เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 995
บทที่995 ให้ฉันห่วงใยเธอสักหน่อย
เซียวซู่มองไปทางเธอด้วยสายตาอ่อนโยน ภายใต้แสงไฟที่ตกกระทบยิ่งทำให้ดูลึกซึ้งกว่าเดิม ในนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นที่มีต่อเธอ เมื่อก่อนเสี่ยวเหยียนไม่เคยรู้ แต่หลังจากที่ได้ฟังเขาบอกความในใจ เสี่ยวเหยียนตอนนี้ก็เริ่มดูออกแล้ว
หลังจากเห็นชัดแล้ว เสี่ยวเหยียนก็ตกใจจนต้องก้าวถอยหลังไปสองก้าว
จากนั้นก็หันหลัง
“คุณออกไปเถอะ”
“……ในเมื่อเธอไม่เต็มใจให้ฉันอยู่ ฉันก็จะออกไปแล้วกัน”
สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ หลังจากที่เธอหันหลังแล้ว แสงที่อยู่ในแววตาของเซียวซู่ก็มืดลงทันที หลังจากที่พูดคำพูดเหล่านั้นกับเสี่ยวเหยียนแล้ว เขาก็หันหลังเดินออกจากห้องครัวไป
ปัง!
หลังจากที่ประตูห้องครัวปิดลง รอบตัวก็เงียบสงบลงอีกครั้ง เสี่ยวเหยียนถึงได้หันกลับมา
เธอจ้องประตูอย่างเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเก็บสายตากลับมาอย่างอ่อนล้า
เซียวซู่เป็นคนที่ไม่เลว แต่เรื่องความรู้สึกมันฝืนกันไม่ได้ ก็เหมือนที่เธอฝืนหานชิงไม่ได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็สูดหายใจเข้าลึก เนิ่นนานกว่าจะพ่นลมหายใจออกมา แล้วเริ่มก้มหน้าล้างผัก
หลังจากที่หานมู่จื่อลากตัวเฉียวจื้อออกมาแล้ว เฉียวจื้อก็เปลี่ยนไปเหมือนเด็กขี้สงสัยในชั่วพริบตา “พี่สะใภ้ เธอกับยู่ฉือมีลูกกันแล้วเหรอ หน้าตาแบบไหน ตอนนี้อยู่บ้านหรือเปล่า ให้ฉันเห็นหน้าหน่อยได้ไหม ให้ตายสิๆ”
“……” หานมู่จื่อพบว่าคนตรงหน้าตื่นเต้นเหมือนตัวเองเป็นพ่ออย่างไรอย่างนั้น จนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วงาม “คุณตื่นเต้นขนาดนั้นทำไม”
เมื่อถูกเธอพูดใส่แบบนี้ เฉียวจื้อก็พบว่าตัวเองตื่นเต้นเกินเหตุ แล้วเกาหัวตัวเองอย่างเก้อเขิน แล้วหัวเราะแห้งๆ “ฉันก็แค่ดีใจแทนเพื่อนไง อีกอย่าง ฉันก็แค่รู้ว่าเธอกับยู่ฉือเคยเกี่ยวข้องกันอยู่ช่วงหนึ่ง ไม่รู้ว่าพวกเธอมีแม้กระทั่งลูกแล้ว โตแค่ไหนแล้ว”
“ห้าขวบ” หานมู่จื่อบอกตัวเลขออกไป จากนั้นก็คิดอีกครั้งเพราะรู้สึกว่าไม่ถูก ก่อนจะเปลี่ยนคำพูดว่า “พ้นปีใหม่แล้ว ก็ถือว่าหกขวบแล้วล่ะมั้ง”
เมื่อฟังตัวเลขของอายุจบ เฉียวจื้อก็พูดไม่ออกทันที
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงได้ดึงเสียงตัวเองกลับมาได้ แล้วพูดแห้งๆว่า
“โต โตขนาดนี้แล้วเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า เร็วจังเลยนะ ไม่ใช่สิ!” เขาตบหัวตัวเอง ทำหน้าเหมือนได้ค้นพบแผ่นดินผืนใหม่ “ตอนแรกเธอบอกฉันว่า พวกเธอเพิ่งจะเริ่มคุยเรื่องแต่งงานกัน จากนั้นยู่ฉือก็เกิดเรื่องขึ้นในตอนนั้น ระยะเวลาก็ไม่ได้ห่างจากตอนนี้มากนัก ทำไมถึงได้มีเด็กอายุหกขวบเพิ่มขึ้นมาได้”
พูดถึงตรงนี้ ในหัวของเฉียวจื้อก็เริ่มคิดเพ้อฝันถึงเรื่องราวมากมายขึ้นมา จากนั้นเขาถูกความคิดของตัวเองทำให้ตกใจ เบิกตาโตแล้วมองไปทางหานมู่จื่อ “เด็กคนนั้น……หรือว่าจะไม่ใช่ลูกของยู่ฉือ”
หานมู่จื่อ “……”
เธอถูกความคิดแปลกประหลาดในหัวเขาทำให้ตกตะลึง
อยากจะถามเขามากว่า เขาคิดไปถึงขนาดนั้นได้อย่างไร
แต่เธอยังไม่ทันได้เปิดปากอธิบาย ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นก่อน
“คุณชายน้อยเป็นลูกที่คุณชายเย่กับคุณนายน้อยคลอดก่อนหน้านี้ คุณผู้ชาย ข้าวกินไปเรื่อยได้ แต่คำพูดจะพูดไปเรื่อยไม่ได้นะครับ”
หานมู่จื่อหันไปมองตามเสียง ก็พบว่าเซียวซู่เดินออกมาแล้ว เอ๊ะ ? เขาอยู่ช่วยเสี่ยวเหยียนอยู่ในห้องครัวไม่ใช่หรือ
เมื่อสบตาเข้ากับเซียวซู่ เฉียวจื้อก็หรี่ตาเป็นเส้นตรงเพื่อประเมินเขาทันที ก่อนหน้านี้เขายังสงสัยฐานะของเซียวซู่อยู่ ตอนนี้พอเขาเปิดปากพูด เฉียวจื้อก็รู้ฐานะของเขาแล้ว
“ที่แท้ ก็คนของยู่ฉือนี่เอง”
ยู่ฉือ
เซียวซู่รู้ว่าพอเย่โม่เซินมาอยู่ที่นี่ก็ถูกเปลี่ยนชื่อ ชื่อว่ายู่ฉือเซิน ดังนั้นตอนนี้พอได้ยินเฉียวจื้อเรียกยู่ฉือ ก็เดาได้ว่าเขาคงพูดถึงคุณชายเย่
เขาไม่ได้พูดต่อ เฉียวจื้อถอนสายตากลับมา แล้วพูดยิ้มๆว่า “อยากจะเจอหน้าลูกของยู่ฉือจังเลย เขาน่าจะต้องเรียกฉันว่าคุณลุงสินะ แล้วเขาอยู่ไหนล่ะ พี่สะใภ้”
หานมู่จื่อ “เสี่ยวหมี่โต้วตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาอยู่กับคุณตาทวดเขา ถ้าคุณอยากจะเจอ ก็ไปหาเขาที่บ้านตระกูลยู่ฉือได้”
พอเฉียวจื้อได้ฟังแล้ว ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที ก่อนจะโบกมือ
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ ถ้ามีโอกาสค่อยเจอแล้วกัน ให้ฉันไปบ้านตระกูลยู่ฉือ คุณปู่ยู่ฉือเจอเข้าก็คงบ่นฉันยกใหญ่แน่ ไม่แน่ว่าอาจจะฟ้องไปถึงชายชราที่บ้านฉันด้วย ถึงตอนนั้นฉันก็คงถูกกักบริเวณอีกแน่ อีกสามวันพวกเธอก็จะกลับประเทศแล้ว ถ้าตอนนี้ฉันถูกกักบริเวณอีก ก็จะไม่ได้อยู่กับพวกเธอแล้วน่ะสิ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวจื้อก็นึกถึงเรื่องที่เหมือนถูกเผาทั้งเป็นเมื่ออาทิตย์ก่อน ก็เลยเริ่มระบายความทุกข์อีกครั้ง
หานมู่จื่อก่อนหน้านี้ฟังผ่านวีแชทมารอบหนึ่งแล้ว เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะเริ่มพูดอีกครั้ง ก็เลยยิ้มบางๆ “ฉันขอไปนอนพักที่ห้องสักหน่อยนะ”
จากนั้นก็ทิ้งเฉียวจื้อไว้แล้วเดินกลับห้องนอนไปทันที
เฉียวจื้อ “……”
บ้าจริง ? พี่สะใภ้รังเกียจเขาขนาดนี้เลยหรือ ฮือ……
แต่พี่สะใภ้ไปแล้ว ในห้องครัวก็ยังมีอีกคนไม่ใช่หรือ แล้วเฉียวจื้อก็หันไปมองทางเซียวซู่ ไม่รู้ทำไม เมื่อถูกเฉียวจื้อหันมามองแบบนี้ เซียวซู่ถึงได้รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา
“ทำไมเหรอครับ ?” เซียวซู่เลิกคิ้ว
เฉียวจื้อเดินเข้ามาโอบไหล่เขา “น้องชาย นายเป็นคนของยู่ฉือใช่ไหม ตอนนี้นายไม่มีอะไรทำใช่ไหม งั้นพวกเรามาคุยกันหน่อยเป็นไง”
เซียวซู่ใจกระตุกวูบ มุมปากก็เผลอกระตุกขึ้นมาทีหนึ่ง
จากนั้น เซียวซู่ก็ได้ฟังเฉียวจื้อระบายความทุกข์อยู่อย่างนั้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าแทบจะไม่สามารถรักษาสภาพได้อีกต่อไป
เฉียวจื้อพูดอย่างน่าฟังว่า จะคุยกัน แต่ที่จริงก็แค่กำลังเล่าเรื่องความหลังของตัวเอง และเซียวซู่ก็ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี เพราะไม่มีที่ไป ก็เลยนั่งฟังเขาพูดจนจบ โดยไม่ปริปากบ่นเลยแม้แต่น้อย
จนเฉียวจื้อพูดจบอีกครั้ง ในใจรู้สึกโล่งสบายแล้ว พบว่าคนตรงหน้ายังนั่งนิ่งอยู่กับที่ ไม่ขยับเขยื้อน เฉียวจื้อก็รู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมาทันที แล้วเข้าไปโอบเซียวซู่พร้อมน้ำตา
“น้องชาย นายช่างมีความอดทนจริงๆ ฉันพูดมากขนาดนี้นายก็ยังไม่หนีไปไหน นายชื่ออะไร ต่อไปพวกเราก็เป็นพี่น้องกันแล้ว”
เมื่อพูดจบ เฉียวจื้อก็ยกมือขึ้นทุบอกตัวเอง เพื่อแสดงต่อเซียวซู่
เซียวซู่ชำเลืองมองเขาทีหนึ่ง แล้วขยับปากพูดว่า “เซียวซู่”
“เซียวซู่ เป็นชื่อที่ดี ฉันชื่อเฉียวจื้อ ต่อไปนี้พวกเราก็เป็นพี่น้องที่ดีต่อกันแล้ว”
เซียวซู่ “……”
“นายกับเด็กผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นคู่รักกันเหรอ ไม่สิ พวกนายไม่น่าจะเป็นคู่รักกัน นายคอยปกป้องเธอ เพราะนายชอบเธอสินะ”
เซียวซู่เม้มปาก แล้วพูดอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “คุณยังมีนิสัยชอบสอดเรื่องส่วนตัวของคนอื่นอีกด้วยเหรอ”
“เฮ้อ อย่าพูดแบบนั้นสิ นี่ไม่เรียกสอด นี่เรียกว่าเป็นห่วง” เฉียวจื้อพูดแก้ตัวกับเขาหน้าตาเฉย
เซียวซู่ถูกเขาตอกจนพูดอะไรไม่ออกอีก
“ในเมื่อพวกเราเป็นพี่น้องกันแล้ว ฉันก็ต้องเป็นห่วงนายสิ เรื่องปกตินี่ ถูกไหม ?”
เซียวซู่เบือนหน้าหนี แล้วผลักมือเขาออก “คุณคิดจะทำอะไร”
“ทำไม ? กลัวว่าฉันจะแย่งผู้หญิงของนายเหรอ ฉันนะบอกนายนะ ฉัน เฉียวจื้อคนนี้ไม่เคยแย่งผู้หญิงของเพื่อนมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพี่น้องเลย อีกอย่างระหว่างผู้หญิงฉันก็เคารพกฎการยินยอมพร้อมใจกันก่อนด้วย”
เซียวซู่ “……”
เมื่อฟังจากคำพูดของคนๆนี้แล้ว ทำไมถึงได้รู้สึกว่า……คนๆนี้กะล่อนมาก อีกอย่างเขายังพูดอย่างภาคภูมิใจขนาดนี้อีก คุณชายเย่ไปสนิทกับเขาได้อย่างไรกัน อีกอย่างก็เห็นว่าพี่สะใภ้จะดีกับเขาไม่น้อยด้วย