เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 999
บทที่999 แดดดี้รักหม่ามี๊แค่คนเดียว
“เสี่ยวหมี่โต้ว รักหม่ามี๊ที่สุดเลย”
เพียงคำเดียว ก็ทำให้หานมู่จื่อถึงกับนิ่งอึ้งไป จากนั้นเสี่ยวหมี่โต้วก็ขยับริมฝีปากเข้ามาใกล้ แล้วประทับจูบลงบนแก้มของเธอทีหนึ่ง ก่อนจะถอยออกไป
“ดังนั้นสิ่งที่หม่ามี๊พูด เสี่ยวหมี่โต้วจะเชื่อฟังทั้งหมดเลย”
ทั้งที่เป็นแค่คำพูดประจบประแจง แต่ตอนนี้หานมู่จื่อกลับรู้สึกตื้นตัน รู้สึกว่าขอบตาเริ่มเปียกชื้น เธอไม่กล้าแสดงออกต่อหน้าเสี่ยวหมี่โต้ว เพียงแค่ดึงตัวเขาเข้ามาในอ้อมกอดเท่านั้น
“เสี่ยวหมี่โต้วเป็นเด็กดีจังเลย หม่ามี๊ก็เหมือนลูก รักเสี่ยวหมี่โต้วที่สุดเลย”
“ไม่ ไม่ได้!” จู่ๆเสี่ยวหมี่โต้วก็ส่ายหัวแรงๆ “หม่ามี๊จะรักเสี่ยวหมี่โต้วที่สุดไม่ได้ เดี๋ยวแดดดี้จะโกรธเอา”
“?” หานมู่จื่อมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ว่าไงนะ ?”
“ครั้งก่อนหม่ามี๊บอกว่ารักเสี่ยวหมี่โต้วที่สุด แดดดี้ก็เลยโกรธแค้น แล้วไม่ยอมให้เสี่ยวหมี่โต้วเข้าห้องด้วย”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หานมู่จื่อก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา ครั้งก่อนเย่โม่เซินปล่อยเสี่ยวหมี่โต้วไว้ข้างนอก ดันเธอแนบติดกับประตูห้อง แล้วระดมจูบ……
เรื่องแบบนี้ ไม่อยากให้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองอีก
เธอกระแอมทีหนึ่ง “เอาเถอะ เสี่ยวหมี่โต้วห้ามโกรธแค้นแบบนั้นนะ แดดดี้ก็แค่ล้อเล่นกับลูกเท่านั้นเอง ยังไงลูกก็เป็นลูกรักของแดดดี้กับหม่ามี๊ แดดดี้เองก็รักลูกมากนะ”
หึ เสี่ยวหมี่โต้วแอบทำเสียงในใจดังๆ แดดดี้ไม่รักเขาหรอก แดดดี้รักแค่หม่ามี๊คนเดียว
แต่ว่า แค่นั้นก็พอแล้ว
“เรื่องนี้ ก็ตกลงกันแบบนี้เลยโอเคไหม เสี่ยวหมี่โต้ว หม่ามี๊กำลังถามความเห็นของลูกอยู่นะ ไม่ใช่แจ้งเตือนลูก ดังนั้น ถ้าลูกไม่พอใจกับสิ่งที่หม่ามี๊จัดการ ก็แสดงความเห็นต่อหม่ามี๊ได้ จากนั้นหม่ามี๊จะฟังความเห็นของลูกแล้วหาทางอื่น ทุกคนจะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย ดีไหม”
เสี่ยวหมี่โต้วรู้ความมาก และยังเชื่องมากด้วย เธอไม่อยากให้เจ้าเด็กน้อยคนนี้ต้องน้อยใจ
แต่เสี่ยวหมี่โต้วกลับส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับหม่ามี๊ เสี่ยวหมี่โต้วคิดว่าความคิดของหม่ามี๊ดีมากแล้ว”
“จริงเหรอ งั้นลูก……”
“หม่ามี๊ งั้นผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณตาทวดที่นี่รอให้หม่ามี๊กับแดดดี้กลับมารับพวกเรานะฮะ”
หานมู่จื่อยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่เสี่ยวหมี่โต้วก็ตัดสินใจทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มองดูใบหน้าที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของเสี่ยวหมี่โต้วแล้ว หานมู่จื่อก็ไม่พูดอะไรต่ออีก เพียงแค่ถอนหายใจในใจ แล้วกอดเสี่ยวหมี่โต้วเอาไว้แน่น
*
เมื่อตกลงเรื่องทุกอย่างได้แล้ว ทุกคนต่างก็มีข้อสรุปในใจ เมื่อวันที่จะกลับประเทศอยู่ตรงหน้าแล้ว วันเดินทางเฉียวจื้อกับหลัวลี่ต่างก็มาส่งพวกเขา
ส่วนยู่ฉือจินกลับไม่ได้ปรากฏตัว มีเพียงหยูโปที่มา
เสี่ยวหมี่โต้วยืนอยู่ข้างตัวหานมู่จื่อ ชะเง้อมองด้านหลังของหยูโป แต่จนท้ายที่สุดก็ยังไม่เจอเงาของคนที่ตัวเองอยากเจอ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “คุณลุงหยูฮะ คุณตาทวดของผมไม่มาเหรอ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหยูโปยังคงอบอุ่นเช่นเคย ในมือถือกล่องใบเล็ก “คุณหลานชายน้อยครับ คุณตาทวดมีงานที่บริษัทเลยมาไม่ได้ นี่เป็นของขวัญที่เขาให้ผมเตรียมมาให้คุณครับ”
เสี่ยวหมี่โต้วจ้องดูกล่องใบนั้นด้วยความสงสัย “นี่คืออะไรเหรอฮะ”
หยูโปยื่นกล้องใบนั้นไปให้ด้วยสีหน้าลึกลับ เสี่ยวหมี่โต้วรีบยื่นมือออกไปรับ จากนั้นก็กอดกล่องใบเล็กไว้ในอก แล้วก็ได้ยินหยูโปพูดขึ้นว่า “คุณตาทวดของคุณบอกว่า ให้คุณกลับประเทศแล้วค่อยเปิดดูนะครับ”
เสี่ยวหมี่โต้วกะพริบตาปริบๆ แล้วจ้องมองกล่องใบเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด
ถ้ากลับประเทศแล้วถึงจะเปิดได้ ก็คงต้องรออีกนานเลยสิ เขาคิดในใจ
ส่วนหยูโปที่อยู่ทางนี้ ทำหน้าเศร้าโศก ดูแล้วเหมือนกำลังเสียใจมาก เขาอยากจะไปกอดน้องชายของตัวเองเย่โม่เซิน แต่เย่โม่เซินกลับยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา บนตัวแผ่กลิ่นอายอันตรายออกมา
เฉียวจื้อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆก็หันไปกอดเซียวซู่ที่อยู่ข้างๆ
“ฮือๆ น้องชาย นายอย่าไปเลยนะ ฉันไม่อยากให้ไปเลย”
“……” เซียวซู่ที่ถูกหมีกอดมุมปากกระตุกขึ้นมา “คุณชายใหญ่เฉียวครับ คุณช่วยปล่อยด้วย ถ้าคนอื่นมาเห็นผู้ชายตัวโตสองคนโอบกอดกันแบบนี้ เกรงว่าจะเข้าใจพวกเราผิด”
เฉียวจื้อชะงักไป ก่อนจะถามว่า “ฉันกำลังส่งเพื่อนสนิท กำลังอาลัยอาวรณ์ ใครมันจะมาเข้าใจผิด”
พูดจบก็หันไปมองรอบๆตัวทีหนึ่ง
ตามคาด ผู้ชายตัวโตสองคนกอดกันนั้น ดึงดูดสายตาของผู้คนหลายคนจริงๆ
เสี่ยวเหยียนสองมือกอดอก แล้วชำเลืองมองทั้งสองคนอย่างขำขัน
ส่วนหลัวลี่ที่อยู่อีกข้างกลับมองมาที่หานมู่จื่อด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ แล้วพูดเสียงเบาว่า “มู่จื่อ ถึงแม้ว่าฉันกับคุณจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ว่า……คุณก็เป็นความอบอุ่นให้ฉันในเมืองนอกที่หนาวเหน็บแบบนี้ ขอบคุณมากนะ”
หานมู่จื่อกับหลัวลี่ทั้งสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน อย่าพูดถึงเรื่องเวลาเลย ทั้งสองคนคุยกันน้อยมาก ที่จริงตอนนั้นเป็นหานมู่จื่อเองที่มีกำแพงในใจสูงเกินไป
รู้สึกว่าอยู่เมืองนอกแบบนี้ จู่ๆก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาตีสนิทเธอ มาเพิ่มวีแชทอะไรแบบนั้น เธอก็เลยไม่อยากเข้าใกล้มากนัก
แต่ตอนนี้พอดูแล้ว อีกฝ่ายก็ดูเหมือนไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร เพียงแค่เห็นว่าเป็นคนจีนเหมือนกัน ก็เลยอยากทำความรู้จักและสนิทด้วยก็เท่านั้น
มีแต่เธอที่คิดเล็กคิดน้อย
หานมู่จื่อยิ้มบางๆ แล้วเหลือบไปมองเฉียวจื้อที่อยู่ข้างๆ “วันนี้คุณมากับเขาเหรอ”
หลัวลี่พยักหน้าอย่างซื่อๆ “ใช่ค่ะ เฉียวจื้อส่งข้อความมาบอกว่าคุณกำลังจะไปแล้ว ถามฉันว่าจะมาส่งพวกคุณที่สนามบินด้วยกันไหม”
“อืม ฉันขอคิดก่อนนะ เหมือนว่าตอนแรกคุณค่อนข้างจะ……เกลียดเขาไม่ใช่เหรอ”
คิดไม่ถึงเลยว่าช่วงที่ไม่ได้เจอกัน ความสัมพันธ์ของเธอกับเฉียวจื้อจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดแบบนี้
หลัวลี่หน้าแดง แล้วยิ้มอย่างเขินอาย สุดท้ายก็พูดอธิบายว่า “พอได้อยู่ด้วยกันแล้วฉันถึงได้รู้ว่าเขาไม่ได้น่ารังเกียจเท่าที่ฉันคิดไว้ อีกอย่างเขาก็ไม่เลวเหมือนกัน”
“ไม่เลวเหรอ”
หลัวลี่พยักหน้า “ใช่ เขาดีมาก คุณรู้ไหมมู่จื่อ เขาเลี้ยงฉันกินมื้อใหญ่ด้วยนะ”
“มื้อ มื้อใหญ่?”
“ใช่ค่ะ ฉันมาที่นี่ตั้งนานแต่ก็ยังไม่เคยกินของดีอะไรเลย เพราะปัญหาด้านการเงิน ดังนั้น……นอกจากข้าวที่บริษัทแล้ว ฉันก็ต้องทนหิว……บ่อยๆ” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอก็หัวเราะอย่างเกรงใจ “คุณคงไม่รังเกียจฉันใช่ไหม”
หานมู่จื่อมองหลัวลี่ที่อยู่ตรงหน้า ร่างกายผอมเพรียว ก่อนหน้านี้เธอพูดถึงที่พักของตัวเองก่อนจะหยุดไป ดูท่าว่าชีวิตคงจะค่อนข้างยากลำบากเลย
“ฉันจะไปรังเกียจคุณทำไม เฉียวจื้อคนนี้นิสัยไม่เลวจริงๆ แต่ว่า……” พูดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็หยุดลง รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองจะพูดต่อไปนี้มันเป็นคำพูดที่เกินเลยไป ก็เลยพูดแค่ว่า “ยังไงเรื่องราวอีกมากมายคุณก็พิจารณาเองแล้วกัน ต่อไปถ้าคุณกลับประเทศ คุณก็ไปหาฉันได้”
“ได้ค่ะ คุณอย่าเปลี่ยนวีแชทเด็ดขาดนะคะ ไม่อย่างนั้นฉันคงหาคุณไม่เจอ แต่ว่า……” รอยยิ้มของหลัวลี่จางลงหลายระดับ “โอกาสที่ฉันจะกลับประเทศคงต่ำมากๆ แต่ว่าคุณวางใจนะคะ ฉันจะต้องหาโอกาสไปหาคุณแน่นอน”
“อืม”
“ต้องเตรียมตัวเข้าด่านตรวจแล้ว”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหู เย่โม่เซินเดินเข้ามาเตือนเธอ
หลัวลี่รีบพูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว พวกเราไม่รบกวนเวลาแล้วค่ะ รีบเข้าด่านตรวจเถอะ พวกเราขอส่งแค่นี้นะคะ”
พูดจบ หลัวลี่ก็เห็นเฉียวจื้อที่ยังฉุดดึงเซียวซู่ท่าทางอาลัยอาวรณ์อยู่ทางนั้น ก็เลยรีบเข้าไปดึงเสื้อเขาไว้ “พวกเราต้องเตรียมตัวไปแล้วค่ะ”