เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 963
บทที่ 963 คิดไว้ล่วงหน้านานแล้ว
ความคิดของเสี่ยวเหยียนทำให้มู่จื่อปวดหัว น่าเสียดายที่เสี่ยวหมี่โต้วอยู่ด้วย เธอจึงไม่ทันเคลียร์เรื่องนี้ เพราะกลัวว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะได้ยินอะไรไม่ดี
เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าแสงภายในห้องไม่ค่อยดี จึงหยิบมือถือแล้วเดินออกจากห้อง
และไม่รู้ว่าเธอเดินไปที่ไหน
จนกระทั่งถึงช่วงเที่ยง เย่โม่เซินยังไม่กลับมา มู่จื่อคิดในใจว่า ทำไมเขาถึงขี้เกียจขนาดนี้ เซียวซู่พาเสี่ยวหมี่โต้วมาส่งตั้งแต่เช้าแล้ว เขายังนอนอยู่ที่โรงแรมจนถึงป่านนี้งั้นเหรอ
อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนไม่ได้นอน
มู่จื่อไม่ได้หวังว่าเย่โม่เซินจะกลับมา กลับกันตระกูลยู่ฉือส่งหยูโปมารับเสี่ยวหมี่โต้วแล้ว
มู่จื่อเลยปล่อยให้เสี่ยวหมี่โต้วไปสร้างความประทับใจแทนเธอที่บ้านนายท่าน
นี่มันกำลังจะผ่านพ้นช่วงปีใหม่ แต่ที่บ้านกลับเงียบงัน
มู่จื่อหงุดหงิด เธอก้มหน้าลูบตรงท้องแล้วพูดเบาๆ ว่า “ตอนนี้มีแค่ลูกที่อยู่เป็นเพื่อนแม่แล้วล่ะ”
*
“วันนี้จะทำต่อเหรอ เมื่อวานฉันบอกให้พักผ่อนสองวันไม่ใช่เหรอ” เจสันมองเย่โม่เซินที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย ในฐานะที่เป็นเพื่อนเขาอดไม่ได้ที่จะพูดเตือนแล้วเตือนอีก
เขาหวังว่าเพื่อนตัวเองจะหาวิธีที่มันปลอดภัยกว่านี้ อย่าเสี่ยงแบบนี้เพราะไม่มีทางเลือกอื่น
“อื้ม ทำต่อ” สีหน้าและน้ำเสียงของเย่โม่เซินราบเรียบ ไม่มีอะไรผิดปกติ ถ้าไม่ใช่เพราะสีหน้าที่ซีดเล็กน้อย เจสันคงจะคิดว่าเขาเป็นปกติ
เจสันแสยะยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ “นายคิดว่าทำแบบนี้ทุกวันมันจะได้ผลเหรอ”
“นายเป็นคนเสนอให้ทำไม่ใช่เหรอ” เย่โม่เซินช้อนตามองเขา สายตาของเขาเย็นยะเยือก
แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่เจสันกลัวเย่โม่เซินมาตั้งแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะสายตาที่เต็มไปด้วยพละกำลังของเขา
เขาคงต้องยอมแพ้
“ช่างเถอะ”
เขาปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรม ไม่พูดเตือนเพื่อนอีก จากการที่เป็นเพื่อนกันมาหลายปี เขารู้ดีว่าคงเกลี้ยกล่อมเย่โม่เซินไม่สำเร็จ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเฝ้าดูอยู่ข้างๆ
หลังจากเสร็จการฟื้นฟูความทรงจำ เย่โม่เซินหนาวจนหน้าซีด สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก แต่มันก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า
ระหว่างทางกลับ เซียวซู่เห็นสีหน้าของเขาจึงอดถามออกมาไม่ได้ “คุณชายเย่ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ตอนกลับไปคุณนายน้อยต้องจับได้แน่ๆ ครับ”
“งั้นก็ไม่ต้องกลับ” เย่โม่เซินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่กลับเหรอครับ งั้นถ้าคุณนายน้อยถามขึ้นมาล่ะครับ คุณชายน้อยด้วย” เซียวซู่พูด
“ช่วงนี้เรื่องที่บริษัทเยอะมาก ที่ต่างประเทศก็ไม่ได้สังสรรค์เรื่องตรุษจีนเท่าไร กลางวันฉันต้องจัดการเรื่องที่บริษัท กลางคืนก็ต้องพักผ่อน”
ถึงแม้การพูดเช่นนี้มันจะโหดร้าย แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องรีบทำที่สุดคือการฟื้นคืนความทรงจำ
และเขาไม่อยากให้มู่จื่อเป็นห่วง
ถ้าให้เธอรู้ว่าเขาใช้วิธีแบบนี้ ตามนิสัยของเธอแล้ว เธอคงจะไม่ให้เขาทำแบบนี้ อีกทั้งเมื่อถึงตอนนั้นเธอจะบอกว่าความทรงจำจะกลับมาหรือไม่ก็ไม่เห็นเป็นอะไร
เซียวซู่คิดว่าเหตุผลนี้มันไม่ค่อยเข้าท่าจริงๆ เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผากแล้วพูดออกมาว่า “ถึงงานจะยุ่งแค่ไหน ก็ไม่ถึงกับกลับบ้านไม่ได้หรอกนะครับ”
“ห๊ะ”
เย่โม่เซินเลิกคิ้วแล้วหรี่ตาลง “นายเห็นต่างงั้นเหรอ”
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาอันแหลมคมและเยือกเย็น เซียวซู่ถึงกับหัวหด “ไม่ใช่ครับ เซียวซู่จะเห็นต่างได้ยังไงกัน ผมแค่อยากหาวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ อีกอย่างการที่ไม่กลับบ้านทุกวัน คุณนายน้อยต้องรู้สึกผิดปกติแน่ๆ ครับ”
“นายมีวิธีที่ดีกว่านี้เหรอ”
“ไม่มีครับ”
“งั้นก็ทำตามที่ฉันบอก หลบได้สักวันก็ยังดี”
ไม่แน่ อีกสองวันความทรงจำของเขาอาจจะกลับมาก็ได้ เมื่อถึงตอนนั้นมู่จื่อจะห้ามเขา เขาก็ไม่ต้องกังวลแล้ว
“ครับ”
ตอนนี้ทำได้เพียงเท่านี้
การฉลองปีใหม่มันช่างผ่านไปอย่างน่าเบื่อ มู่จื่อรู้ว่าเย่โม่เซินงานยุ่ง อาจจะไม่ได้กลับบ้านสักระยะ เธอยังไม่ได้ว่าอะไร คนที่อยู่ข้างๆ อย่างเสี่ยวเหยียนก็โมโหขึ้นมา
“นี่มันอะไรกัน ฉลองปีใหม่ด้วยการไปทำงานเหรอ ทิ้งให้ภรรยาอยู่บ้าน คุณชายเย่บ้าไปแล้วหรือไง”
ตอนที่พูดประโยคสุดท้ายออกมา เสี่ยวเหยียนเสียงเบาลงอย่างเห็นได้ชัด เธอมองไปรอบๆ เมื่อแน่ใจแล้วว่าคุณชายเย่ไม่ได้อยู่ที่นี่ เธอจึงพูดต่อ
เซียวซู่เหนื่อยใจ เขาแค่แวะมาส่งข่าว แต่เพื่อไม่ให้โดนจับได้ เขาจึงพูดอะไรมากไม่ได้
เพราะฉะนั้นเมื่อพูดจบเขาจึงจำเป็นต้องออกมา
น่าเสียดาย เขาอยากเจอเสี่ยวเหยียนนานกว่านี้
“ทำไงได้ล่ะ ตอนนี้ที่ประเทศของเราคือวันตรุษจีน แต่ต่างประเทศไม่ได้มีเทศกาลนี้เหมือนเรานิ เพราะฉะนั้นที่บริษัทก็ยังต้องทำงานต่อไป คุณชายเย่เป็นประธานบริษัท ต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี”
“ทำตัวเป็นแบบอย่างอะไรกัน” เสี่ยวเหยียนย่นปากยู่ด้วยความไม่พอใจ “ฉันไม่เชื่อหรอก บริษัทใหญ่ขนาดนั้น ขาดเขาไปแค่สองสามวันมันจะไม่ได้เลยหรือไง บริษัทในประเทศไม่มีเขาก็ยังทำงานได้ดีไม่ใช่หรือไง ถึงหุ้นจะลดลงไปมาก แต่ฉันคิดว่าการลางานไม่ได้มีผลกระทบหรอกมั้ง”
“ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับฉันแล้วนี่มันเป็นวันที่สำคัญมากเลยนะ ต้องอยู่บ้านกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แต่เขากลับ…ฉันไม่ได้คิดไม่ดีกับคุณชายเย่นะ ฉันแค่พูดแทนมู่จื่อที่ไม่ได้รับความยุติธรรมเท่านั้น”
ที่เสี่ยวเหยียนพูดเป็นความจริง เซียวซู่คิดเหมือนกันว่าเหตุผลนี้มันไม่เข้าท่า เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่รู้จะตอบยังไง
แต่มู่จื่อกลับมีท่าทีสงบตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้าเป็นคนอื่นคงจะโมโหไปแล้ว
“มู่จื่อ พูดอะไรหน่อยสิ คุณชายเย่ทำแบบนี้ เธอไม่โกรธเหรอ”
เสี่ยวเหยียนดึงมือของมู่จื่ออย่างร้อนรน
มู่จื่อเงยหน้าขึ้น แล้วเอามือตบลงบนมือของเสี่ยวเหยียนเบาๆ จากนั้นจึงหันไปหาเซียวซู่แล้วเอ่ยออกมาว่า “เขาบอกนายมาแบบนี้เหรอ”
เซียวซู่คิดไม่ถึงว่าเธอจะนิ่งขนาดนี้ ไม่รู้ว่าในใจของเธอคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ทำได้เพียงพยักหน้า
“ครับ คุณชายเย่บอกมาแบบนี้ครับ และต่อจากนี้ผมจะเป็นคนไปรับไปส่งเสี่ยวหมี่โต้วเองครับ เขาจะจัดการเรื่องที่บริษัทครับ”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” มู่จื่อยิ้มบางๆ “งั้นก็ลำบากคุณแล้วที่ต้องไปรับไปส่งเสี่ยวหมี่โต้วทุกวัน อ้อ ถ้าเสี่ยวหมี่โต้วอยู่ที่บ้านของคุณทวดได้ งั้นก็ให้เขาอยู่กับคุณทวดสักสองสามวันก็ได้ รอให้พ่อเขาทำงานเสร็จเรียบร้อย แล้วค่อยไปรับเขากลับมา”
เซียวซู่ตอบรับทันที เมื่อได้เรื่องเขาออกมา แล้วเอาเรื่องนี้ไปบอกเย่โม่เซิน
เมื่อเซียวซู่กลับไป เสี่ยวเหยียนกัดฟันพูดออกมาว่า “มู่จื่อ ทำไมเธอถึงเชื่อคนง่ายจัง ฉันรู้สึกว่าคำพูดพวกนั้นเป็นเรื่องโกหก ทำงานจนไม่กลับบ้านอะไรกัน ฟังแล้วไม่อยากจะเชื่อ”
มู่จื่อพยักหน้า “ฉันรู้ว่ามันเชื่อไม่ได้”
เสี่ยวเหยียนเบิกตาโตด้วยความตกใจ “เธอรู้ว่ามันเชื่อไม่ได้ แต่เธอก็…”
“เธอคิดว่าเขาเป็นคนยังไง”
เขา? เสี่ยวเหยียนอึ้งไป แล้วนึกได้ว่าเขาที่มู่จื่อต้องการจะสื่อคือเย่โม่เซิน ในความคิดของเธอ เย่โม่เซินไม่ใช่คนไม่ดี แถมเขายังดีกับมู่จื่อมาก ครั้งนี้…
“หรือว่าจู่ๆ ที่เขาไม่อยากกลับบ้าน เพราะมีสาเหตุ?”
มู่จื่อพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ดูเหมือนว่าการที่จู่ๆ เขาพูดเรื่องนอนโรงแรมกับเซียวซู่ น่าจะเป็นแผนที่วางไว้แล้ว”
เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าสมองของตัวเองใช้งานไม่ค่อยได้แล้ว เธอทำหน้างุนงงแล้วถามขึ้น “หมายความว่ายังไง วางแผนไว้ล่วงหน้า มู่จื่อ อย่าบอกนะว่าเขามีกิ๊ก”