เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 4 พบหน้า
“ข้าน้อยซั่งกวนจิ่นมาพบคุณหนูเยี่ยนแล้ว!” หลังจากที่เห็นสาวใช้รุ่นใหญ่สองคนรอรับใช้อยู่ข้างฉากกั้นห้องรับแขกในสวนดอกไม้และรองเท้าปักลายที่อยู่ด้านหลังฉากกั้น ซึ่งปรากฏออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ความรู้สึกที่ไม่มีความสุขของซั่งกวนจิ่นก็อันตรธานหายไป
เดิมทีคิดว่าคุณหนูห้าของตระกูลเยี่ยนคนนี้ก็เป็นคนที่ไม่รู้จักกาลเทศะ นึกไม่ถึงว่าจะขอพบตัวเขาด้วยตัวเอง…แม้เขาจะเป็นพ่อบ้านของตระกูลซั่งกวน แต่ถึงอย่างไรก็ถือว่าเป็นชายแปลกหน้า นางในฐานะคุณหนูที่ยังไม่ได้ออกเรือนจะพบเขาดูออกจะไม่เหมาะสมเล็กน้อย…ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับหญิงสาวในยุทธภพคงเป็นเรื่องปกติ แต่นางไม่ใช่หญิงสาวในยุทธภพ! อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงมารยาทของคุณหนูห้าผู้นี้แล้ว ก็เป็นมารยาทที่รู้จักกาลเทศะเช่นกัน ฮูหยินก็ไม่ได้เรียกร้องให้นายน้อยทำการแต่งงานอย่างไร้ประโยชน์
“พ่อบ้านซั่งกวนไม่ต้องมากพิธี! จื่อหลัว เชิญพ่อบ้านนั่งลง แล้วรินน้ำชา” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ได้แอบมองพ่อบ้านใหญ่ที่เล่าลือกันว่ามีกลอุบายมากมายคนนี้อย่างอยากรู้อยากเห็น แต่เชื้อเชิญให้เขานั่งลงอย่างสุภาพ
“ขอบคุณคุณหนู!” ซั่งกวนจิ่นกล่าวขอบคุณแล้วนั่งลงอย่างเป็นธรรมชาติ กล่าวขานกันว่าคุณหนูห้าแห่งตระกูลเยี่ยนผู้นี้เป็นหญิงงามสะคราญกิริยาสง่างาม แต่การกล่าวขานเช่นนี้ก็มีเพียงฮูหยินที่พูดเท่านั้น ในสายตาของฮูหยิน คุณหนูห้าแห่งตระกูลเยี่ยนคงไม่มีอะไรที่ด่างพร้อย คนที่มาทำพิธีหลายครั้งก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของคุณหนูห้าแห่งตระกูลเยี่ยน เพียงแต่เอาเงินติดสินบนจึงรู้จากปากของสาวใช้ว่า คุณหนูห้าแห่งตระกูลเยี่ยนเป็นผู้เลอโฉมที่สุดในตระกูลเยี่ยน คุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองของตระกูลเยี่ยนนั้นไม่ต้องเอ่ยถึงชั่วคราว คุณหนูสามกับคุณหนูสี่นั้นค่อนข้างสวยสะพรั่ง แม้จะไม่ถือว่าเป็นหญิงงามคู่ควรเมืองอะไร แต่ก็ยังมีความสวยคมด้วยริมฝีปากทาสีชาด ฟันขาวสดใส แก้มระเรื่อดั่งลูกท้อ คิ้วโก่งดุจผลซิ่ง คิดว่าคุณหนูห้าต้องได้รับการยกย่องว่าเป็นสาวที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลเยี่ยน เสียงของนางฟังดูก็เข้าทีตามแบบฉบับหญิงงามตามที่สาวใช้พวกนั้นกล่าวไว้ เดิมทีคุณหนูผู้นี้มีอุปนิสัยใจคออ่อนโยนที่สุด เพียงแต่นางเศร้าเสียใจที่มารดาจากไปและถูกไท่ไท่ ของครอบครัวบีบบังคับสารพัดวิธี ก่อนจะเริ่มเย็นชา ไม่ชอบพูดเล่นหัว แต่นิสัยก็ยังดีอยู่ เสียงนั้นฟังดูนุ่มนวลและอ่อนโยน ดูท่าข่าวที่สอบถามมาจะไม่มีอะไรผิดปกติ
“ได้ยินนายท่านบอกว่าพ่อบ้านมาเพื่อหวังให้ตระกูลเยี่ยนส่งญาติออกเดินทางไปก่อน?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ถามอย่างจริงจัง นางจงใจผ่อนคลายน้ำเสียงเล็กน้อย เสียงของนางคล้ายกับมารดาที่ตายจากไปมาก ล้วนเป็นเสียงที่นุ่มนวลและหวานหยาดเยิ้ม ยามที่นางโกรธถ้าไม่พูดจาก็จงใจเย็นชาหรือเชื่องช้า หากนางพูดด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเหมือนคนอื่นๆ ไม่เพียงไม่สามารถบรรลุผลตามที่คาดหวังได้ แต่ยังจะทำให้ผู้คนเข้าใจผิดคิดว่านางทำตัวงอนตุปัดตุป่อง
“ขอรับ ฮูหยินเป็นผู้เอ่ยปาก! ฮูหยินทราบดีว่าคุณหนูสุขภาพอ่อนแอ หากจัดพิธีแต่งงานเมื่อมาถึงลี่โจวทันที กังวลว่าคุณหนูจะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แล้วร่างกายจะทนไม่ไหว” ซั่งกวนจิ่นกล่าวด้วยความเคารพ ฮูหยินค่อนข้างเอาใจใส่ลูกสะใภ้ที่ยังไม่ออกเรือนผู้นี้ มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับนางเสมอ ซึ่งทำให้คนรับใช้ทุกคนในตระกูลซั่งกวนรู้สึกเคารพต่อภรรยาคุณชายทั้งที่ยังไม่ได้ปรากฏตัว
“แล้วฮูหยินได้บอกหรือไม่ว่าจะให้ออกเดินทางไปเมื่อใดกัน?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยังคงไว้หน้ารับน้ำใจนี้อยู่ในใจ นางได้ยินมาว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อฮูหยินของซั่งกวนก็เป็นนายที่พูดคำไหนคำนั้นของตระกูลซั่งกวน ด้วยเหตุใดนางจึงไม่นึกถึงตัวเองในอดีตที่ยังไม่ได้ออกเหย้าออกเรือนก็ให้ตำแหน่งอันมีเกียรติกับตัวนางเช่นนี้ล่ะ!
“ฮูหยินกล่าวว่า ตราบใดที่คุณหนูรู้สึกว่าเป็นไปได้ ขอให้คุณหนูกำหนดวัน ข้าน้อยนำคนรับใช้มากว่าห้าสิบคน จะรอคำสั่งของคุณหนูอยู่ที่เมืองอู๋โจว!” คำพูดของซั่งกวนจิ่นทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไรอีก
“เป็นเช่นนี้เอง!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์บ่นพึมพำครู่หนึ่ง นี่ถึงจะเหมือนวิธีการของตระกูลซั่งกวน นายท่านเยี่ยนจึงรีบบอกว่าจะออกเดินทางวันพรุ่งนี้ เกรงว่าเขาต้องการไปลี่โจวโดยเร็วที่สุดเพื่อนัดดูตัวให้กับลูกสาวทั้งสองที่ยังหาคนเหมาะสมไม่ได้สินะ
“นายท่านเยี่ยนบอกว่าเขาหวังจะได้เดินทางเร็วกว่านี้ แต่ข้าน้อยยังคิดว่าให้คุณหนูตัดสินใจในตอนนี้จะดีกว่า” ซั่งกวนจิ่นรู้ดีว่าที่นายท่านเยี่ยนบอกก่อนหน้านี้ว่ายิ่งเร็วก็ยิ่งดีนั้นเป็นความคิดของเขาเอง และไม่เคยคุยเรื่องนี้กับเยี่ยนมี่เอ๋อร์เลย
“นายท่านพูดถูกเสมอ ข้าเป็นลูกสาวก็ไม่ดีที่จะคัดค้าน!” คำพูดของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ทำให้ซั่งกวนจิ่นรู้ว่าการคาดเดาของเขาถูกต้อง และยังได้ฟังเยี่ยนมี่เอ๋อร์พูดว่า “เพียงแต่ข้าเพิ่งหายจากอาการป่วยหนัก อยากจะพักสักวันสองวัน เจ้าว่ารอที่อู๋โจวสักสองวันจะได้หรือไม่?”
“ข้าน้อยเพิ่งมาถึงเมืองอู๋โจว และต้องการพักชั่วคราวสักหน่อย ก็ต้องใช้เวลาเก็บรวบรวมสินเดิมของคุณหนูด้วย ออกเดินทางในอีกสองวันก็จะดีมาก” ซั่งกวนจิ่นพูดด้วยความเข้าอกเข้าใจ
“ขอบคุณมาก!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้ว่านายท่านเยี่ยนไม่ต้องการให้นางพูด ซั่งกวนจิ่นคนนี้ทำได้ดีมาก
“ยังมีอีกอย่างหนึ่ง!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กล่าวอีกครั้ง
“คุณหนูเชิญพูด!”
“ข้ารู้ว่ามันไม่เหมาะที่จะพบครอบครัวของสามีก่อนแต่งงาน แต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องคุยกับฮูหยิน ถ้าทำได้ละก็ ขอให้เจ้าฝากบอกฮูหยิน ให้ฮูหยินส่งแม่นมส่วนตัวมาถ่ายทอดคำพูดก็ได้!”
“นั่นไม่ใช่ปัญหา! ลานบ้านอื่นๆ ที่จัดเตรียมไว้ให้คุณหนูนั้นได้เก็บกวาดทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว แม่นมสองสามคนที่มีเครื่องประดับบนศีรษะล้วนเป็นคนใกล้ชิดของฮูหยินได้อยู่ข้างในแล้ว เพื่อให้คุณหนูสบายใจได้” คำพูดของซั่งกวนจิ่นทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยกยิ้มเจื่อนๆ ดูท่าแม่สามีในอนาคตผู้นี้จะเอ็นดูนางเสียจริงๆ
“ขอบคุณมากจริงๆ!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กล่าวด้วยความจริงใจ นางเหลือบมองไปที่จื่อหลัวที่รอรับใช้อยู่ข้างๆ จื่อหลัวขยิบตาและยื่นถุงเงินที่เตรียมไว้ก่อนแล้วให้ซั่งกวนจิ่น
“นี่คือ…” ซั่งกวนจิ่นพูดอย่างเขินอายเล็กน้อย “ความใจดีของคุณหนูข้าน้อยขอน้อมรับด้วยใจ ของขวัญนี้มิกล้ารับ!”
“รับไว้เถอะ!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กล่าวด้วยความจริงใจ “ข้ารู้ว่าตระกูลซั่งกวนก็มีกฎอยู่ นี่เป็นเพียงน้ำใจแรกพบของเราเท่านั้นเอง ต่อให้นายท่านซั่งกวนกับฮูหยินจะรู้เรื่องนี้ ก็จะไม่ตำหนิเลย!”
“ขอบคุณคุณหนู” ซั่งกวนจิ่นจึงต้องรับไว้ เขารู้ด้วยว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ถามคำถามเสร็จแล้ว จึงกล่าวด้วยความเคารพนบนอบว่า “ผู้น้อยยังมีเรื่องต้องทำ ขอตัวก่อน!”
“ลู่หลัว ส่งพ่อบ้าน!”
“เจ้าค่ะ!”
“คุณหนู ท่านให้ของมากเกินไป…” จื่อหลัวรู้ว่ามีอะไรอยู่ในถุงเงิน นางรู้สึกงงงวยเล็กน้อยกับความตั้งใจของคุณหนู
“เหมาะสมมากแล้ว จื่อหลัว แม้ตระกูลซั่งกวนจะเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในใต้หล้า แต่เจ้าอย่าลืม พวกเขาเป็นตระกูลในยุทธภพ รากฐานใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือยุทธภพที่เราไม่คุ้นหูคุ้นตา ข้าไม่รู้ว่ายุทธภพเป็นอย่างไร แต่ข้ารู้ว่ายุทธภพนั้นอันตรายแค่ไหน พ่อบ้านใหญ่ของตระกูลซั่งกวน ยังเป็นพ่อบ้านที่มีแซ่ซั่งกวน ไม่ว่าแซ่ของเขาจะมาจากไหน ก็แสดงให้เห็นว่าคนคนนี้ไม่ธรรมดา เขาจะต้องมีชื่อในยุทธภพอยู่บ้าง ด้วยฝีมือของเขาก็ดี น่าจะแข็งแกร่งกว่าผู้คุ้มกันพวกนั้นที่นายท่านเชิญมาซึ่งอ้างว่าเป็นยอดฝีมือในยุทธจักรหลายสิบถึงหลายร้อยเท่า! เขาต้องรู้จักยาเม็ดนั้น สำหรับเขาแล้ว การมียาเม็ดนั้น ก็เป็นการป้องกันอีกชั้นหนึ่ง มันจะเป็นประโยชน์มากกว่าการให้เงินทองเขาจริงๆ!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์คำนวณอย่างชัดเจน
“แต่นั่นเป็นของที่ไท่ไท่รองเหลืออยู่นะเจ้าคะ!” จื่อหลัวรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้ นางไม่รู้ว่าของแบบนั้นทำอะไรได้บ้าง แต่มันเป็นสิ่งที่ไท่ไท่รองวางไม่ลงก่อนตาย ได้ยินว่าได้รับพระราชทานมา
“ของสิ่งนั้นไม่มีประโยชน์สำหรับข้า แทนที่จะปล่อยให้มันหายไปในมือข้า สู้เอามาเป็นของขวัญแสดงน้ำใจจะดีกว่า” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กล่าวอย่างราบเรียบ มันเป็นเพียงยาแก้พิษศักดิ์สิทธิ์เม็ดหนึ่งที่ได้รับพระราชทานมา สำหรับนางแล้วจึงเปล่าประโยชน์ ถ้าไม่ใช่ว่ามารดาเก็บไว้ให้ คงถูกทิ้งไปนานแล้ว
“คุณหนู…”
“กลับห้องเถอะ ยังมีเรื่องต้องทำอีก ข้าไม่อยากพบใครในสองวันนี้ โดยเฉพาะนายท่านกับไท่ไท่” เมื่อเห็นลู่หลัวหันกลับไป เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะพูดอะไรอีก จึงลุกขึ้นกลับไปที่ห้อง จื่อหลัวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหุบปาก
———————————-
“หา นี่คืออะไร?” เมื่อมองเห็นถุงเงินที่ซั่งกวนจิ่นหยิบออกมาจากอกเสื้อ เด็กรับใช้ที่เดินเข้ามาใกล้คนนั้น ดูฉลาดปราดเปรียวและหน้าตาคมคายก็ถามอย่างอยากรู้อยากเห็นมากว่า “สาวใช้จากตระกูลเยี่ยนอะไรนั้นตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกเห็น แล้วมอบของแทนใจให้กับเจ้างั้นหรือ? แต่ก็ไม่ถูกนะ? แม้เจ้าจะเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเจ้าก็อายุปาเข้าไปสี่สิบปีแล้ว…”
“นี่เป็นรางวัลจากคุณหนูห้าตระกูลเยี่ยน” ซั่งกวนจิ่นขัดจังหวะการพูดเป็นต่อยหอยที่กำลังจะเกิดขึ้น แล้วกล่าวว่า “นางเรียกข้าไปถามไม่ใช่หรือ? นางบรรลุเป้าหมายแล้ว ย่อมจะให้ผลประโยชน์กับข้าเล็กน้อย!”
“คนใช้เหรอ? ลุงจิ่น หญิงสาวคนนั้นกล้าคิดว่าเจ้าเป็นคนใช้จริงหรือ?” เด็กรับใช้มีท่าทางไม่พอใจอัดแน่นเต็มอกแล้วพูดว่า “นางไม่รู้หรือว่าเจ้าเป็นผู้ช่วยมือฉมังของท่านพ่อ? นางไม่รู้หรือว่าเจ้าดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของคนในตระกูลซั่งกวนทั้งหมด? นางไม่รู้…”
“เอาล่ะ!” ซั่งกวนจิ่นรู้สึกขุ่นข้องหมองใจ เขาแค่ไม่ทันระวังตัว จะถูกคนยั่วยุให้อารมณ์เสียเช่นนี้ได้อย่างไร ตอนนี้จะเสียใจก็สายไปแล้ว “คุณหนูที่ดีของข้า คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนเพียงแค่เป็นบุตรสาวที่ยังไม่ออกเรือน ซึ่งปกติถือกันว่าไม่ออกนอกประตูใหญ่ ไม่ล่วงข้ามประตูสองที่จำกัดเฉพาะหญิงเท่านั้น นางจะรู้จักข้าได้อย่างไรเล่า?”
“ลุงจิ่น เหตุใดนางจะไม่รู้จักเล่า?” คุณหนูที่แต่งกายเป็นเด็กรับใช้ของซั่งกวนถามอย่างงุนงง “ใครในยุทธภพจะไม่รู้จักชื่อเสียงของเจ้า…”
“นางไม่ใช่คนในยุทธภพ!” ซั่งกวนจิ่นมองคุณหนูที่ไม่โตคนนี้ด้วยอาการปวดหัว นี่คือบุตรสาวคนสุดท้องของฮูหยิน
ซั่งกวน ซั่งกวนจิงอิ๋งอายุเพียงสิบห้าปี อยู่ภายใต้การดูแลของคนในครอบครัว นางจึงเป็นเด็กที่ไม่รู้ถึงฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอะไรเลย
“นั่นสินะ!” ซั่งกวนจิงอิ๋งครุ่นคิดสักพัก และเห็นด้วยกับคำพูดของซั่งกวนจิ่น จากนั้นก็เริ่มสงสัยถุงเงินแล้วเอ่ยขึ้นว่า “รีบดูสิว่า มีอะไรอยู่ในนี้? ใบไม้ทองคำหรือเหรียญเงิน? หรือไข่มุกอะไรอย่างนั้น?”
ซั่งกวนจิ่นมองดูอย่างจนใจ ในขณะที่ซั่งกวนจิงอิ๋งคว้าถุงเงินจากมือไป แล้วเทของในนั้นออกมา!
“อี๋ ทำไมเป็นเม็ดขี้ผึ้ง? ยังมีคำว่า ‘ยาต้านพิษสารพัดนึก’ ลุงจิ่น มันเป็นยาพิษไม่ใช่หรือ? นางจะให้ยาพิษกับเจ้าได้อย่างไร? เจ้าไปทำอะไรให้นางขัดหูขัดตาหรือเปล่า? นางจึงอยากวางยาพิษให้เจ้าตาย?” ซั่งกวนจิงอิ๋งถามอย่างข้องใจ
“คุณหนู ยาต้านพิษสารพัดนึกเป็นเพียงแค่ชื่อเท่านั้น และไม่ได้หมายความว่ามันเป็นยาพิษ ตรงกันข้าม มันเป็นยาถอนพิษที่มีฤทธิ์ในการล้างพิษที่ดีมากชนิดหนึ่ง กล่าวกันว่าปรุงยาอย่างลับๆ ในวัง ฮ่องเต้จะประทานยาเม็ดแบบนี้ให้กับคนใกล้ชิด ใช้เพื่อช่วยชีวิตในช่วงวิกฤติ มารดาของคุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนเป็นเพื่อนสนิทรู้ใจของฮูหยิน ปู่ทวดของนางอำมาตย์ฉิน เคยเป็นอำมาตย์ที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดของฮ่องเต้องค์ก่อน ถ้าไม่ใช่ว่าเข้าไปพัวพันกับการก่อกบฏของอ๋องเหยี่ยน เขาก็ยังไม่สูญเสียตำแหน่งขุนนางก่อนวัยชราเช่นกัน ลูกชายคนรองจากภรรยาหลวงของเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับไปยังสถานที่เล็กๆ อย่างอู๋โจวนั่น จึงปล่อยให้ลูกสาวของเขาแต่งเป็นภรรยาของพ่อค้าอย่างจำใจ คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนส่งของสิ่งนี้มาให้ เพื่อพิสูจน์ว่านางยังมีความเข้าใจบางอย่างที่แฝงความหมายของตระกูลในยุทธภพ และพิสูจน์ได้ว่านางเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!” ซั่งกวนจิ่นรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี และได้เห็นอะไรมากมายผ่านสิ่งเล็กน้อยนี้
“ถ้าอย่างนั้นนางก็ใจดีน่ะสิ!” ซั่งกวนจิงอิ๋งไม่คิดจะพูดอ้อมค้อมเลย
“ขอรับ!” ซั่งกวนจิ่นพูดได้เพียงแค่นี้ ถ้าพูดมากอีกสักนิด ปัญหาของซั่งกวนจิงอิ๋งจะทำให้เขาต้องการหาที่หลบภัย
“เจ้าได้พบกับคุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนงั้นหรือ? หน้าตาสวยเป็นอย่างไร? คู่ควรกับพี่ชายหรือเปล่า? นางอ่อนโยนและใจดีเหมือนที่ท่านแม่พูดหรือไม่?” ซั่งกวนจิงอิ๋งเปลี่ยนเรื่อง
“ข้าไม่เคยเห็นคุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนคนนั้น นางพูดคุยกับข้าอยู่หลังฉากกั้น!” ซั่งกวนจิ่นขยิบตาไปทางคนอื่นๆ อย่างสุดชีวิต
“ทำไมเจ้าไม่เห็นนางล่ะ? ก็เหมือนกับพี่ชายที่คิดว่านางจะไม่ดีใช่หรือไม่ นางไม่คู่ควรกับพี่ชายจริงๆ หรือ?” ซั่งกวนจิง อิ๋งถามคำถามออกมาไม่หยุด
“ลุงจิ่น มีเรื่องสำคัญในเรือนที่ท่านต้องไปทำเอง?” ในที่สุดก็มีคนมาช่วย
“คุณหนู ข้าจะไปแล้ว!” ซั่งกวนจิ่นวิ่งหนีออกไป
“ทำไมลุงจิ่นไม่ตอบคำถามของข้าล่ะ?” ซั่งกวนจิงอิ๋งมองไปที่ด้านหลังของซั่งกวนจิ่นด้วยความผิดหวัง ทันใดนั้นก็แอบหัวเราะ ไม่ตอบก็ไม่ต้องตอบ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร! ที่นี่ไม่ใช่ตระกูลเยี่ยนหรอกเหรอ ฉวยจังหวะไปดูนางตอนกลางคืนก็จะรู้ได้แล้วไม่ใช่หรือ?
———————————————