึ้งไป เพราะเมื่อครู่เขาผลีผลามจนเกินไปจนทำให้ทำอะไรออกไปโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้เขาตั้งสติได้แล้ว จึงรู้สึกว่าการกระทำของตัวเองไม่เหมาะสม
ตอนที่เสี่ยวเหยียนถามเขาว่าจะทำอะไร เซียวซู่รู้สึกร้อนที่ใบหูและถอยออกมาโดยเร็ว
“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
เสี่ยวเหยียนเบิกตาโต “หมายความว่ายังไง”
“เมื่อคืนเธอเป็นไข้ ฉันแค่อยากวัดอุณหภูมิของเธอดูว่าเป็นยังไงบ้าง”
วัดอุณหภูมิ
“หลอกใครอยู่เหรอ วัดอุณหภูมิต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ไหม นายจะใช้โอกาสนี้มาเอาเปรียบฉันใช่ไหม”
หลังจากที่เซียวซู่ผละออกไป เสี่ยวเหยียนก็เริ่มไม่เกร็งแล้ว เมื่อกี้เธอตกใจแทบตาย เธอเกือบคิดว่าเซียวซู่จะ…
เธอไม่อยากคิดต่อไปอีก เพราะมันน่าอายมาก
“ไม่ใช่!” เซียวซู่พูดปฏิเสธด้วยใบหน้าที่เริ่มแดง “ฉันไม่ได้จะเอาเปรียบเธอ เมื่อกี้ฉันแค่เอามือวัดอุณหภูมิ แต่เธอถอยหนี ฉันก็เลย…”
“ไม่ต้องปฏิเสธ ถึงจะถอยหนีนายก็ยังใช้มือวัดได้นิ ถ้าไม่ได้นายถามฉันก็ได้นิ นายอยากใช้โอกาสนี้มาเอาเปรียบฉัน”
เซียวซู่โดนเสี่ยวเหยียนว่าจนลุกลี้ลุกลนหน้าดำหน้าแดง หูกับหน้าของเขาแดงไปหมด
เมื่อเห็นท่าทางของเซียวซู่ เสี่ยวเหยียนตลกจนอดไม่ไหว เธอหรี่ตาแล้วเดินเข้าไปไกลเขา
“ฉันเพิ่งเคยเห็นผู้ชายเขินขนาดนี้ หน้าแดงขนาดนี้กำลังคิดเรื่องไม่ดีอะไรอยู่ใช่ไหม”
เซียวซู่คิดไม่ถึงว่าเธอจะรู้จักพูดแทะโลม หน้าของเขายิ่งแดงเข้าไปอีก
“ฉัน…”
“โอเค นายไม่ต้องพูดแล้ว ฉันเข้าใจหมดแล้ว”
เธอเข้าใจอะไร เซียวซู่รีบร้อนเพื่อที่จะอธิบาย อันที่จริงเขากังวลว่าการกระทำของตัวเองจะกระทบต่อเสี่ยวเหยียนมาก เธออาจจะเข้าใจว่าเขาเป็นคนที่ไม่จริงจังและไม่เอาไหน
แต่ถ้าเขาอธิบายไป ดูเหมือนเสี่ยวเหยียนจะไม่ฟัง เขาเงียบอยู่พักใหญ่จึงพูดออกมา
“ฉันไม่ใช่คนที่อะไรก็ได้นะ”
เสี่ยวเหยียนยักไหล่อย่างไม่แคร์ “อืม ฉันรู้แล้ว”
“.…..” เซียวซู่
เห็นใบหน้าที่ไม่ใส่ใจอะไรของเสี่ยวเหยียน เซียวซู่ก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เธอร้องไห้เพราะผู้ชายคนอื่น
จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้
สายไปแล้วงั้นเหรอ