เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 243 อวี่ไข่เกิดเรื่อง
“คุณชายใหญ่ ขอร้องท่านได้โปรดช่วยคุณชายรองด้วยเจ้าค่ะ!” ผู้ที่คลานร้องห่มร้องไห้อยู่เบื้องหน้าซั่งกวนเจวี๋ยคือเมียบ่าวคนหนึ่งของอวี่ไข่ เจียนี ผู้ที่เคยรับใช้อยู่ข้างกายทั่วป๋าซู่เยวี่ย ทั้งเป็นหนึ่งในผู้สมคบคิด ร่วมมือกับคนนอก โยกย้ายทรัพย์สินส่วนตัวของทั่วป๋าซู่เยวี่ยจนหมดเกลี้ยง และผู้ที่อยู่ด้านข้างนางก็คืออนุภรรยาหนิงที่เช็ดน้ำมูกไปพลาง ร้องไห้อย่างวิงวอนไปพลาง
“คุณชายรอง?” ซั่งกวนเจวี๋ยขมวดคิ้วด้วยใบหน้าที่งุนงง จากนั้นก็หันศีรษะมาถามโม่เซียงที่รับใช้อยู่ข้างกายตน(เยี่ยนเซียงได้ถูกเปลี่ยนไปรับใช้ข้างกายซั่งกวนจิ่นแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะเป็นผู้รับช่วงต่อตำแหน่งพ่อบ้านใหญ่ของซั่งกวนจิ่น) “คุณชายรองกลับมาลี่โจวเมื่อใดกัน เหตุใดจึงไม่มีคนรายงานข้า?”
“ตอบคุณชายใหญ่ ยามนี้คุณชายรองและสะใภ้รองเป็นแขกอยู่ที่ตระกูลมู่หรง ทั้งให้คนส่งจดหมายกลับมาบอกว่ารอหลังจากการแพ้ท้องของสะใภ้รองไม่มีอาการรุนแรงแล้วก็จะค่อยกลับมา ยามนี้ไม่อยู่ในลี่โจวขอรับ!” โม่เซียงตอบด้วยสีหน้าเช่นเดิม นับตั้งแต่ซั่งกวนฮ่าวส่งซั่งกวนจิ่นไปแจ้งกับอวี่ไข่ ก็ได้ลบชื่อเขาออกจากวงศ์ตระกูลซั่งกวนแล้ว ตำแหน่งคุณชายรองของตระกูลซั่งกวนก็ย่อมเป็นของอวี่ฮ่าวไปโดยปริยาย อวี่ไข่ไม่เพียงแต่ไม่ได้สกุลซั่งกวน อีกทั้งยังไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลซั่งกวนอีกต่อไป!
“คุณชายใหญ่…” อนุภรรยาหนิงกล่าวทั้งสะอึกสะอื้น “ยามนี้อวี่ไข่ตกอยู่ในมือของลูกผู้ลากมากดีพวกนั้น หากท่านไม่ออกหน้าช่วยเขาละก็ เขาต้องตายแน่ๆ เจ้าค่ะ คุณชายใหญ่ ขอร้องท่าน เห็นแก่ฐานะพี่น้อง ช่วยเหลือเขาหน่อยเถิดเจ้าค่ะ!”
“พี่น้อง?” ซั่งกวนเจวี๋ยมองอนุภรรยาหนิงอย่างเย็นเยียบ “ข้าไม่มีพี่น้องเช่นนั้น อย่างไรขอเจ้าระวังคำพูดตัวเองด้วย!”
สำหรับครอบครัวของอวี่ไข่นี้ ไม่ว่าซั่งกวนฮ่าวหรือซั่งกวนเจวี๋ยล้วนไม่อาจยื่นมือช่วยได้อีกต่อไปแล้ว พวกเขาไม่คู่ควร แม่นมหนิงอยู่ข้างกายทั่วป๋าซู่เยวี่ยมาถึงห้าสิบปี ตั้งแต่เป็นหญิงสาวอายุสิบสองสิบสามตัวเล็กๆ จนเปลี่ยนเป็นหญิงแก่อายุหกสิบปี หนิงซินก็ถือกำเนิดที่ตระกูลซั่งกวน ในยามที่อายุห้าหกปี ก็ถูกทั่วป๋าซู่เยวี่ยเลี้ยงดูไว้ข้างกาย เพื่อนางแล้ว ทั่วป๋าซู่เยวี่ยและหวงฝู่เยวี่ยเอ้อถึงกับห้ำหั่นกันมาหลายปี หากไม่ใช่เพราะทั่วป๋าซู่เยวี่ย นางก็แทบไม่นับเป็นสิ่งใดทั้งนั้น ทั้งย่อมไม่มีอะไร อวี่ไข่ เขาเป็นหลานที่ทั่วป๋าซู่เยวี่ยรักและเอ็นดูมากที่สุด เป็นคนที่ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพยายามที่จะปกป้อง ผลลัพธ์เล่า? พวกเขากลับวางแผนเพื่อครอบครองทรัพย์สินส่วนตัวของทั่วป๋าซู่เยวี่ย ทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็ได้บอกแล้ว หลังจากที่ตนเองล่วงลับไปก็ย่อมจะเหลือสิ่งของทั้งหมดไว้ให้กับพวกเขา แค่พวกเขาจะทนรอสักนิดก็ไม่ได้เลยหรือ คิดสารพัดวิธีให้ของมาอยู่ในมือก่อนแล้วค่อยว่ากัน แล้วเป็นอย่างไร? ยามนี้คงเข้าใจขึ้นมาแล้วว่า แม้จะมีเงินทองมากมาย แต่ไม่มีตระกูลซั่งกวนค่อยคุ้มกะลาหัว พวกเขาก็ไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้ทั้งนั้นสินะ!
“คุณชายใหญ่ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ความสัมพันธ์ทางสายเลือดก็ตัดขาดกันไม่ได้หรอกนะเจ้าค่ะ อย่างไรดีอวี่ไข่ก็มีสายเลือดของตระกูลซั่งกวน มีบิดาคนเดียวกับท่าน ไม่ว่าเขาจะเคยทำผิดอะไร ก็ขอร้องท่านช่วยไว้ชีวิตนี้ของเขาด้วยเถิดเจ้าค่ะ!” อนุภรรยาหนิงโขกศีรษะให้กับซั่งกวนเจวี๋ยอย่างสุดชีวิต นางรู้ว่าหากซั่งกวนเจวี๋ยไม่ออกหน้า อวี่ไข่ก็ย่อมต้องตายอย่างแน่นอน
พูดถึงเรื่องนี้ก็เป็นอวี่ไข่ที่แส่หาเรื่องก่อนเอง เขาจงใจผูกความสัมพันธ์ จากนั้นก็ดึงลูกผู้ลากมากดีพวกนั้นเข้ามาในตระกูล สร้างละครตลกร้ายโดยให้ลูกอ๋องฉีรับบทเป็นนักแสดงหลัก อ๋องฉีคนนั้นเป็นหนึ่งในเครือญาติฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แม้ว่าจะไม่ใช่บุคคลยิ่งใหญ่อะไร แต่ก็มีศักดิ์เป็นอ๋อง ลูกชายของเขาตายในระหว่างทางกลับจากลี่โจวไปเซิ่งจิง ทั้งยังตายอย่างไม่แน่ชัด ในใจเขาย่อมสุมไปด้วยเพลิงโทสะ แต่ว่า เบาะแสทั้งหมดล้วนบ่งชี้ไปที่ตระกูลทั่วป๋า แต่เขากลับรู้ดีแก่ใจว่าเป็นไปได้อย่างมากที่ซั่งกวนเจวี๋ยจะเป็นคนส่งคนมาลงมือ แม้เขาอยากจะแก้แค้นให้กับลูกชายอนุที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่กลับเป็นลูกที่เกิดจากชายารองที่เขาโปรดปรานมากที่สุดคนนั้น แต่คำโบราณก็กล่าวไว้ได้ดี ผู้ที่อ่อนแอย่อมเอาชนะผู้ที่แข็งแกร่งไม่ได้ ไม่ว่าจะตระกูลทั่วป๋าหรือตระกูลซั่งกวน ล้วนแต่แข็งแกร่งกว่าอ๋องตัวคนเดียวอย่างเขา เขานอกจากปลอบโยนชายาอันเป็นที่รักที่ร้องไห้อย่างปวดใจแล้ว ก็ทำได้เพียงมัดหุ่นฟางขึ้นมาแล้วแทงเข็มเพื่อระบายโทสะเท่านั้น
แต่ว่าในเดือนสาม ก็มีข่าวที่ทำให้เขาตื่นเต้นขึ้นมา…ลูกชายอนุของตระกูลซั่งกวน ผู้ที่ขุดหลุมพรางให้ลูกชายโง่เง่าของเขากระโดดลงไป จนต้องตายไกลบ้านนั้น ได้ถูกตระกูลซั่งกวนลบชื่อออกจากตระกูลด้วยสาเหตุที่ไม่อาจพูดได้ ข่าวนี้ทำให้อ๋องฉีเหมือนได้รับของที่ล้ำค่า รีบส่งคนไปสืบข่าวที่ลี่โจวทันที หลังจากแน่ใจว่าไม่ใช่ข่าวลือ ก็จับอวี่ไข่มัดทันที ไม่ให้โอกาสอันใดก็ลงมือกับเขาอย่างเหี้ยมโหด คล้อยหลังได้ให้คนส่งจดหมายไปที่บ้านของอวี่ไข่ กล่าวว่าเอาเงินมาหนึ่งล้านตำลึงก่อนจึงจะปล่อยคนไป
ในมืออวี่ไข่มีเงินหนึ่งล้านตำลึงหรือไม่ยังไม่ต้องพูดถึง แม้ว่าจะมี ให้เงินไปแล้วยังจะปล่อยคนจริงหรือ? ทั่วป๋าฉินซินกำลังอยู่เดือน ไม่อาจออกไปข้างนอกได้ ดังนั้นอนุภรรยาหนิงจึงกลับมาที่ตระกูลซั่งกวนด้วยจิตใจกระวนกระวาย แต่กลับถูกปฏิเสธอยู่หน้าประตู…ตระกูลซั่งกวนไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าๆ ออกๆ ได้เสียหน่อย
อนุภรรยาหนิงเดิมทีนั้นจิตใจว้าวุ้น รู้สึกสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด นางนับว่าตัวคนเดียว จึงคุกเข่าลงหน้าประตูอย่างแรงหากซั่งกวนเจวี๋ยไม่มาพบนาง นางก็จะคุกเข่าอยู่อย่างนั้นไม่ลุกขึ้นไปไหน อนุภรรยาหนิงจำต้องขอบคุณที่ตัวเองได้ให้กำเนิดลูกสาวที่ดีอีกคนหนึ่ง ลูกสาวที่ทำให้สองสามีภรรยาซั่งกวนฮ่าวและสองสามีภรรยาซั่งกวนเจวี๋ยโปรดปราน ดังนั้นพอนางคุกเข่าลงไป คนเหล่านั้นจึงทำได้เพียงนำเรื่องนี้ไปรายงานให้ซั่งกวนเจวี๋ยซึ่งถือเป็นผู้ดูแลตระกูลในยามนี้(สองสามีภรรยาซั่งกวนฮ่าวได้ออกเดินทางไปจือหยางแล้ว) จึงได้เกิดเป็นเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
“ความสัมพันธ์ทางสายเลือด?” มุมปากของซั่งกวนเจวี๋ยกระตุกรอยยิ้มเหยียดหยามขึ้น กล่าวอย่างเรียบเย็น “ที่แท้เจ้าก็ยังรู้ว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือดคืออะไร ข้ายังคิดว่าเจ้าไม่รู้เสียอีก!”
“คุณชายใหญ่…” เจียนีพยายามโขกศีรษะสุดชีวิต “ขอร้องท่านช่วยคุณชายรองด้วยเถิดเจ้าค่ะ! คุณชายน้อยยังไม่ทันครบเดือน หากเกิดอะไรไม่คาดคิดกับคุณชายรอง บ้านหลังนี้ก็คงต้องพังทลายไม่เป็นชิ้นดีแล้ว ขอท่านช่วยเขาด้วยเถิดเจ้าค่ะ!”
“เขาไม่ใช่คนของตระกูลซั่งกวนแล้ว พวกเจ้าไม่ควรมาขอร้องที่ตระกูลซั่งกวน!” ซั่งกวนเจวี๋ยมองทั้งสองคนอย่างเยือกเย็น กล่าวเสียงเรียบนิ่ง “เขาไม่ใช่ลูกเขยของตระกูลทั่วป๋าหรอกหรือ? พวกเจ้าควรไปขอร้องตระกูลทั่วป๋ามากกว่า ข้าเชื่อว่าพวกเขาย่อมจะช่วยเหลือด้วยความเต็มใจเป็นแน่”
ในปากของอนุภรรยาหนิงล้วนเต็มไปด้วยรสขมปร่า ยามที่ซั่งกวนฮ่าวส่งซั่งกวนจิ่นมาแจ้งอวี่ไข่ว่าเขาได้ถูกลบชื่อออกจากตระกูล ครึ่งเดือนให้หลัง ตระกูลทั่วป๋าก็ส่งคนมาแจ้งว่าอวี่ไข่ว่าแม้เขาจะยังเป็นลูกเขยของตระกูลทั่วป๋า แต่เรื่องของเขานั้นตระกูลทั่วป๋าย่อมไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป ให้เขาดูแลตัวเองดีๆ ทั้งเรื่องนี้เกิดที่ลี่โจว ตระกูลทั่วป๋าไหนเลยจะสนใจความเป็นความตายของเขา!
“คุณชายใหญ่ แม้ว่าจะเห็นแก่หน้าของคุณหนูสามก็ตาม อย่างไรขอท่านช่วยคุณชายรองด้วยเถิดเจ้าค่ะ!” เจียนีเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง รู้ว่าในยามนี้ หากเอาแต่ใช้เรื่องความสัมพันธ์ทางสายเลือดมาเกลี้ยกล่อมซั่งกวนเจวี๋ย คงมีแต่ทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยยิ่งต่อต้านมากขึ้นเท่านั้น…การกระทำก่อนหน้านี้ของพวกเขานั้นได้ทำลายสายสัมพันธ์ที่เปราะบางแหลกเหลวจนไม่มีชิ้นดไปแล้ว ตอนที่ตัวเองทำเรื่องไม่เคยคิดถึงความสัมพันธ์ต่อกัน แต่ในยามที่ขอร้องกลับให้คนอื่นพยายามนึกถึงความสัมพันธ์เสียอย่างนั้น นี่ไม่ตลกไปหน่อยหรือ? ยามนี้จึงทำได้เพียงอาศัยฐานะของพิงถิงเท่านั้นว่าจะสามารถช่วยชีวิตของอวี่ไข่ได้หรือไม่!
ซั่งกวนเจวี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ยังคงเป็นเจียนีที่พูดถูกจุด เขาไม่สนใจความเป็นความตายของอวี่ไข่ได้ แต่กลับไม่อาจไม่คำนึงถึงผลกระทบเรื่องนี้ต่อพิงถิงได้ นางเพิ่งจะแต่งเข้าตระกูลสวีไปสามเดือนกว่าเท่านั้น หากในเวลานี้พี่ชายของนางเกิดเรื่อง ย่อมก่อผลเสียกับนางอย่างแน่นอน
“เจวี๋ยเอ๋อร์ อย่างไรเจ้าออกหน้าจัดการเรื่องนี้น่าจะดีกว่า” หลังจากทั่วป๋าซู่เยวี่ยได้ยินเรื่องที่อนุภรรยาหนิงคุกเข่าที่หน้าประตูก็ตามมา นางอยากจะเห็นว่าคนที่สติฟั่นเฟือนพวกนี้จะมีจุดจบเช่นไร(นางแทบจะลืมไปแล้วว่าตัวเองก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเช่นกัน) แต่หลังจากฟังคำพูดของเจียนีก็อดแค้นเคืองในใจไม่ได้ ตัดสินให้ซั่งกวนเจวี๋ยออกหน้าช่วยคนกลับมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“ฮูหยินใหญ่…” อนุภรรยาหนิงราวกับมองเห็นแสงสว่าง คุกเข่าปีนขึ้นไปเบื้องหน้าทั่วป๋าซู่เยวี่ยทันที กล่าวอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณฮูหยินใหญ่ที่ยอมเมตตาพวกเรา ภายหลังพวกเราย่อมจะแสดงความกตัญญูต่อท่าน…”
“ไสหัวไป!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างรังเกียจ ไม่ให้อนุภรรยาหนิงมาแตะต้องโดนตัวเอง รู้สึกสกปรกเป็นที่สุด กล่าวอย่างเรียบเย็น “เจ้ากลับไปบอกพวกเขา นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ตระกูลซั่งกวนจะออกหน้าเพื่อพวกเจ้า หากภายหลังมีเรื่องเช่นนี้อีก ข้าจะให้ฮ่าวเอ๋อร์จัดการอวี่ไข่เสีย ป้องกันการสร้างปัญหาในภายหลัง ขายหน้าขายตาให้กับคนอื่น!”
อนุภรรยาหนิงชะงักไปเล็กน้อย แต่ทั่วป๋าซู๋เยวี่ยก็ไม่เปิดโอกาสใดใดให้นางได้เข้าใกล้ พยักหน้าเป็นนัยให้ซั่งกวนเจวี๋ย ก่อนจะหมุนกายเดินจากไป นางในยามนี้แม้แต่จะมองก็ไม่ยินดีที่จะมองคนพวกนี้สักนิด
“คุณชายใหญ่…” อนุภรรยาหนิงมองตามทั่วป๋าซู๋เยวี่ยอย่างคาดหวัง เมื่อนางจากไปก็หันศีรษะมามองซั่งกวนเจวี๋ยทันที อยากเห็นว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
“โม่เซียง เจ้าพาคนสองคนไปกับนางหน่อย พาคนส่งกลับไปที่บ้านเขา ไม่มีความจำเป็นต้องลากกลับมาที่ตระกูลซั่งกวนให้อับอายขายขี้หน้า!” ซั่งกวนเจวี๋ยไม่สนใจอนุภรรยาหนิงแม้แต่น้อย กล่าวอย่างเรียบนิ่ง “หากอ๋องฉีไม่พอใจอันใด ก็ให้เขามาพูดกับข้าโดยตรง!”
“ขอรับ!” โม่เซียงพยักหน้า เข้าใจความคิดของซั่งกวนเจวี๋ย พูดให้กระจ่างก็คือป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องลำบากใจใดใดต่อคุณหนูพิงถิง นางจะเป็นนายหญิงของตระกูลสวีแห่งจิ้นหยาง หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับพี่ชายตัวเองคงจะไม่ดีนัก
มีโม่เซียงออกหน้า อนุภรรยาหนิงก็มีความกล้าขึ้นมา ผ่านไปครึ่งชั่วยามก็ไปถึงเบื้องหน้าลูกสมุนของอ๋องฉี คนพวกนั้นเห็นตระกูลซั่งกวนออกหน้า ก็มอบอวี่ไข่ที่ถูกตีเกือบตายให้กับอนุภรรยาหนิง แม้ว่าจะไม่ได้ทำภารกิจที่อ๋องฉีมอบหมายให้สำเร็จทั้งหมด แต่สามารถทำได้ถึงจุดนี้ อ๋องฉีคงพอใจแล้วเช่นกัน รอหลังจากอนุภรรยาหนิงร้องห่มร้องไห้พาอวี่ไข่ไป พวกเขาก็ออกจากลี่โจวเช่นกัน ทั้งไม่คิดจะมาเหยียบอาณาเขตตระกูลซั่งกวนอีกต่อไป
และอนุภรรยาหนิงที่พาอวี่ไข่กลับบ้าน ในยามที่เชิญหมอมารักษาจึงเพิ่งรู้ว่า ร่างกายของอวี่ไข่ที่ดูเหมือนจะบาดเจ็บหนัก แท้จริงกลับบาดเจ็บภายนอกเพียงผิวเผินเท่านั้น พักรักษาเดือนสองเดือนก็หายเป็นปกติได้ แต่สิ่งที่ร้ายแรงกว่าคือเอ็นร้อยหวายของเขาถูกคนใช้วิธีลับตัดจนขาด แม้ว่าจะให้อินหงหลันออกโรงรักษาให้เขาดีขึ้น ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่อาจจะหลีกหนีไม้ค้ำพยุงพ้นอยู่ดี
อนุภรรยาหนิงเป็นลมล้มพับทันที…ลูกชายของนาง ที่พึ่งพิงทั้งชีวิตของนาง ความหวังเดียวของนาง กลับถูกทำลายจนไม่เหลืออะไร…
แม่นมหนิงเองเกือบจะเป็นลมไปเช่นกัน แต่ยังคงยืนกรานให้ท่านหมอรักษาสุดความสามารถเท่าที่เขาจะทำให้อวี่ไข่ได้ จากนั้นก็กำชับคนรับใช้ให้ดูแลอวี่ไข่ดีๆ คล้อยหลังได้นำเรื่องนี้ไปบอกทั่วป๋าฉินซินอย่างละเอียด ยามนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออยากเห็นว่านางจะมีท่าทีอย่างไร
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?” ทั่วป๋าฉินซินร้องขึ้นมาอย่างไม่อาจปกปิดความเจ็บปวดได้ จากนั้นจึงออกคำสั่งติดต่อกันออกไป “แม่นมอี้ นำเรื่องนี้ไปบอกท่านพ่อและพี่ใหญ่ทันที ย่อมต้องเรียกความเป็นธรรมให้แก่อวี่ไข่ ชิงหยา ชิงเย่ นับแต่จากนี้ไปพวกเจ้าต้องดูแลคุณชายรองอย่างไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว แม่นมหนิงขอเจ้าจัดเก็บสิ่งของดีๆ ที่พอจะมีในมือ รอลุงอินกลับมาลี่โจว ข้าจะไปขอร้องเขา ย่อมจะต้องสามารถรักษาอวี่ไข่ให้ดีๆ ได้…”
สิ่งที่แม่นมหนิงเอาแต่กังวลก็หมดห่วงเสียที ชั่วชีวิตนี้นางล้วนคุ้นชินกับการฟังคำสั่งจากผู้อื่น ยามนี้ก็ไม่ยกเว้น แต่เมื่อลองมองดู ฉินซินก็มีความรู้สึกกับอวี่ไข่ไม่น้อยเช่นกัน…
แต่หลังจากแม่นมหนิงหมุนกายจากไป ใบหน้าที่เจ็บปวดและกังวลของฉินซินก็อันตรธานไปหมด แทนที่ด้วยใบหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ก็ไม่ร้องไห้ เหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้มอย่างมีความสุข ชิงหยาและชิงเย่ต่างโอบกอดนางทั้งสะอึกสะอื้น…ในที่สุด การเสแสร้งในเวลาสองปีกว่า การวางแผนร่วมสองปีกว่า ทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็นับว่าได้รับผลกรรมแล้ว ท้ายที่สุดอวี่ไข่ก็ล่วงลงถึงจุดนี้เช่นกัน ที่เหลือทำแค่เพียงลับมีดให้ทู่หน่อย จากนั้นค่อยๆ ใช้มีดทื่อนั้นทรมานชายหนุ่มที่ทำลายชีวิตของนางทั้งชีวิตผู้นี้…