เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 133 จดหมายเชิญ
แม้จะเป็นครั้งแรกที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้สัมผัสกับงานชมดอกบัวและได้มีส่วนร่วมในเรื่องแบบนี้ ทั้งได้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ของซั่งกวนฮ่าว การให้กำลังใจของซั่งกวนเจวี๋ย การยกธงเสริมบารมีของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ ความช่วยเหลือที่ครอบคลุมของซั่งกวนจิ่น เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่เพียงคุ้นเคยกับเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังปรับปรุงรายละเอียดบางส่วนตามความคิดของตัวเอง เพิ่มรายการบางอย่างที่ทำให้ซั่งกวนฮ่าวพยักหน้าชมเชย งานทั้งหมดดำเนินไปอย่างราบรื่น
อนุภรรยาอู๋ก็เห็นด้วยกับกิจกรรม ‘ดวลชา’ และ ‘ประลองสุรา’ ที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์เสนอ แต่กลับคัดค้านที่เรือนโม่โฉวจะเพิ่มอาหารและของว่างจานพิเศษแทนที่รายการอาหารหรูหราแบบดั้งเดิมที่มีมาตลอด เนื่องจากซั่งกวนฮ่าวไม่ลังเลจะสนับสนุนความคิดของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ นางจึงต้องหุบปากด้วยความแค้นใจ
อย่างไรก็ตาม ซั่งกวนจิ่นยังค้นพบจดหมายฉบับหนึ่งของนางที่ให้คนส่งไปให้พี่ชายของนางซึ่งเป็นพ่อบ้านเรือนโม่โฉว แม้เนื้อหาในจดหมายจะไม่ชัดเจน แต่ซั่งกวนเจวี๋ยและซั่งกวนจิ่นได้ตัดสินแล้วว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์เดาไม่ผิด ทั้งสองโกรธมาก ตอนนี้รอให้งานชมดอกบัวแล้วเสร็จจะลงโทษครอบครัวของอนุภรรยาอู๋อย่างหนัก
“สะใภ้ใหญ่ นี่คือรายชื่อแขกที่ต้องเชิญ ถ้าเป็นแขกผู้ชายคุณชายใหญ่จะเขียนจดหมายเชิญเอง ส่วนแขกผู้หญิงต้องให้ท่านเขียนเองขอรับ” ซั่งกวนจิ่นยื่นรายชื่อให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ชุดหนึ่ง นางหยิบมาอ่านดูคร่าวๆ รอบหนึ่ง มีคนไม่มากนัก มีแขกผู้ชายเพียงสามสิบกว่าคน แขกผู้หญิงก็ไม่เกินสี่สิบคนเท่านั้นเอง
“มีจดหมายเชิญสองฉบับสำหรับแต่ละคน ฉบับหนึ่งเป็นจดหมายหลัก อีกฉบับเป็นจดหมายรอง ผู้รับเชิญจะต้องเก็บจดหมายหลักไว้ ส่วนจดหมายรองนั้นมีไว้ให้ผู้รับเชิญไปมอบให้กับผู้อื่น” ซั่งกวนจิ่นยื่นจดหมายเชิญสองฉบับที่แตกต่างกันให้ ฉบับหนึ่งเป็นสีทองและอีกฉบับเป็นสีเงิน ข้างบนมีลวดลายดอกบัวเหมือนกัน ซึ่งได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน
“ข้าเข้าใจแล้ว” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พยักหน้า สำหรับบุตรสาวคนโตของครอบครัวใหญ่ไม่กี่คนนั้น งานชมดอกบัวไม่มีอะไรดึงดูดใจ แต่สำหรับคุณหนูจากครอบครัวเล็กหรือที่ไม่ได้อยู่ในตระกูลชั้นสูงเหล่านั้น จดหมายเชิญนี้แสดงถึงความใฝ่ฝันของพวกนาง เป็นโอกาสให้พวกนางบินไปสู่เป้าหมายที่หวังได้ หากพวกนางสามารถสร้างความสัมพันธ์กับสตรีสูงศักดิ์ที่มีสิทธิ์ได้รับจดหมายหลักพวกนั้น ก็จะมีโอกาสได้รับจดหมายรองที่แนบมา นี่ก็คือบทบาทและที่มาของจดหมายรองเช่นกัน
“ยังมีอีกสองฉบับเป็นของคุณหนูหกและคุณหนูเจ็ดตระกูลเยี่ยน เพียงรอสะใภ้ใหญ่เขียนเสร็จก็จะส่งไปที่อู๋โจวขอรับ” ซั่งกวนจิ่นแยกจดหมายเชิญสองฉบับออกจากกันโดยไม่มีจดหมายรองแล้วพูดว่า “แต่จดหมายเชิญทั้งสองฉบับนี้ไม่ได้ใช้ร่วมกับจดหมายรองขอรับ”
“ไม่ต้องส่งไปหรอก” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “พวกนางไม่จำเป็นต้องปรากฏตัวในงานชมดอกบัว” แม้จะค่อนข้างรู้สึกดีกับนายท่านเยี่ยน แต่เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยังคงชิงชังน้องสาวต่างมารดาเหล่านั้นเช่นเคย
“ขอรับ” จริงๆ แล้วซั่งกวนจิ่นไม่ต้องการให้คุณหนูเยี่ยนที่สามัญธรรมดาทั้งสองคนนั้นปรากฏตัวเช่นกัน แต่เยี่ยนมี่เอ๋อร์พูดเช่นนี้ได้ ทว่าคนอื่นๆ พูดไม่ได้
“มู่หรงชิงหวั่น?” จู่ๆ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็เห็นชื่อที่ไม่คาดคิดมาก่อน หญิงงามอันดับหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุทธภพผู้นั้น หญิงสาวที่หยิ่งผยองที่สุดในหมู่สตรีสูงศักดิ์ไม่ได้ถูกส่งไปที่วัดประจำตระกูลแล้วหรือ ทำไมถึงต้องให้จดหมายเชิญนางด้วย?
“มีจดหมายเชิญของคุณหนูชิงหวั่นไม่เคยขาดขอรับ” ซั่งกวนจิ่นรู้ว่านางสับสนจึงอธิบายว่า “ไม่เพียงแต่งานชมดอกบัวเท่านั้น งานดอกไม้อื่นๆ ก็ไม่เคยลืมจดหมายเชิญคุณหนูชิงหวั่นสักฉบับเลยขอรับ”
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือจะมาหรือไม่มาก็เป็นเรื่องของตระกูลมู่หรง แต่ถ้าไม่เชิญก็เป็นเรื่องของผู้จัด เยี่ยนมี่เอ๋อร์พยักหน้าอย่างเข้าใจพลางกล่าวว่า “ลุงจิ่น เหตุใดไม่เชิญสะใภ้ใหญ่และนายน้อยที่แต่งงานแล้วเหล่านั้นของตระกูลชนชั้นสูง พวกเขาไม่เข้าร่วมงานชมบุปผาหรือ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ” ซั่งกวนจิ่นส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “หญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนจะไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ตามอำเภอใจหากไม่มีจดหมายเชิญ ส่วนนายน้อยที่ยังไม่แต่งงานหากมาเข้าร่วมโดยไม่มีจดหมายเชิญนั่นคือพวกหนุ่มเจ้าสำราญ ดังนั้นจึงต้องมีจดหมายเชิญ และบรรดานายน้อยกับสะใภ้ใหญ่ที่แต่งงานแล้วถ้าสนใจก็มาก่อนได้ แต่ยกเว้นผู้ที่มีมิตรภาพอันลึกซึ้งกับตระกูลซั่งกวนนั้นมาได้ตลอด ส่วนคนอื่นๆ จะมาโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้ขอรับ”
เยี่ยนมี่เอ๋อร์พยักหน้า มิตรภาพไม่น่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด สิ่งสำคัญคือสถานะที่พอๆ กันถึงจะถูก การมีสถานะที่ไล่เลี่ยพอๆ กัน ต่อให้จะไม่มีมิตรภาพ ก็จะไม่ได้รับการปฏิบัติที่หมางเมิน
“ตรงนี้ยังมีจดหมายเชิญอีกสิบฉบับขอรับ” ซั่งกวนจิ่นยื่นจดหมายเชิญสีเขียวที่ต่างออกไปอีกสิบฉบับ แล้วพูดว่า “ทั้งสิบฉบับนี้จะส่งไปยังหอยุทธภพอี้สื่อ และอาจารย์อี้สื่อของหอยุทธภพอี้สื่อจะมอบให้กับจอมยุทธ์หญิงที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในยุทธภพ นอกจากนี้ยังมีรายชื่อคัดเลือกล่วงหน้าที่หอยุทธภพอี้สื่อส่งมา สะใภ้ใหญ่โปรดตรวจสอบขอรับ”
หอยุทธภพอี้สื่อ? เป็นสถานที่ที่พูดกันว่าไม่น่าเชื่อถือหรือเปล่า? เยี่ยนมี่เอ๋อร์หยิบรายชื่อมาดู แสร้งทำเป็นอยากรู้แล้วถามว่า “ลุงจิ่น หอยุทธภพอี้สื่อนี้อยู่ที่ใด? เหตุใดถึงต้องให้เกียรติพวกเขามากขนาดนี้?”
“หอยุทธภพอี้สื่อนั้น มีความหมายตามชื่อเป็นสถานที่เขียนเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยและบันทึกประวัติศาสตร์ของยุทธภพ เพียงแต่ยุทธภพนั้นอันตรายมาก เปลี่ยนแปลงคาดเดาได้ยาก หลายๆ อย่างก็ไม่จำเป็นต้องเป็นข้อเท็จจริง ดังนั้นจึงตั้งชื่อว่า
‘อี้สื่อ’ หอยุทธภพอี้สื่อย่อมสนใจเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ของยุทธภพมากที่สุดอยู่แล้ว คนที่มีความสามารถพิเศษในยุทธภพและตระกูลสูงส่งเหล่านั้นแยกไม่ออกจากยุทธภพ งานประลองยุทธ์ประจำปี งานแสดงดอกไม้ประจำเดือน ล้วนจะมีผู้คนจากหอยุทธภพอี้สื่อมาเข้าชม ตระกูลใหญ่ทั้งหลายก็คิดจะไว้หน้าให้พวกเขาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลไหนเมื่อจะจัดงานดอกไม้ก็มักจะส่งจดหมายเชิญทั้งสิบฉบับให้พวกเขา เป็นโอกาสแสดงน้ำใจต่อพวกเขาด้วยขอรับ” ซั่งกวนจิ่นดูเหมือนจะไม่พอใจต่อหอยุทธภพอี้สื่อเท่าใดนัก ครั้นพูดถึงเรื่องนี้เขาก็มีสีหน้าซีดเผือด
“ลุงจิ่นดูเหมือนจะไม่ชอบหอยุทธภพอี้สื่อนี้สักเท่าใด พวกเขาทำอะไรที่ดูถูกลุงจิ่นอย่างนั้นหรือ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ถามอย่างสงสัย ในยามนั้นท่านป้าก็ไม่ได้รู้สึกดีกับหอยุทธภพอี้สื่อ แต่ก็ไม่ได้สนทนาในเชิงลึก กลับทำให้นางสนใจมาก
“แม้อาจารย์อี้สื่อแห่งหอยุทธภพอี้สื่อจะมีหลายคนที่ฉลาดเฉลียวและมีพรสวรรค์ในการประพันธ์ แต่ส่วนใหญ่กลับเป็นศิษย์ที่โง่เขลาและไร้ยางอายเสียมากกว่า ตอนอยู่ที่อู๋โจวสะใภ้ใหญ่อาจเคยได้ยินเรื่องราวความรักที่เรียกว่าสุดแสนจะเศร้าระทมของหวงเซียวเซียงและผู้หญิงคนอื่นๆ กับคุณชายใหญ่ เหล่านี้ก็เป็นผลงานชิ้นเอกของหอยุทธภพอี้สื่อขอรับ” ซั่งกวนจิ่นใช้โอกาสนี้ลบล้างมลทินของซั่งกวนเจวี๋ยในสมญาที่ว่า ‘หนุ่มเจ้าสำราญ’ แล้วเล่าว่า “คุณชายใหญ่พบทั้งสามคนโดยบังเอิญในงานประลองยุทธ์เมื่อปีที่แล้ว เพียงแต่เป็นเพราะในระหว่างที่รู้จักกัน เนื่องจากมารยาท จึงพูดจาทักทายคุยกันสองสามคำเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย หลังจากได้รู้ฐานะของคุณชายใหญ่แล้ว ทั้งสามพยายามวางแผนประจบประแจงทุกวิถีทางจนวิ่งโร่ไล่ตามมาถึงลี่โจว เหตุการณ์นี้ได้กลายเป็นความรักที่น่าซาบซึ้งใจอยู่ช่วงหนึ่งใน ‘บันทึกยุทธภพอี้สื่อ’ ที่หอยุทธภพอี้สื่อรวบรวมไว้ และถูกแพร่สะพัดไปทั่วใต้หล้าเลยขอรับ”
“กล่าวอีกนัยหนึ่งคือพวกเขาชอบจับเรื่องลับส่วนตัวของนายน้อยตระกูลชนชั้นสูง แล้วเผยแพร่ต่อสาธารณะอย่างกำเริบเสิบสานสินะ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ขมวดคิ้วเป็นปมพลางกล่าวต่อ “พวกเขาทำเยี่ยงนี้ไม่กังวลว่าตระกูลชนชั้นสูงจะรวมตัวกันมาเล่นงานพวกเขาให้มลายหายไปหรือ?”
“หอยุทธภพอี้สื่อลื่นไหลกลับกลอกมาก พวกเขาเอาแต่ทำเรื่องลับลมคมในกับเรื่องส่วนตัว จะไม่สอบถามสิ่งสลักสำคัญว่าเป็นเช่นไร แม้จะทำให้ผู้คนเอือมระอาเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ถึงจุดที่ต้องต่อสู้ห้ำหั่นและเข่นฆ่าพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเงาของราชสำนักอยู่เบื้องลึกเบื้องหลังพวกเขา เว้นแต่ตระกูลสูงศักดิ์จะแตกคอกับราชสำนัก มิฉะนั้นจะแตะต้องพวกเขาไม่ได้ง่ายๆ ขอรับ” ซั่งกวนจิ่นสั่นศีรษะ ด้วยรู้สึกจนปัญญากับหอยุทธภพอี้สื่อราวกับเป็นโรคผิวหนังก็มิปาน
“จอมยุทธ์หญิงพวกนั้นที่มีข่าวลือเรื่องทำนองชู้สาวจนพวกนางเสื่อมเสียชื่อเสียง มิได้ไปหาเรื่องพวกเขาหรือ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ถามด้วยรอยยิ้ม หอยุทธภพอี้สื่อดูน่ารำคาญมาก แต่ถ้าหลอกใช้ให้ดี ก็จะไม่ใช่ขุมกำลังที่จะมองข้ามได้
“เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือ? สะใภ้ใหญ่ไม่เข้าใจความคิดของหญิงชาวยุทธ์ ตราบใดที่ไม่มีชื่อเสียงที่วุ่นวายแบบนี้ คนอื่นๆ ก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่พวกนางจะวิตกกังวล อีกอย่าง หากพวกนางไม่ได้เริ่มแจ้งเรื่องเหล่านั้นเอง และติดสินบนด้วยเงินจำนวนมาก เรื่องทำนองชู้สาวพรรค์นั้นจะไม่มีทางแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและกว้างขวางขนาดนั้น พวกนางต้องการใช้วิธีนี้ เพื่อให้พวกนางแต่งงานเป็นตระกูลชนชั้นสูงได้ หอยุทธภพอี้สื่อและพวกนางแค่หลอกใช้กันเองขอรับ” ซั่งกวนจิ่นส่ายศีรษะ รู้ว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์จริงจังกับเรื่องพวกนี้ยิ่งนัก
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พยักหน้า อ่านรายชื่อแล้วถามอย่างไม่สนใจว่า “ถ้าอย่างนั้นลุงจิ่น ลี่โจวมีอาจารย์อี้สื่อจากหอยุทธภพอี้สื่อหรือไม่เล่า? พวกเขามักจะปรากฏตัวในลี่โจวหรือในงานเฉลิมฉลองหรือไม่? พอเขียนจดหมายเชิญพวกนี้เสร็จจะส่งไปถึงมือพวกเขาอย่างไร?”
“ลี่โจวมีสมาคมของหอยุทธภพอี้สื่อแห่งหนึ่ง เรียกว่าโรงน้ำชาอี้สื่อ อยู่ทางตะวันตกของเมือง หลังจากเขียนจดหมายเชิญเหล่านี้แล้วก็จะส่งไปที่นั่นได้โดยตรงขอรับ” ซั่งกวนจิ่นอธิบาย
ทางตะวันตกของเมือง? โรงน้ำชาอี้สื่อ? ฟังดูเหมือนเป็นแหล่งซุบซิบนินทา ในดวงตาของเยี่ยนมี่เอ๋อร์เต็มไปด้วยการคิดวางแผน หากความลับเล็กๆ น้อยๆ ของทั่วป๋าฉินซินถูกแพร่งพรายที่นี่ จะทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยโกรธจนกระอักเลือดจนต้องล้มเลิกความคิดเรื่องการแต่งงานกับตระกูลทั่วป๋าอีกครั้งหรือไม่? หยุดนะ! เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยับยั้งความคิดของนางไว้อย่างรวดเร็ว หากหลอกใช้หอยุทธภพอี้สื่อในลี่โจวอาจทำให้ตนตกอยู่ภาวะลำบาก จะเสียการใหญ่เพราะเรื่องเล็กน้อยไม่ได้ ควรรอให้สิ่งต่างๆ ชัดเจนอย่างค่อยเป็นค่อยไป รอดูทั่วป๋าซู่เยวี่ยและตระกูลทั่วป๋าว่ามีการเคลื่อนไหวที่ไม่เหมือนเดิมอะไรหรือไม่แล้วค่อยว่ากัน
“จดหมายเชิญนี้จะให้ข้าเขียนหรือให้คุณชายใหญ่เขียน?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่เต็มใจจะปล่อยให้ลายมือของนางตกอยู่ในมือของคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ
“ไม่ต้องทั้งคู่ขอรับ” ซั่งกวนจิ่นส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “สะใภ้ใหญ่เพียงแค่รู้จักจดหมายเชิญแบบนี้ จากนั้นเลือกโดยวาดวงกลมจากรายชื่อที่หอยุทธภพอี้สื่อส่งมาสักสิบคน พวกนางยังไม่มีคุณสมบัติจะให้ท่านเขียนจดหมายเชิญด้วยตัวเองขอรับ”
ถ้าอย่างนั้นก็ดี เยี่ยนมี่เอ๋อร์พยักหน้า มองชื่อที่ไม่คุ้นเคยกว่ายี่สิบรายชื่อนั้น ด้วยความอึดอัดและไม่สบายใจเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ลุงจิ่น ข้าว่าเรื่องนี้ขอให้เจ้าทำเถิด ข้าไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังชื่อนี้สื่อถึงคนแบบไหน ถ้าเชิญมาสองคนแล้วทำให้แขกที่ได้รับเชิญอิดหนาระอาใจ คงไม่งามแน่”
ซั่งกวนจิ่นยิ้มแล้วรับมาวาดชื่อทั้งสิบออกมาอย่างรวดเร็วโดยกล่าวว่า “สิบคนนี้ไม่เป็นที่รู้จัก จะมีช่องว่างกับแขกผู้มีเกียรติหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ แต่โดยทั่วไปแล้ว ผู้คนหน้าใหม่จะปลอดภัยกว่าเสมอ งานประลองยุทธ์ปีนี้จะอยู่ที่ลี่โจว มีจงอี้ถังแห่งลี่โจวซึ่งเป็นพรรคใหญ่ที่สุดในเขตลี่โจวเป็นแม่งาน ครั้นถึงเวลานั้นสะใภ้ใหญ่สนใจละก็ ให้คุณชายใหญ่พาท่านไปทำความรู้จักอีกสักสองสามคนก็ได้ เช่นนั้นย่อมจะกระจ่างชัดว่าหญิงชาวยุทธ์เหล่านี้เป็นคนแบบไหน และมีข่าวลืออะไรบ้างขอรับ”
งานประลองยุทธ์? เยี่ยนมี่เอ๋อร์ผงะไปครู่หนึ่ง งานประลองยุทธ์ของปีนี้อยู่ที่ลี่โจวจริงๆ แล้วเจวี๋ยจะรอคุณหนูสุราที่เอาแต่ใจผู้นั้นที่ใดกัน? ในใจของเขา ระหว่างคุณหนูสุรากับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ผู้ใดสำคัญกว่ากัน? นางเต็มไปด้วยความขัดแย้งสับสน ทั้งหวังว่าซั่งกวนเจวี๋ยจะรักตัวเองด้วยความบริสุทธิ์ใจรวมถึงไม่ต้องการให้เขาลืมคุณหนูสุราที่ตนปลอมตัวไปคนนั้นด้วย เสียแต่ว่าความลับที่กดทับไว้ในใจนั้นไม่อาจทำให้นางเอ่ยปากได้ จู่ๆ จิตใจนางก็เริ่มหนักอึ้งขึ้น…
—————-
Related