เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 38 หวงเหลียง
“มีหวงเหลียงและวสันตโอสถเล็กน้อยอยู่ในนั้นด้วย” อินหงหลันชี้ไปที่โถเครื่องเคลือบในมือแล้วพูดต่อว่า “ข้าจะไม่อธิบายวสันตโอสถ พวกเจ้าต่างรู้ว่ามันคืออะไร และวสันตโอสถนั่นก็เป็นแค่ชนิดที่ใช้ในหอนางโลมทั่วไป ไม่มีอะไรแปลก แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ ‘หวงเหลียง’ มันไม่ใช่ยาเสน่ห์ แต่เป็นยาหลอนประสาทที่พิเศษมากประเภทหนึ่ง หลังจากทานเข้าไปแล้วจะเกิดภาพหลอน จะฟั่นเฟือนเล็กน้อย และจะนึกถึงคนแรกที่อยู่ตรงหน้า…เอ่อ ถ้าคนคนนั้นเป็นเพศเดียวกันละก็ จะถือว่าคนคนนั้นเป็นคนสนิทหรือญาติสนิทที่สุด บอกความในใจ ระลึกถึงอดีตอะไรทำนองนั้น ถ้าเป็นเพศตรงข้าม จะปฏิบัติกับคนนั้นโดยคิดว่าเป็นคนที่รักมากที่สุดหรือสวยที่สุดในใต้หล้า ในเวลานี้ การมีวสันตโอสถเป็นสิ่งสำคัญมากหรือไม่? ถ้าไม่เห็นใครเลย จะเพียงแค่ทำให้คนดูเหมือนฝันสลาย ช่างเป็นความฝันที่สวยงามจริงๆ เท่านั้นเอง”
ดังนั้นเขาถึงมองอู๋เลี่ยนเยี่ยนว่าเป็นหญิงงามคนนั้น และมีค่ายิ่งนัก แม้แต่ม่านเหอก็ถูกตีจนน่วม! ซั่งกวนเจวี๋ยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความคั่งแค้น หากรู้ก่อนเช้านี้เขาควรจะเตะให้หนักกว่านี้อีกสักหน่อย
“เหตุใดจึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย? ทำไมพวกนางถึงมีสิ่งนี้?” ซั่งกวนเจวี๋ยขมวดคิ้ว ของแบบนี้น่าจะหายากมาก เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน อนุภรรยาอู๋เอามันมาได้อย่างไร ส่วนคนที่คิ้วขมวดย่นลึกกว่าเขาคือซั่งกวนฮ่าวที่อยู่ด้านข้าง แต่เขารู้ดีว่า ‘หวงเหลียง’ คืออะไร และรู้ที่มาของของสิ่งนั้น เขาจึงขมวดคิ้วเป็นปมไปพลาง ในขณะที่กวาดมองอินหงหลันที่อยู่ข้างๆ ด้วยหางตา
อินหงหลันสีหน้าแดงก่ำ กระแอมไอแล้วพูดอย่างเขินอายว่า “อะแฮ่ม เอ่อ…เจวี๋ยเอ๋อร์ หวงเหลียงไม่ใช่ของธรรมดา ค่อนข้างหายาก และไม่ค่อยมีใครรู้จัก…ถ้าไม่ใช่ในกรณีบังเอิญล่ะก็ หวงเหลียงในยานั้นข้าให้นางเอง…”
“อะไรนะ? ลุงอิน ไฉนท่านถึง…” ซั่งกวนเจวี๋ยมองอินหงหลันอย่างเหลือเชื่อ เขาจะให้ของเช่นนี้แก่พวกอนุภรรยาอู๋ได้อย่างไรกัน? แล้วให้ไปได้อย่างไรอีกด้วย?
“ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะใช้สิ่งนี้มาวางแผนทำร้ายเจ้า!” อินหงหลันพูดอย่างอึดอัดใจมากว่า “ข้าเคยใช้สิ่งนี้ครั้งเดียว แล้วถูกอนุภรรยาอู๋เห็นเข้า นางอยากรู้มากจึงถามข้าว่ามันคืออะไร แต่ข้าไม่ทันได้สังเกต จึงบอกนางไป นึกไม่ถึงว่านางจะจดจำมันได้ เมื่อวานตอนเที่ยงนางมาหาข้า ทั้งสะอื้นไห้และน้ำมูกน้ำตาไหลจะเอาเจ้าสิ่งนั้น ข้าโดนรบเร้าจนหมดปัญญาจริงๆ ข้าจึงให้นาง…ข้าไม่ได้จงใจ เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่ยาพิษ และจะไม่มีอาการข้างเคียงอะไร ข้าไม่ได้คิดให้รอบคอบ เลยเอาของสิ่งนี้ให้กับนาง”
“ท่านลุงอิน เมื่อใดนิสัยที่เลอะเลือนของท่านจะแก้ได้เสียที!” ซั่งกวนเจวี๋ยค่อนข้างเหลืออด อินหงหลันเป็นหมอยาที่มีชื่อเสียงในยุคหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นยุทธภพหรือราชสำนักก็ตาม ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงอันลือลั่นของเขา แม้แต่หมอหลวงที่โด่งดังในวังของฮ่องเต้ เมื่อพบเขาก็จะเรียก ‘ท่านปรมาจารย์อิน’ ด้วยความเคารพ ทว่านอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์และตำราแพทย์แล้ว เขาก็รู้สึกสับสนไม่ต่างกับเด็กอายุสามขวบ
“ข้าไม่ได้เจตนาจริงๆ!” อินหงหลันแก้ตัวอย่างบริสุทธิ์ใจ ซั่งกวนเจวี๋ยถอนหายใจ ไม่ได้ตั้งใจจะไล่หาความรับผิดชอบ…ต่อให้จะไล่ตามหา มันก็ไม่มีประโยชน์!
“เจ้าไม่อยากได้อู๋เลี่ยนเยี่ยนหรอกหรือ?” อินหงหลันมองไปที่ซั่งกวนเจวี๋ยอย่างรู้ใจ แล้วลองหยั่งเชิงกล่าวว่า “ไม่อย่างนั้นข้าจะวางยาพิษให้อู๋เลี่ยนเยี่ยน ปล่อยให้นางตายอย่างเงียบๆ เจ้าจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบดีหรือไม่?”
“เป็นความคิดที่ไม่ฉลาดเท่าใดนัก?” ซั่งกวนเจวี๋ยมองเขาด้วยความปวดหัว ปมของปัญหาไม่ใช่ว่าจะรับผิดชอบหรือไม่ แต่…ลืมไปซะ อย่าบอกเรื่องเหล่านั้นให้เขาฟัง ไม่เช่นนั้นท่านลุงที่ไม่เจนโลกไม่รู้จะปล่อยลูกไม้แปลกๆ อะไรออกมาอีก
“แม้ข้าวสารจะกลายเป็นข้าวสุกแล้ว แต่นั่นคือนางหาเหาใส่หัวเอง เจ้าเป็นเหยื่อไม่ใช่หรือ ถ้าเจ้าไม่ชอบนาง ก็ให้นาง…” อินหงหลันทำท่าปาดคอแล้วพูดว่า “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอก ก็แค่ผู้หญิงที่เกิดมาเป็นบ่าวต่ำต้อย ถ้าจะฆ่าก็ฆ่าทิ้งเลย”
ซั่งกวนเจวี๋ยปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างหนัก เขารู้ว่าอินหงหลันไม่เคยเข้าใจความหมายที่ว่า ‘ชีวิตมนุษย์นั้นสำคัญมาก’ และไม่ได้ถือว่าชีวิตมนุษย์เป็นเรื่องจริงจัง เขาฉกชีวิตนับไม่ถ้วนจากน้ำมือพญายม และส่งชีวิตนับไม่ถ้วนไปยังเมืองนรกของยมบาล แต่นี่ไม่ใช่การแก้ปัญหาเรื่องอู๋เลี่ยนเยี่ยน!
“หงหลัน เจ้าไม่จำเป็นต้องยุ่งเรื่องนี้” ซั่งกวนฮ่าวมองไปที่อินหงหลันด้วยสีหน้าไม่พอใจ แล้วคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “เจวี๋ยเอ๋อร์ เจ้าต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เรื่องการรับอู๋เลี่ยนเยี่ยนเป็นเมียบ่าวต้องทำเสร็จก่อนเที่ยง บอกให้คนในจวนได้ รู้ ส่วนจะทำอย่างไรนั้น เจ้าก็ทำเอง! สำหรับหลิงหลง…ข้าจะจัดการเอง”
“ขอครับ ท่านพ่อ!” ซั่งกวนเจวี๋ยพยักหน้า เขาเข้าใจความหมายของซั่งกวนฮ่าว อนุภรรยาอู๋มุมานะทำงานในตระกูลซั่งกวนมานานกว่าสิบปี มีบ่าวไพร่หลายคนในตระกูลซั่งกวนเป็นหูเป็นตาให้นาง หากไม่ได้ข่าวที่แท้จริงก่อนเที่ยงนี้ นางจะแพร่กระจายเรื่องของเมื่อคืนผ่านใครบางคนอย่างแน่นอน ถ้าเช่นนั้นหลิงหลงจะติดร่างแหไปด้วย แม้ไม่แน่ว่าจะสร้างแรงกระเพื่อมใหญ่โตอะไรได้ แต่ก็จะไม่เสี่ยงอันตรายมากนัก
“อีกอย่าง เจ้ากำลังจะแต่งงานเร็วๆ นี้ ไม่อาจปล่อยให้ใครชิงท้องตัดหน้าภรรยาของเจ้าได้ ตระกูลซั่งกวนไม่เคยมีลูกชายคนโตที่ไม่ได้มาจากฝ่ายภรรยาเอก อย่าสร้างข้ออ้างให้ตัวเจ้าเอง” ซั่งกวนฮ่าวเตือนอย่างชัดเจน
“ข้าเข้าใจแล้ว! ลูกจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!” ซั่งกวนเจวี๋ยรู้ว่าซั่งกวนฮ่าวหมายถึงอะไร อู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่อาจตั้งครรภ์ก่อนเยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้ นับประสาอะไรจะชิงปาดหน้าก่อนเยี่ยนมี่เอ๋อร์เพิ่มลูกหลานให้ตระกูลซั่งกวน นางไม่มีคุณสมบัตินั้น และเขาก็ไม่ปรารถนาจะให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนมีลูกให้ตัวเอง
“ยังมีอีก หลังจากพิธีเปิดหน้าแล้วให้นางอยู่ในเรือนตะวันออกตามขนบธรรมเนียม แล้วหาคนมาดูแลให้ดี ไม่ให้นางมีโอกาสไปที่เรือนสดับวายุได้ หากให้คนของตระกูลเยี่ยนรู้เข้า มันจะเป็นเรื่องลำบากอีกครั้ง” ซั่งกวนฮ่าวถอนหายใจกล่าวว่า “สำหรับเยี่ยนมี่เอ๋อร์นั้น ปล่อยให้แม่ของเจ้าจัดการเอง”
“เข้าใจแล้วขอรับ!” ซั่งกวนเจวี๋ยพยักหน้า เขาก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน
“เจ้าไปจัดการเถอะ” ซั่งกวนฮ่าวคิดสักพัก รู้สึกว่าควรจะทำแบบนี้ เขาจึงส่งซั่งกวนเจวี๋ยออกไป
“เจ้าจงใจ!” หลังจากที่เห็นซั่งกวนเจวี๋ยออกไปแล้ว ซั่งกวนฮ่าวจ้องเขม็งไปที่อินหงหลันด้วยความโกรธจนทำอะไรไม่ถูก
“พี่ฮ่าว เจ้ากำลังพูดถึงอะไร? จะจงใจหรือไม่จงใจ เหตุใดข้าไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว?” อินหงหลันมองไปที่ซั่งกวนฮ่าวด้วยสีหน้าอึมครึม ราวกับไม่เข้าใจว่าทำไมซั่งกวนฮ่าวถึงอยากพูดเช่นนั้น
“ตอนนี้มีแค่เราสองคนอยู่ในห้องนี้ เจ้าไม่ต้องแกล้งโง่!” ซั่งกวนฮ่าวมองเขาแล้วทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ “เจ้าแกล้งมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว ยังแกล้งไม่พออีกหรือ? หรือว่าเจ้าเปลี่ยนเป็นคนโง่ไปแล้วจริงๆ?”
“พี่ฮ่าว” อินหงหลันยิ้มอย่างกระดากอาย ยื่นมือออกไปเกาท้ายทอยแล้วพูดว่า “เจ้าก็รู้ บางครั้งข้าก็ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าพวกเจ้ากำลังพูดถึงอะไรกันแน่ เลยไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร ไม่งั้น เจ้าช่วยอธิบายหน่อยได้หรือไม่? นี่ ข้าไม่ได้โง่นะ ถ้าเจ้าอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้อีกหน่อย เรื่องที่ว่ายากข้าก็จะเข้าใจได้”
“เจ้า!” ซั่งกวนฮ่าวโมโห ขบคิดครู่หนึ่งถึงข่มอารมณ์ไว้แล้วกล่าวว่า “เจ้ากล้าบอกว่าเจ้าไม่ได้จงใจให้หวงเหลียงกับน่ง อวิ๋น? เจ้ากล้าบอกว่าเจ้าไม่ได้ซ่อนตัวดูละครอยู่ข้างๆ เมื่อคืนนี้หรือ? ข้ารู้ถึงความคับแค้นใจของเจ้า แต่หลายปีผ่านไปแล้ว เจวี๋ยเอ๋อร์กับหลิงหลงเป็นคนที่เจ้าเฝ้ามองดูเติบโตขึ้น เจ้าไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้ ก็อย่าไประบายความคับข้องใจพวกนั้นให้กับเด็กๆ”
“ความแค้นหรือ?” ดวงตาของอินหงหลันเบิกกว้าง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความฉงน เขาถามด้วยท่าทางงงวย “พี่ฮ่าว ข้าคับข้องใจอะไร? เป็นเรื่องอันใดหรือ? ทำไมข้าถึงไม่รู้?”
“เจ้ากล้าบอกว่าเจ้าลืมผู้หญิงคนนั้นแล้วหรือไม่?” ซั่งกวนฮ่าวเกือบจะคำราม แต่แล้วก็ระงับความโกรธไว้พลางเอ่ยขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าลืมนางไม่ได้มาตลอด ข้าก็ลืมนางไม่ได้เช่นกัน ผู้ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ใครจะลืมได้ลง? พวกเราไม่มีใครลืมนางได้! แต่ความชอบธรรมและความชั่วร้ายเข้ากันไม่ได้ สิ่งต่างๆ ก็กลายเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะความผิดของใครคนใดคนหนึ่ง และไม่มีใครหวนกลับคืนได้”
“ผู้หญิงอะไรเล่า?” อินหงหลันจ้องขมึงทึงไปที่ซั่งกวนฮ่าวอย่างไม่พอใจแล้วกล่าวว่า “พี่ฮ่าว เจ้าอย่าพูดสามหาว แม่เสือใหญ่คนนั้นในบ้านของข้าแตกต่างจากพี่สะใภ้ พี่สะใภ้ทนที่เจ้ารับอนุภรรยาได้ ทนที่เจ้าหาเศษหาเลยได้ แต่แม่เสือใหญ่ในครอบครัวของข้านั้นไม่ได้! ถ้านางเข้าใจผิดอะไร ข้าจะถูกลงโทษให้คุกเข่า เจ้าชอบผู้หญิงแบบไหน นั่นเป็นเรื่องของเจ้า อย่าเอาข้าไปพัวพัน!”
“เอาล่ะ! เอาล่ะ! สมมติว่าข้าไม่ได้เอ่ยถึงผู้หญิงคนไหน แต่ทำไมหวงเหลียงจึงโผล่ออกมาได้? และปล่อยให้น่งอวิ๋นใช้มาลอบวางแผนทำร้ายเจวี๋ยเอ๋อร์ เจ้าควรรู้ว่าแม้จะมีคนไม่มากที่รู้จักหวงเหลียงและมีเพียงเราไม่กี่คนที่รู้ว่าเจ้ามีสูตรหวงเหลียงอยู่ในมือ แต่ถ้าถูกส่งต่อออกไปเล่า? ต่อให้เจ้าอยากบอกให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ แล้วถือโอกาสทำให้ข้าเดือดร้อนไปด้วย แต่เจ้าก็อย่าลืม เจ้าเป็นคนที่มีลูกมีเมีย เจ้ายังต้องคิดเผื่อถึงน้องสะใภ้กับฮวนรั่วและฮวนเซิง!” ซั่งกวนฮ่าวรู้ถึงความขมขื่นในใจของเขา ทำไมเขาจะไม่ แต่…
“ซินหรันและเด็กๆ สบายดี ข้ายังซื้อแป้งสีชาดที่ใช้ทาแก้มให้ซินหรันเมื่อวานนี้ นางเองก็ดีใจมาก” อินหงหลันยังคงยิ้มแห้งๆ พลางกล่าวว่า “ฮวนรั่วฮวนเซิงก็ว่านอนสอนง่ายเช่นกัน พวกเขาเริ่มเรียนรู้การจับชีพจรแล้ว”
“เจ้า เจ้า…เจ้ากลับไปร่ำเรียนตำราแพทย์ของเจ้าดีกว่าไป!” ซั่งกวนฮ่าวจนปัญญา หากคุยกันไม่รู้เรื่องเช่นนี้ต่อไป เขาจะอาเจียนเป็นเลือดด้วยความหงุดหงิดจริงๆ
“อื้ม” อินหงหลันผงกศีรษะระรัวแล้วพูดว่า “งั้นข้าจะกลับแล้ว พี่ฮ่าว ถ้าไม่มีธุระอะไรก็อย่าเรียกหาข้า หมู่นี้ข้ากำลังค้นคว้ายาพิษที่มีประโยชน์มาก ไม่มีเวลามาลับฝีปากกับเจ้าหรอก”
“เจ้าบอกที่มาและประโยชน์ของหวงเหลียงแก่นางหรือไม่?” ซั่งกวนฮ่าวถามอย่างกะทันหัน ในขณะที่อินหงหลันกำลังจะก้าวออกจากห้องอาหาร
“นางไม่รู้จักชื่อของหวงเหลียง ตอนนี้มีเพียงพี่ฮ่าวกับเจวี๋ยเอ๋อร์เท่านั้นที่รู้แล้ว” อินหงหลันหันกลับมา แล้วตอบอย่างจริงจัง จากนั้นจึงมองเห็นสีหน้าของซั่งกวนฮ่าวเปลี่ยนไปอย่างคาดไม่ถึงเลย ไม่ทันรอให้เขาพูดอะไร ซั่งกวนฮ่าวก็ออกไปอย่างเร็วปรือแล้ว หากไม่เกินที่คาดการณ์ไว้ เขาน่าจะไปหาเจวี๋ยเอ๋อร์
อินหงหลันมองไปยังแผ่นหลังของซั่งกวนฮ่าวที่ออกไปอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าเผยให้เห็นความเจ็บใจที่อธิบายไม่ถูก เขาส่ายศีรษะแล้วกลับไปที่เรือนทางเหนือที่เขาอาศัยอยู่…
———————————-