เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 268 เรียนรู้กฎระเบียบเป็นอันดับแรก
ไม่รู้ว่าคุณหนูสุราพูดอะไรกับมู่หรงปั๋วอวี่ อย่างไรวันที่สองหลังจากที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน มู่หรงปั๋วอวี่ก็บอกลาซั่งกวนฮ่าวด้วยใบหน้าที่ดำคล้ำ ด้านซั่งกวนเจวี๋ย เขาก็ทักทายพอเป็นพิธี จากนั้นก็ออกจากตระกูลซั่งกวนไปอย่างไม่พอใจนัก วันที่สองก็ไปจากลี่โจว ผู้ที่คอยสอดส่องเขากลับมารายงานว่าเขามุ่งหน้าไปทางโยวโจว ดูท่าคงจะกลับตระกูลมู่หรง คุณหนูสุราสามารถพูดจนไล่มู่หรงปั๋วอวี่ที่ติดหนึบออกไปได้ ซั่งกวนเจวี๋ยกลับรู้สึกนับถือเป็นอย่างมาก แต่ก็มีความระแวดระวังต่อคนผู้นี้เพิ่มขึ้นมาเช่นกัน
“คุณหนูโม่มีความคิดอย่างไรกับคำแนะนำของข้าบ้าง?” ช่วงอาหารเย็น เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็กล่าวขึ้นอย่างเกรงใจกับคุณหนูสุราที่เผยแววตาลำพองใจ มู่หรงปั๋วอวี่จากไปแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องทนนางอีกต่อไป ทั้งควรถึงเวลาที่ต้องจัดการนางแล้วเช่นกัน
“คำแนะนำอันใดของสะใภ้ใหญ่?” คุณหนูสุราไม่เห็นคำแนะนำของเยี่ยนมี่เอ๋อร์อยู่ในสายตาสักนิด ในความคิดของนาง การที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะตกกระป๋องเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว ซั่งกวนเจวี๋ยให้คำมั่นสัญญาว่าจะแต่งตัวเองเข้าตระกูลแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องมีสีหน้าดีอะไรให้นาง
“มี่เอ๋อร์ กับคนเช่นนางยังจะต้องมีคำแนะนำอะไรอีก?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ก็กล่าวด้วยสีหน้าไม่ยินดีทันที “ข้าไม่ใช่พูดกับเจ้าแล้วหรอกหรือ? กับหญิงสาวชาวยุทธภพที่ต้อยต่ำเช่นนี้ไม่ใช่คนที่เจ้าควรเข้าไปเกลือกกลั้ว จะทำให้เจ้าแปดเปื้อนไปกับนิสัยแบบพื้นๆ ได้…”
คำพูดที่พร่ำสอนของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์น้อมรับฟังอย่างว่าง่าย ทั้งทำให้คุณหนูสุราหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาในชั่วพริบตา คาดไม่ถึงว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะแสร้งตีวัวกระทบคราด ตำหนิเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ทั้งที่จริงแล้วกลับว่าให้ตัวเองอย่างไม่เกรงใจ ขาดเพียงไม่ได้กล่าวกับตัวเองว่าต่ำต้อยไร้อารยะธรรม กำเริบเสิบสานไม่รู้จักกาลเทศะ ทั้งเสแสร้งจอมปลอมออกมาอย่างตรงๆ เท่านั้น ทำให้นางโกรธขึ้นเป็นฟืนเป็นไฟ อยากจะถลาเข้าไปฉีกหน้าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อทั้งเดี๋ยวนั้น
“มี่เอ๋อร์ทราบแล้ว!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์น้อมรับคำสอนของหวงฝู่เยวี่ยเอ้ออย่างถ่อมตัว คำพูดนี้ได้ผ่านการขัดเกลามาจากนางจึงค่อยสอนให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อ ไม่มีคำผรุสวาท แต่กลับสามารถทำให้คนที่ได้ยินแทบอยากจะกระอักเลือดออกมา ซั่งกวนฮ่าวและซั่งกวนเจวี๋ยล้วนรู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังที่อยู่ภายใน ต่างก็อดที่จะยกนิ้วโป้งชื่นชมเยี่ยนมี่เอ๋อร์ขึ้นมาในใจไม่ได้
“เอาเถิด เจ้าจะแนะนำอะไรนาง?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อคล้ายจะพอใจแล้ว(เห็นเส้นเลือดที่มือคุณหนูสุราตึงเขม็ง นางก็ย่อมรู้สึกพอใจขึ้นมาเล็กน้อย) เอ่ยถามอย่างเรียบนิ่ง
“คุณหนูโม่และสามีรู้จักกันมานานแล้ว ทั้งยังเข้ากันได้ไม่เลว มี่เอ๋อร์อยากจะแต่งหน้าแต่งตัวให้คุณหนูโม่ ส่งเข้าไปปรนนิบัติสามีในห้องนอน” คำพูดของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ทำให้คุณหนูสุราแทบจะกระโดดขึ้นมา เช่นนั้นที่มาพูดคุยกับตัวเองอย่างจริงใจอยู่ครึ่งค่อนวัน ผลปรากฏว่ากลับคิดอยากส่งตัวเองไปในฐานะเมียบ่าวอย่างนั้นหรือ? มิน่าเล่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนจึงกล่าวว่านางมากเล่ห์ ดูท่าจะไม่ได้พูดผิดแม้แต่น้อย!
“เจ้าหมายความว่าจะให้นางเป็นเมียบ่าวของเจวี๋ยเอ๋อร์?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้ออยากจะขำออกมา หญิงสาวคนนั้นวางมาดหยิ่งยโสทระนงตน กระทั่งตัวเองยังไม่เห็นอยู่ในสายตา แต่จะให้เป็นเมียบ่าว? กลัวว่าแม้จะให้เป็นอนุภรรยาก็คงไม่ยินยอมกระมัง!
“ข้ารู้ว่าทำเช่นนี้ดูเหมือนจะไม่เหมาะสมอยู่บ้าง” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยยิ้มเล็กน้อย “ตระกูลซั่งกวนไม่ใช่ตระกูลที่ธรรมดาทั่วไป อย่าพูดถึงคนในห้องของสามีเลย แม้ว่าจะเป็นสาวใช้ใหญ่ที่คอยรับใช้ข้างกายก็ล้วนต้องเป็นคนที่เกิดในตระกูลที่พื้นเพใสสะอาด ไม่ว่าจะเป็นม่านเหลียนและม่านเหอก่อนหน้านี้ หรือสุ่ยหลิงสุ่ยเยวี่ยที่รับใช้ข้างกายสามีในตอนนี้ล้วนแต่เป็นหญิงสาวที่โดดเด่น ข้าก็เคยคิดจะเลื่อนตำแหน่งให้พวกนางเช่นกัน แต่สามีกลับไม่ได้มีใจให้กับพวกนางเช่นนั้น แม้ว่าคุณหนูโม่จะมีชาติกำเนิดเป็นหญิงสาวยุทธภพ ทั้งมักจะใช้หน้ากากปกปิดใบหน้า ไม่รู้ว่ารูปลักษณ์เป็นเช่นไร แต่สามีพูดกับนางถึงขนาดนั้นแล้ว ก็คงทำได้เพียงรับแก้ขัดไปก่อน!”
แก้ขัด? คุณหนูสุราแทบจะลมขึ้นจนหายใจไม่ทัน ก่อนหน้านี้นางไม่ได้พูดเช่นนี้เสียหน่อย!
“มี่เอ๋อร์?” ซั่งกวนเจวี๋ยแสร้งร้องเรียกออกมาอย่างไม่พอใจ แต่แววตาของเขากลับปกปิดรอยยิ้มไม่อยู่ ทรยศกับความคิดของตัวเองโดยสิ้นเชิง ทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ส่งสายตาให้เขาไปที
“สามีมีความเห็นอย่างอื่นอย่างนั้นหรือ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กล่าวถามอย่างอ่อนโยน จากนั้นไม่นานก็ทำให้คนทั้งโต๊ะเห็นอย่างชัดเจนว่านางส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ
“หรือมี่เอ๋อร์จะถามว่าเจ้ามีความเห็นอะไรไม่ได้?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเปิดปากทันที กล่าวกับซั่งกวนเจวี๋ยอย่างมีโทสะ “หญิงสาวที่มีที่มาไม่ชัดเจน ทั้งกิริยาไม่เหมาะสมเช่นนี้ สามารถแต่งเข้าตระกูลซั่งกวนได้ก็เป็นบุญคุณมากแล้ว ในความคิดของข้า หากไล่นางออกไปจึงจะนับว่าเหมาะสมที่สุด ป้องกันไม่ให้หญิงสาวที่มีความคิดไม่ซื่อตรงเช่นนี้ทำลายระบบระเบียบที่คนของตระกูลซั่งกวนสืบทอดกันมา!”
“ท่านแม่…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เอ่ยปากอย่างกระเง้ากระงอด “สามีเพียงเรียกชื่อข้าเท่านั้น เหตุใดท่านกลับสั่งสอนเช่นนี้เสียแล้ว ข้าคิดว่าสามีย่อมไม่กระจ่างในความหมายของข้า คงอยากจะฟังคำอธิบายจากข้าอีกสักหน่อย”
“เช่นนั้นเจ้าก็อธิบายเถิด!” น้ำเสียงของซั่งกวนเจวี๋ยนับว่ายังคงเยือกเย็น
“ข้ารู้ว่าคุณหนูโม่และสามีรู้จักกันมานานแล้ว ทั้งสามียังเห็นคุณหนูโม่เป็นคนรู้ใจ สองปีก่อน คุณหนูโม่ได้เผยความในใจที่มีต่อสามีต่อหน้าสาธารณะชน ทั้งเปิดเผยว่ายินดีที่จะเป็นอนุภรรยา แต่เพราะยามนั้นเป็นช่วงที่เราทั้งสองคนเพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ สามีไม่อาจยอมให้ข้าถูกทำร้ายและเสียใจได้ จึงปฏิเสธคุณหนูโม่อย่างไร้เยื่อใย ทำให้คุณหนูโม่จากไปอย่างเงียบๆ ไม่ได้ปรากฏกายออกมาอีกเลย” คำพูดของเยี่ยนมี่เอ๋อร์กล่าวได้อย่างน่าฟัง แย้มยิ้มเล็กน้อย “คาดไม่ถึงว่าหลังจากที่คุณหนูโม่หายไปถึงสองปีแล้ว จะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ข้าคิดว่าคุณหนูโม่คงเตรียมที่จะเป็นเมียบ่าวหรือเป็นอนุมาดีแล้วจึงได้ปรากฏกายขึ้น แม้ว่ามี่เอ๋อร์จะไม่ใช่คนใจกว้างอะไร แต่ก็มีนิสัยที่เมตตา ย่อมทำให้คุณหนูโม่สมปรารถนา ดังนั้น หลายวันก่อนจึงได้พูดคุยกับคุณหนูโม่ แม้ว่าเวลานั้นคุณหนูโม่จะไม่ได้รับปากในทันที แต่ดูแล้วก็มีความสนใจ ทั้งยังเป็นฝ่ายกล่อมมู่หรงปั๋วอวี่ให้จากไป จุดประสงค์ก็เพื่อรั้งตัวอยู่ที่ตระกูลซั่งกวน คอยปรนนิบัติข้างกายสามีไม่ใช่หรือ?”
“ข้าเคยพูดไปแล้วว่าข้าไม่ได้คิดจะแทรกแซงระหว่างพวกเจ้าสองสามีภรรยา!” คุณหนูสุรามองเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างเย็นเยียบ อะไรคือเป็นอนุเป็นเมียบ่าวกัน นางไม่ยินดีเสียหน่อย!
“หากไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น…เหตุใดคุณหนูโม่จึงเป็นฝ่ายมาหาพวกเราถึงหน้าประตูเล่า?” ใบหน้าเปื้อนยิ้มของเยี่ยนมี่เอ๋อร์กลับยิ้มไม่ถึงดวงตา กล่าวอย่างเรียบนิ่ง “ได้ยินท่านแม่กล่าวว่าเดิมทีคุณหนูได้จากไปแล้ว ปรากฏว่าไม่รู้เพราะสาเหตุใด หลังจากออกไปสองวันก็มาหาถึงหน้าประตูอีกครั้ง คล้อยหลังก็ยังเป็นฝ่ายร้องขอกลับลี่โจวกับสามี คุณหนูสามารถอธิบายหน่อยได้หรือไม่ ว่าเป็นเพราะเหตุใด?”
“ข้า…” จู่ๆ คุณหนูสุราก็รู้สึกว่า ไม่ว่าตัวเองจะตอบอย่างไรก็ล้วนจะถูกเยี่ยนมี่เอ๋อร์จับจุดอ่อนไว้ จึงส่งสายตามองซั่งกวนเจวี๋ยทันที หวังว่าเขาจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ให้ตัวเองได้
“มี่เอ๋อร์ คุณหนูสุราได้รับคำเชิญจากข้าจึงมาที่ลี่โจว!” ซั่งกวนเจวี๋ยคล้ายจะกล่าวอธิบาย น้ำเสียงยังแฝงด้วยความไม่พอใจอย่างเลือนราง
“เป็นเช่นนี้หรือ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์แย้มยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวอย่างใจกว้าง “เอาเถิด ถือว่าเป็นเช่นนี้ก็ได้! แต่ว่าข้าอยากรู้เป็นอย่างมากว่าเหตุใดหลังจากออกไปพร้อมกับลุงอินแล้ว คุณหนูจึงย้อนกลับมาที่เรือนพำนักอีกครั้ง ไม่ทราบว่า…คุณหนูโม่สามารถอธิบายสักหน่อยได้หรือไม่?”
หากข้ารู้ว่าคุณหนูสุราตัวจริงปรากฏตัวออกมาก็คงไม่ไปหาถึงประตูอย่างตรงๆ หรอก แต่จะสร้างสถานการณ์พบกันอย่างบังเอิญแทน! คุณหนูสุราร้อนใจอยู่บ้าง นี่เป็นช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุดของนาง ทั้งยังเป็นจุดที่อันตรายที่สุดด้วย
“นั่นเพราะว่าคุณหนูสุราและข้านัดกันไว้แล้ว จงใจจากไปก็เพราะอยากสลัดให้ปั๋วอวี่จากไป จึงได้แสร้งออกไปพร้อมกับลุงอิน!” ซั่งกวนเจวี๋ยเผยน้ำเสียงที่ไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม ทำให้คุณหนูสุราที่ได้ยินจิตใจเบิกบานเป็นอย่างมาก อยากจะจุมพิตซั่งกวนเจวี๋ยสักทีหนึ่งทั้งเดี๋ยวนั้น
“ก็หมายความว่าคุณหนูสุราและสามีมีความรู้สึกให้แก่กันอยู่แล้ว เช่นนั้นเรื่องที่ข้าเสนอก็คงตรงกับใจของสามีพอดี สามีควรจะดีใจสิ!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยยิ้มบาง “สามีกระจ่างชัดในกฎของตระกูลยิ่งกว่ามี่เอ๋อร์ ข้าคิดว่าคุณหนูคงไม่อาจจะปรับตัวได้ในระยะเวลาสั้นๆ คิดจะรับคุณหนูโม่ในฐานะเมียบ่าวก่อน รอจนนางปรับตัวกับกฎระเบียบและการใช้ชีวิตของตระกูลซั่งกวนได้แล้ว หลังจากตั้งท้องก็เลื่อนตำแหน่งให้เป็นอนุภรรยา นี่ก็เป็นเรื่องเหมาะสมตามทางของมันแล้ว”
“มี่เอ๋อร์ก็ใจอ่อนเช่นนี้ หากเป็นข้าย่อมยืนกรานไม่อาจจะยอมรับผู้หญิงเช่นนี้ได้!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อมองคุณหนูสุราที่ลอบส่งสายตาหวานซึ้งให้ซั่งกวนเจวี๋ยอย่างเย็นเยียบ หากไม่ใช่กังวลว่าจะเกิดบาดหมางกับซั่งกวนฮ่าว นางก็คงจัดการกับหญิงสาวคนนี้อย่างดุเดือดไปแล้ว ให้นางได้หายไปตลอดกาล
“คุณหนูสุราย่อมไม่อาจเป็นอนุหรือเมียบ่าว!” ซั่งกวนเจวี๋ยข่มกลั้นความรู้สึกขยะแขยงที่มาจากสายตาหวานซึ้งนั้น มองที่มารดาและเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างเรียบเย็น “ข้ารับปากกับคุณหนูสุราแล้ว หากนางยินดี ย่อมจะรับนางในตำแหน่งภรรยา ข้าไม่อาจผิดคำพูดได้!”
“อะไรนะ?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อแทบที่จะแผดเสียงขึ้นมา ด้านมี่เอ๋อร์ก็ลอบเคลื่อนย้ายลมปราณ ใบหน้าไร้สีเลือดขึ้นมาทันที ซีดเซียวจนน่าตกใจ ให้ความรู้สึกราวกับอยากจะเป็นลมล้มพับไป
“เจวี๋ยเอ๋อร์ คำพูดบางคำไม่อาจจะพูดเรื่อยเปื่อยได้!” เวลานี้ซั่งกวนฮ่าวอดกล่าวออกมาไม่ไหว แม้ว่าจะเป็นการแสดงก็ไม่อาจจะพูดเช่นนี้ได้ หากคุณหนูสุราตัวจริงกลับมา ต้องการให้ซั่งกวนเจวี๋ยทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้เช่นนี้ จะไม่กลายเป็นปัญหาได้อย่างไร
“หลังจากลูกไตร่ตรองอย่างดีแล้วจึงตัดสินใจ!” ซั่งกวนเจวี๋ยกล่าวอย่างจริงจัง “หากเป็นภรรยารอง ทางผู้อาวุโสย่อมไม่เห็นด้วย พวกเขาย่อมไม่อยากเห็นสถานการณ์ที่ภรรยาเอกและภรรยารองเป็นปฏิปักษ์กันอีกครั้ง ลูกก็ไม่อยากให้เรื่องราวเช่นนั้นเกิดขึ้นเหมือนกัน ดังนั้นลูกจึงหวังว่าจะสามารถรับคุณหนูสุราเข้าตระกูลในฐานะเช่อชี!”
เพียงแค่เช่อชีอย่างนั้นหรือ? คุณหนูสุราผิดหวังเป็นอย่างมาก และความผิดหวังนั้นก็ปรากฏในดวงตาของนางเช่นกัน ซั่งกวนเจวี๋ยมองเห็นอย่างชัดเจน ในใจนั้นลอบยิ้มอย่างเยือกเย็น หากไม่ใช่เพราะต้องร่วมมือกับมี่เอ๋อร์ เพื่อหาที่ระบายให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อละก็ แม้กระทั่งฐานะเช่อชีก็ไม่อาจเจียดออกมาให้สัญญาจอมปลอมกับนางเช่นกัน
“ข้าย่อมไม่เห็นด้วย!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อกระโดดขึ้นมาคัดค้านทันที แม้ว่าจะเพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเองจัดการกับหญิงสาวคนนี้อย่างดุเดือดก็ไม่อาจเห็นด้วยเช่นกัน นางเหลือบมองลูกสะใภ้ กลับพบว่าสีหน้าของนางยังไม่ฟื้นคืนสภาพปกติด้วยซ้ำ ทั่วทั้งร่างคล้ายคนที่ตกตะลึงจนอึ้งไป ทั้งเหมือนกับโมโหจนดึงสติกลับมาไม่ทันอยู่บ้าง
“มี่เอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อยังไม่ทันได้เป็นห่วง ซั่งกวนฮ่าวก็ถามอย่างเป็นกังวลขึ้นมาก่อน เขาในยามนี้เห็นใจมี่เอ๋อร์เป็นอย่างมากที่ต้องจะยอมรับการโจมตี แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องโกหก แต่สามีกล่าวว่าจะรับภรรยาเพิ่มก็เป็นเรื่องที่ทำให้คนปวดใจอยู่ดี
“ข้าไม่เป็นอะไร!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยยิ้มขมขื่น มองซั่งกวนเจวี๋ย กล่าวเจรจาอย่างเสียใจอยู่บ้าง “หากสามีไม่อยากให้คุณหนูโม่ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็รับนางในฐานะอนุภรรยาเลยดีหรือไม่?”
“ไม่ได้!” ซั่งกวนเจวี๋ยไม่เหลือทางให้เจรจา หากก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดคุยปรึกษากับนางดีๆ ละก็ เขาคงจะถูกท่าทีของนางหลอกเอาเช่นกัน ดูเหมือนจะเจ็บปวดและเศร้าใจอยู่จริงๆ!
“คุณหนูโม่ หากแค่ตำแหน่งอนุภรรยา ขอเพียงแค่ธรรมเนียมมารยาทอย่างง่ายๆ ก็เพียงพอแล้ว แต่หากแต่งเข้ามาในฐานะเช่อชี คุณหนูจะต้องเรียนรู้กฎระเบียบและธรรมเนียมก่อน” เยี่ยนมี่เอ๋อร์คล้ายกับว่าจะไม่มีวิธีแล้ว หันไปมองคุณหนูสุราด้วยสายตาเรียบเย็น “กฎระเบียบของตระกูลซั่งกวนมีมาก ธรรมเนียมก็ซับซ้อน หากคุณหนูจะผ่านด่าน ย่อมต้องประสบกับความยากลำบากมากมาย…”
“ข้าไม่กลัวลำบาก!” คุณหนูสุราปฏิเสธความปรารถนาดีที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตักเตือนอย่างไม่เกรงใจ(เป็นความปรารถนาดีจริงๆ) กล่าวอย่างเรียบนิ่ง “ข้าไม่ใช่คนที่หัวทึบ ไม่ใช่ว่ากระทั่งกฎระเบียบและธรรมเนียมมารยาทก็เรียนรู้ไม่ได้เสียหน่อย!”
“เช่นนั้นก็เอาแบบนี้เถิด!” ซั่งกวนเจวี๋ยไม่สนใจแต่ละคนที่เผยสีหน้าแตกต่างกันออกไป กล่าวตรงๆ “พรุ่งนี้ข้าจะไปเรือนพำนักอวี้ฉิง เชิญแม่นมที่มีคุณธรรมและบารมีจำนวนหนึ่งกลับมาที่จวน ข้าคิดว่าเวลาครึ่งเดือนก็น่าจะพอแล้ว รอคุณหนูสุราเรียนรู้กฎระเบียบเสร็จแล้ว ก็เตรียมจัดงานแต่งของพวกเรา”
“เจวี๋ยเอ๋อร์ เรื่องนี้จำเป็นต้องครุ่นคิดอย่างรอบคอบ!” ซั่งกวนฮ่าวขมวดคิ้ว จู่ๆ เขาก็สงสัยเป็นอย่างมากว่าเป็นลูกชายของตัวเองที่ตกหลุมพรางจริงๆ หรือไม่ หญิงสาวตรงนี้ไม่ใช่ตัวปลอมอะไร แต่เป็นโม่จิ้งตัวจริง ซั่งกวนเจวี๋ยคิดอยากจะบิดเบือนความจริง จากนั้นก็ทำให้เรื่องเกินเลยจนสายเกินแก้?
“หากหลังจากครึ่งเดือน คุณหนูสุราเรียนกฎระเบียบไม่ผ่าน ข้าย่อมจะใคร่ครวญอย่างดีๆ!” ยามที่ซั่งกวนเจวี๋ยพูดประโยคนี้ก็ลอบส่งสายตาเป็นนัยให้ซั่งกวนฮ่าว คิ้วของซั่งกวนฮ่าวยังขมวดไม่คลาย แต่ก็ไม่ได้พูดอันใด กระนั้นในใจเขาก็ได้วางแผนไว้แล้ว ไม่ว่าจะเรียนเป็นอย่างไร หญิงสาวคนนี้ก็ไม่อาจจะผ่านด่านกฎระเบียบอย่างแน่นอน
หวงฝู่เยวี่ยเอ้อขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่า ผลลัพธ์เหมือนกับที่มี่เอ๋อร์พูด ส่งแม่นมไปสั่งสอนกฎระเบียบให้ผู้หญิงคนนี้ไม่กี่คน แต่วิธีการนั้นดูเหมือนจะอยู่เหนือการควบคุม หากว่า…ช่างเถิด อย่างไรก็ค่อยดูไปทีละขั้นเถิด! ดูท่าแล้วซั่งกวนฮ่าวเองก็คัดค้านเช่นกัน หากไม่เข้าท่าจริงๆ ก็ทำให้หญิงสาวคนนี้หายไปอย่างตรงๆ ถึงเวลานั้นเพื่อความสงบสุขของตระกูลซั่งกวน แม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่อาจจะคัดค้านอย่างรุนแรงหรอก!
———————————-