เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 27 คุยยามค่ำคืน
“คุณหนูรองพูดเช่นนี้หรือ?” น้ำเสียงของอู๋เลี่ยนเยี่ยนเยือกเย็นราวกับเจือเศษน้ำแข็ง ไม่ต้องพูดถึงสาวใช้ที่บีบไหล่นวดหลังให้อนุภรรยาอู๋ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่ม แม้แต่อนุภรรยาอู๋เองฟังแล้วก็ยังรู้สึกหนาวสั่น
“ไม่เลว!” อนุภรรยาอู๋เหนื่อยเกินกว่าจะลืมตา งานแต่งของซั่งกวนเจวี๋ยมีเรื่องต้องทำมากมาย นางก็งานยุ่งจนปลีกตัวไม่ได้ จึงบอกคำพูดของจิงอิ๋งกับอู๋เลี่ยนเยี่ยนที่รอข่าวอยู่ในห้องของนางตั้งแต่ต้นจนจบ แทนที่จะให้นางไปถามคนอื่นเพื่อรักษาหน้าไว้
“ดูท่านางจะประทับใจคุณหนูตระกูลเยี่ยนอย่างมากเชียว” อู๋เลี่ยนเยี่ยนรู้สึกแย่มาก ซั่งกวนเจวี๋ยรักจิงอิ๋งมาก มุมมองของจิงอิ๋งจะส่งผลต่อซั่งกวนเจวี๋ยไม่มากก็น้อย นางหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วพูดว่า “ไม่ได้ ข้าต้องชิงไปพบหน้านางสักครั้งก่อนทุกคน ข้าอยากเห็นว่านางเป็นคนอย่างไร”
“เจอแล้วอย่างไรเล่า? เจ้าจะทำอะไรได้?” อนุภรรยาอู๋บิดคอที่เมื่อยล้าพลางกล่าวว่า “ตอนนี้จะพูดอะไรหรือทำอะไรก็ไร้ประโยชน์ นางจะกลายเป็นภรรยาคุณชายใหญ่ของตระกูลซั่งกวนเป็นแน่ เมื่อนางแต่งเข้ามา ก็จะได้เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ? เจ้าไม่ต้องเสี่ยงไปที่เรือนสดับวายุเพื่อพบปะผู้คนเลย”
“มันไม่เหมือนกัน” อู๋เลี่ยนเยี่ยนสีหน้าบึ้งตึง นางลดเสียงลง แต่เสียงก็ยังแหลมคมจนแสบแก้วหู
“มีอะไรไม่เหมือนกัน?” อนุภรรยาอู๋ไม่ได้ลืมตา เพียงแค่ทำตาปรือแล้วพูดว่า “ตราบใดที่นางแต่งเข้าเรือน เจ้าจะได้เห็นทุกเช้าเย็น ไม่เจอเช้าก็เจอเย็น อย่าจงใจก่อเรื่องก่อราวออกมาในเวลานี้ ข้าไม่มีเวลาไปสะสางผลพวงให้เจ้า”
“ข้าไม่ยอม! ข้าจะดูลูกสาวของพ่อค้าคนหนึ่งกลายมาเป็นภรรยาคุณชายใหญ่ของตระกูลซั่งกวนตาปริบๆ ได้อย่างไร นางจะคู่ควรกับคุณชายใหญ่ได้อย่างไร แล้วจะนั่งในตำแหน่งนั้นได้อย่างไร” อู๋เลี่ยนเยี่ยนเกลียดเยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่ไม่เคยพบกันมาก่อนถึงขีดสุด นางไม่ทำอะไรเลย ก็ได้นั่งในตำแหน่งที่นางจ้องตาเป็นมันมานานหลายปีได้อย่างราบรื่น กลายเป็นภรรยาที่ร่วมเตียงเคียงหมอนกับซั่งกวนเจวี๋ย นางสู้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ได้ตรงไหน ทำไมผู้โชคดีคนนั้นถึงไม่ใช่นาง?
“ไม่ว่าจะคู่ควรก็ดีหรือไม่คู่ควรก็ตาม ข้าไม่มีสิทธิ์เอ่ยพูด แล้วเจ้าถือดีอะไร?” อนุภรรยาอู๋รับรู้ถึงความเป็นจริงข้อนี้มาตั้งนานแล้ว และรู้สถานะของตัวเองดี
“ข้าจริงใจกับคุณชายใหญ่ หลายปีมานี้ ข้าทำงานอย่างหนัก ติดตามเจ้าอยู่ข้างหลังเพื่อเรียนรู้งานบ้านงานเรือน เป็นเพื่อนคุณหนูเพื่อเรียนวิชาคำนวณ เชิญอาจารย์ดนตรีชื่อดังมาสอนเป่าขลุ่ย ข้าต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วยามฝึกเขียนตัวอักษรทุกวัน…ข้าทุ่มเทขนาดนี้ เพื่อมีวันหนึ่งจะได้ยืนเคียงข้างเขาไม่ใช่หรือ? คุณหนูตระกูลเยี่ยนทำอะไร? ข้าแค่ดูนางชิงคุณชายใหญ่ไปต่อหน้าต่อตา ทำอะไรไม่ได้เลยหรือ?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนอยากจะหวีดร้อง โชคยังดีที่นางไม่ได้เสียสติ จึงระงับเสียงกรีดร้องไว้ได้
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าอยากทำอะไร? แสดงบารมีให้คุณหนูตระกูลเยี่ยน บอกว่านางไม่ดีเท่าเจ้า ไม่ควรแต่งงานกับคุณชายใหญ่งั้นรึ? หรือร้องไห้ตะโกนขอร้องให้นางมอบคุณชายใหญ่คืนให้เจ้า?” อนุภรรยาอู๋พูดอย่างเย็นเยียบว่า “ข้าเตือนเจ้าให้ล้ม เลิกความคิดที่จะไปเรือนสดับวายุ แทนที่จะคิดถึงเรื่องที่ไม่มีอยู่จริงพรรค์นี้ สู้ฉวยจังหวะที่ภรรยาคุณชายใหญ่ยังไม่แต่งเข้าเรือน ให้คุณชายใหญ่รับเจ้าเข้าห้อง ถ้าท้องของเจ้ามีบุญวาสนาดี เพิ่มลูกชายลูกสาวให้คุณชายใหญ่ ก็จะยืนปักหลักอยู่ที่ตระกูลซั่งกวนได้”
“ข้าไม่อยากเป็นอนุ นับประสาอะไรกับสาวใช้เมียบ่าวนิรนามในเรือน!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนกล่าวอย่างหนักแน่น
“ซีชิว ซีอวี่ พวกเจ้าออกไปเถอะ” อนุภรรยาอู๋ผลักสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังนางออกไป หากหลีกเลี่ยงคำพูดบางอย่างไม่ให้เข้าหูของสาวใช้ก็จะดีกว่า เมื่อเห็นสาวใช้ทั้งสองออกไปอย่างเชื่อฟัง จึงรวบรวมกำลังแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียงนุ่ม แล้วพูดอย่างเฉียบขาดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไร และข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนหยิ่งยโส แต่…เจ้าควรมีสติเสียที ฐานะของเจ้าไม่อนุญาตให้เจ้าคิดเทียบเคียง!”
“ข้าจะไม่เป็นบ่าวไปชั่วชีวิตเหมือนท่าน!” กล้ามเนื้อบนใบหน้าของอู๋เลี่ยนเยี่ยนบิดเบี้ยว ดูอัปลักษณ์และน่ากลัว แตกต่างจากความอ่อนโยนและความเอื้ออาทรในยามปกติ
“ใช่สิ ข้าไม่มีวาสนา ก็ต้องมีชีวิตบ่าว! แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าเป็นเจ้าของชีวิต?” อนุภรรยาอู๋ไม่ได้สนใจการดื้อรั้นของอู๋เลี่ยนเยี่ยน พวกนางได้พูดถึงปัญหานี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ทุกครั้งก็ไม่ได้มีความสุข
“ข้าลิขิตชีวิตของข้าเองหาพึ่งพาสวรรค์ไม่ ข้าจะต้องเป็นเจ้านายอย่างเป็นทางการ และไม่ใช่อนุของเจ้านายหรือบ่าวไพร่!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนคิดการใหญ่มาก แต่ไหนแต่ไรมาเป้าหมายของนางถ้าไม่เป็นอนุภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ย ก็จะต้องเป็นภรรยาที่มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันกับซั่งกวนเจวี๋ย ตำแหน่งภรรยาเอกไม่มีทางเป็นได้เด็ดขาด นางจึงเต็มใจจะถอยกลับมาเป็นรอง เป็นภรรยารองผิงชีของซั่งกวนเจวี๋ย
“ข้าไม่รู้ว่าคุณหนูตระกูลเยี่ยนเป็นอย่างไร แต่คนที่สามารถทำให้คุณหนูรองยกย่องชมเชยได้มากในเวลาอันสั้นเพียงไม่กี่วัน คงไม่ใช่คนธรรมดา ข้าแนะนำให้เจ้าอย่ามักใหญ่ใฝ่สูงเกินไป ระวังจะล่วงเกินว่าที่ภรรยาคุณชายใหญ่ แล้วจะไม่ได้อะไรเลย” อนุภรรยาอู๋เตือนเบาๆ นางไม่มีความหวังใดๆ กับความคิดที่ลุ่มหลงเพ้อเจ้อของหลานสาว ไม่ต้องพูดถึงว่าคุณชายใหญ่ไม่ได้สนใจนางมากนัก ต่อให้จะสนใจบ้างเล็กน้อย แต่นางก็ไม่มีความหวังจะบินไปเกาะถึงบนยอดไม้
“ถ้าข้าไม่ได้อะไรละก็ งั้นท่านป้าก็เสียแรงคิดมาหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ?” อนุภรรยาอู๋พูดแทงใจดำ อู๋เลี่ยนเยี่ยนจึงโต้กลับอย่างกระฟัดกระเฟียด
อู๋เลี่ยนเยี่ยนอยู่ในตระกูลซั่งกวนเป็นเวลาเกือบสามปี ก็ค้นพบว่าเหตุใดท่านป้าจึงใช้ความคิดและเงินทองมากมายเพื่อฝึกฝนตัวเอง และไม่ได้กังวลว่าซั่งกวนฮ่าวจะจากไป นางไม่มีลูกไม่มีเต้า ไร้ที่พึ่งพิงอาจจะถูกฮูหยินซั่งกวนบังคับให้ฝังทั้งเป็นใช่หรือไม่? จึงไม่ใช่ว่าจะให้ตัวเองแต่งงานมีครอบครัวดีๆ ได้!
ตระกูลซั่งกวนมีเรื่องแปลกๆ นั่นคือผู้ชายในตระกูลซั่งกวนไม่ได้มีชีวิตอยู่ยาวนาน ไม่อาจรอให้หลานของฝ่ายภรรยาเอกเติบโตได้ คนที่มีอายุยืนยาวจะเป็นประธานในพิธีสวมหมวกของหลานฝ่ายภรรยาเอกได้ คนที่อายุสั้นก็จะขี่นกกระเรียนมุ่งไปทางทิศตะวันตกสู่สวรรค์ เมื่อหลานฝ่ายภรรยาเอกอายุได้สิบสี่สิบห้าปี บิดาของซั่งกวนฮ่าวก็เป็นคนอายุสั้น เสียชีวิตตอนที่ซั่งกวนเจวี๋ยอายุได้สิบสามปี มีคำกล่าวที่ร่ำลือในตระกูลซั่งกวนเองว่า นั่นคือปู่และหลานชายของตระกูลซั่งกวนมีดวงหักล้างกันซึ่งเป็นคำสาป บรรพบุรุษที่ไม่มีหลานฝ่ายภรรยาเอก จะมีอายุยืนยาว ดังนั้นบุตรชายของตระกูลซั่งกวนจึงไม่แต่งงานเร็วเกินไป
การไม่มีลูกหลาน ก็หมายความว่าเมื่อซั่งกวนฮ่าวจากไปแล้ว นางจะหมดหนทาง อนุภรรยาอู๋รู้อยู่แก่ใจดีกว่าใครๆ ว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อเกลียดตัวเองมากแค่ไหน หวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะใช้วิธีไหนมาจัดการกับตัวเอง อนุภรรยาอู๋จึงไม่กล้าแม้แต่จะคิด
ในปีนั้น ทั่วป๋าซู่เยวี่ยได้ข่มเหงภรรยารองผิงชีของสามีในขณะที่สามีเพิ่งเสียชีวิต ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นถูกฝังทั้งเป็นด้วยยาพิษในคืนนั้น ภรรยารองผิงชีคนนั้นไม่ได้เกิดมาต่ำต้อย นางเป็นป้าของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ แต่น่าเสียดายที่นางเป็นลูกที่เกิดจากอนุภรรยาจึงมีสถานะไม่เพียงพอจะทำให้นางเป็นภรรยาเอกได้ นางไม่มีบุตร เมื่อนางเสียชีวิตด้วยอายุเพียงสี่สิบกว่าปีเท่านั้น เป็นช่วงวัยที่กำลังรุ่งโรจน์และอาจถือได้ว่าเป็นสาวรุ่นแม่ที่จากไปอย่างเงียบๆ หวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะกระโดดออกมา ร้องถึงความไม่ยุติธรรมให้นางก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ กระดูกของสามียังไม่ทันจะเย็น ทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็บังคับให้อนุภรรยาสองสามคนออก ไปอีก มารดาผู้ให้กำเนิดของพวกเขาก็ต้องบากหน้าไปขออาศัยบุตรชายในตอนที่พวกเขาเพิ่งตั้งรกราก เหลือเพียงอนุภรรยาสองคนที่ไม่มีบุตร ถ้าสองคนนี้ไม่ใช่อนุภรรยาที่ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเสนอให้สามีรับไว้เอง ฉะนั้นพวกนางจึงต้องเชื่อฟังทั่วป๋าซู่เยวี่ย ก็คาดว่าจะไม่รอดพ้นจากมือสังหารของทั่วป๋าซู่เยวี่ยไปได้
อนุภรรยาอู๋ยังเต็มไปด้วยความกังวลถึงอนาคตของนางในเวลานั้น ในขณะนั้นนางเป็นอนุภรรยาของซั่งกวนฮ่าวมาหลายปีแล้ว แต่ไม่ได้ตั้งครรภ์เลย เดิมทีคิดว่าเป็นเพราะเคยแท้ง ร่างกายได้รับบาดเจ็บ ผลจากการขอคำปรึกษาจากหมอคือนางไม่มีทางให้กำเนิดบุตรได้ในชีวิตนี้แน่นอน เพราะไม่รู้ว่านางไปกินยาที่มีฤทธิ์แรงซึ่งทำร้ายสุขภาพพื้นฐานมาตั้งแต่เมื่อใด มีความเป็นไปได้มากว่ายานั้นจะมาจากหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ
และในเวลานั้น อู๋เลี่ยนเยี่ยนถึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อตีสนิทกับบรรดานายน้อยของตระกูลซั่งกวน แต่น่าเสียดายที่ซั่งกวนเจวี๋ยไม่ใช่เด็กที่นางจะสร้างสัมพันธ์ได้ เพียงแค่การพินิจพิเคราะห์และการดูหมิ่นในสายตาของเขาก็ทำให้อนุภรรยาอู๋ถอยหนี สำหรับซั่งกวนอวี่ไข่ได้รับการเลี้ยงดูจากฮูหยินใหญ่ นางคิดจะเข้าใกล้ก็มีปัญหา แม้ซั่งกวนอวี่ฮ่าวจะเป็นเด็กอารมณ์ดี แต่อนุภรรยาหวังก็เตรียมป้องกันนางเหมือนป้องกันขโมยเสมอมา นางจึงไม่เคยมีโอกาสได้คุยกับเด็กคนนั้นเลย ส่วนซั่งกวนอิงนั้น…นางได้ใกล้ชิดกับซั่งกวนหลิงหลงตั้งแต่ยังเด็กทำให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อปวดใจ ยังจะให้นางเข้าใกล้ซั่งกวนอิงได้อีกหรือ? นางจึงต้องตัดความคิดนั้น แล้วใช้วิธีการอื่น อู๋เลี่ยนเยี่ยนจึงเข้ามาในสายตาของนางในเวลานั้น
อู๋เลี่ยนเยี่ยนเกิดที่เมืองฝูโจว เมื่อนางอายุได้ขวบเดียวก็ย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ลี่โจว ในเวลานั้นสถานการณ์ของตระกูลอู๋เริ่มดีขึ้นแล้ว แม้จะยังคงสวมหมวกของบ่าวที่เกิดในครอบครัวของตระกูลหวงฝู่ไว้บนศีรษะ แต่สัญญาการขายตัวของพวกเขาก็อยู่ในมือของซั่งกวนฮ่าว จึงไม่ได้ปล่อยให้พวกเขาเป็นอิสระ และก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนอย่างผู้ใต้บังคับ บัญชาทั่วไป พี่ใหญ่ของอนุภรรยาอู๋เป็นผู้ดูแลเรือนแห่งหนึ่งในเมืองลี่โจว ซั่งกวนฮ่าวได้ให้เงินจำนวนหนึ่งแก่อนุภรรยาอู๋ ให้นางซื้อที่ดินใกล้ๆ เรือนนั้น คนในครอบครัวตระกูลอู๋จึงอาศัยอยู่ที่นั่น ตอนที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนยังเด็กก็ถึงกับเชิญแม่นมมาดูแลอีกด้วย
เมื่ออู๋เลี่ยนเยี่ยนโตเป็นสาวช่างน่ามองน่าชม รูปร่างอรชรแต่งหน้าขาวผุดผ่องทำให้ผู้คนชื่นชอบ แต่เดิมทีต้องการพา
อู๋เลี่ยนเยี่ยนเข้าจวนและเลี้ยงดูทันที ประการแรกหลานสาวจากครอบครัวของตัวเองได้เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า ซึ่งเอื้อต่อการบ่มเพาะอุปนิสัยใจคอของนางเอง ประการที่สองนางเป็นเพื่อนกับหลิงหลงได้ นางมีประโยชน์ที่จะค่อยๆ กล่อมเกลาหลิงหลง และประการที่สามนางยังปลูกต้นรักในวัยเด็กกับคุณชายใหญ่ได้อีกด้วย แม้จะไม่มีความหวังได้เป็นเมียหลวง แต่หากได้เป็นเมียคนโปรดก็ไม่เลวเช่นกัน ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ไม่สิ มันเป็นเรื่องสวยงามที่ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว แต่น่าเสียดายที่ถูกซั่งกวนฮ่าวปฏิเสธว่า ‘ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด’
อนุภรรยาอู๋จนปัญญา แต่กลับไม่ล้มเลิกความคิดนี้ นางใช้เงินส่วนตัวเชิญแม่นมพิเศษมาสอนกฎระเบียบให้อู๋เลี่ยนเยี่ยน เชิญอาจารย์มาสอนบทกวีและตำรา เชิญครูสอนพิณมาสอนดนตรี…เมื่ออู๋เลี่ยนเยี่ยนอายุสิบสองปี นางเพียบพร้อมด้วยสาวใช้เป็นพิเศษ อู๋เลี่ยนเยี่ยนจึงได้รับการเลี้ยงดูในฐานะบุตรสาวของครอบครัวผู้มั่งมี
เมื่อห้าปีก่อน ฉวยโอกาสที่ซั่งกวนฮ่าวอารมณ์ดี ขอความเมตตาจากซั่งกวนฮ่าว ผู้คนในตระกูลอู๋ก็ถูกปลดออกจากการเป็นบ่าว เมื่อสามปีก่อน หลิงหลงได้รับจดหมายเชิญจากงานบุปผากล้วยไม้ไคหยาง ต้องการคู่หูหญิงสาวในวัยเดียวกันที่จะไม่แย่งกันโดดเด่น นางถือโอกาสพาอู๋เลี่ยนเยี่ยนเข้าไปในตระกูลซั่งกวน หลังจากที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนเข้าไปในตระกูลซั่งกวนก็ตระหนักว่า ชีวิตที่นางเคยคิดมาตลอดว่าเหนือกว่านั้นนึกไม่ถึงเลยว่าจะแร้นแค้นมาก สาวใช้ชั้นหนึ่งของตระกูลซั่งกวนยังมีชีวิตที่ดีกว่านาง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลิงหลงผู้เอาแต่ใจ! ดังนั้น นางจึงจงใจเลียแข้งเลียขาซั่งกวนหลิงหลง ทำให้ซั่งกวนหลิงหลงแนะนำนางในฐานะคนสนิทในเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งเดือน เมื่อทั้งสองกลับจากไคหยาง ก็แยกกันไม่ออกแล้ว หวงฝู่เยวี่ยเอ้ออ่อนแอลง จึงต้องเห็นด้วยให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนมาอาศัยอยู่ระยะยาวในตระกูลซั่งกวน
เป็นเรื่องธรรมดาที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนจะชอบซั่งกวนเจวี๋ย ไม่มีใครคิดว่ามันแปลกถึงขั้นคิดว่า อนุภรรยาอู๋พาอู๋เลี่ยนเยี่ยนเข้ามาในตระกูลซั่งกวน เห็นได้ชัดว่าให้เป็นเพื่อนกับคุณหนู แต่จริงๆ แล้วให้นางเป็นอนุของซั่งกวนเจวี๋ย เนื่องจากเยี่ยนมี่เอ๋อร์ต้องไว้ทุกข์เป็นเวลาสามปี ซั่งกวนฮ่าวเคยบอกกับอนุภรรยาอู๋อย่างลับๆ ว่า ให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนเป็นอนุภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ย หลังจากที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์แต่งเข้ามา ค่อยเลื่อนตำแหน่งให้เป็นอนุภรรยา อนุภรรยาอู๋ย่อมเห็นด้วย แต่อู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่เต็มใจ ในตอนนั้น อนุภรรยาอู๋ถึงสังเกตได้ว่าหลานสาวของนางมีจิตใจทะเยอทะยาน สิ่งที่นางต้องการจริงๆ คือตำแหน่งภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ยตั้งแต่นั้นมา ทั้งสองก็มีความเห็นแตกต่างกัน ทะเลาะและขัดแย้งกัน…
“เจ้า…” อนุภรรยาอู๋ส่ายศีรษะ ไม่มีเรี่ยวแรงจะเถียงกับนาง จึงถอนหายใจแล้วพูดว่า “เจ้าทำตัวเองให้ดีๆ เถอะ! แต่เรือนสดับวายุไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าควรไป ก่อนงานแต่งงานของคุณชายใหญ่ เจ้าควรอยู่ในเรือนเชื่อฟังข้าจะดีที่สุด ไม่ต้องออกจากบ้าน”
“ข้าถูกห้ามงั้นหรือ?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนพูดประชดประชัน
“ข้าไม่มีฐานะจะไปห้ามเจ้าได้ แต่อย่าโทษข้าที่ไม่เตือนเจ้า ถ้าเจ้าไปที่เรือนสดับวายุโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือยุยงให้คุณหนูไปที่เรือนสดับวายุ ไม่เกิดเรื่องยังจะดีกว่า ถ้าถูกจับได้ละก็ระวังตัวด้วยจะถูกเนรเทศออกจากตระกูลซั่งกวน!”
อนุภรรยาอู๋รู้ว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะไม่ยอมให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนทำกิริยาท้าทายเยี่ยนมี่เอ๋อร์ เมื่อนางรู้เข้า จะต้องใช้วิธีขั้นเด็ดขาดที่สุดแน่นอน เพื่อดับความหวังของอู๋เลี่ยนเยี่ยนโดยตรง
“ข้าจะลองคิดดู!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่ฟังเลย อนุภรรยาอู๋หลับตา นางจะฟังความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของอนุภรรยาไม่ออกได้อย่างไร แต่…ลืมไปเถอะ นางโตแล้วไม่ฟังคำแม่ นับประสาอะไรกับนางที่เป็นแค่ป้า…
————————————–